ในตอนนี้ หลินฟานได้มาส่งเซี่ยปิงกับเซี่ยเสว่ถึงที่หอพักหญิงแล้ว และทั้งสามก็กำลังยืนอยู่ที่ชั้นล่าง
ซึ่งในเวลานี้หลินฟานมองไปที่ใบหน้าอันสวยงามของพวกเธออยู่ และในที่สุดหลินฟานก็ทนไม่ไหว เขาได้ยื่นมือออกไปบีบแก้มของพวกเธอเบาๆ
ทันใดนั้น ใบหน้าที่สวยงามของเซี่ยปิงและเซี่ยเสว่ก็แดงขึ้นเหมือนมะเขือเทศสุก
หลินฟานมองดูท่าทางที่เขินอายของพวกเธอด้วยความสนใจอย่างมาก จากนั้นเขาก็ค่อยๆลดศีรษะลง และโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เหมือนกับผีเสื้อที่ค่อยๆกลางปีกบินไปดูดเกสร
ในทันทีที่เรื่องนี้เกิดขึ้น ดวงตาที่สวยงามของเซี่ยปิงและเซี่ยเสว่ก็พองโตขึ้นมาในทันที อีกทั้งยังทำให้ใบหน้าที่สวยงาม หู และคอของพวกเธอ…เปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพูอีกด้วยเช่นกัน
…
จากนั้นหลินฟานก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “โอเค ขึ้นห้องได้แล้วนะ”
“อื้มมม!”
เซี่ยปิงและเซี่ยเสว่ ได้ตอบกลับไปพร้อมกัน จากนั้นขาที่เรียวสวยของพวกเธอก็รีบวิ่งขึ้นบรรไดไปราวกับว่ากำลังหนีใครบางคนเพื่อเอาชีวิตรอด
หลินฟานยืนรอจนกว่าพวกเธอจะขึ้นไปถึงชั้นบน จากนั้นไม่นานเขาก็หันหลังกลับและตรงไปที่บิ๊กจี
และในวินาทีที่เขาได้ขึ้นไปอยู่บนรถ เขาก็เหยียบคันเร่งทันที จากนั้นรถก็ถูกขับออกไปด้วยความเร็ว
หลังจากที่หลินฟานขับรถออกไปแล้ว หัวเล็กๆของเซี่ยปิงและเซี่ยเสว่ ก็โผล่ออกมาจากหน้าต่างในห้องของเธอ
ใบหน้าที่ยื่นออกมามีทั้งความเขินอายแล้วก็ความหอบเหนื่อย
“กริ๊ง!”
ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของพวกเธอได้ดังขึ้นมาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ซึ่งคนที่กดวีดีโอคอลมาก็คือเซี่ยหยาน
และเมื่อเซี่ยปิงกับเซี่ยเสว่ เห็นว่าหลินฟานได้ขับรถออกไปจากหอพักแล้ว พวกเธอจึงค่อยมากดรับสายของเซี่ยหยาน
“ทำไมเธอสองคนถึงหน้าแดงจัง” เซี่ยหยานหัวเราะ “หรือว่า พวกเธอเพิ่งจะออกกำลังกายกับแฟนหนุ่มมาหรอ?”
หลังจากที่เซี่ยหยานพูดประโยคนี้ออกมา ใบหน้าที่สวยงามของเซี่ยปิงและเซี่ยเสว่ ก็แดงขึ้นมามากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
พวกเธอพูดตะกุกตะกัก “เขา…เขาบีบแก้ม”
“แค่บีบแก้มพวกเธอแค่นั้นหรอ” เซี่ยหยานถามด้วยความสงสัย
“เขา…จูบ…”
“ฮ่าฮ่า ว่าแล้วเชียว!” เซี่ยหยานหัวเราะออกมา
แต่ในเวลาต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ได้หายไป
เซี่ยหยานพูด “เซี่ยปิง,เซี่ยเสว่! พวกเธอได้กินข้าวกล่องหรือเปล่า?”
“เปล่า… เพราะเขาชวนพวกเราไปกินข้าวตอนเย็น”
“แต่นั่นฉันเป็นคนทำเองกับมือเลยนะ!” เซี่ยหยานตะโกน
ถึงเซี่ยปิงและเซี่ยเสว่จะไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ท่าทางออกของพวกเธอได้บอกออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า: นั่นไม่สำคัญเท่ากับการได้ทานอาหารเย็นกับหลินฟาน!
……
ณ ในเวลานี้ หลินฟานได้มาถึงยังที่จอดรถแล้ว
แต่เขาไม่ได้ลงจากรถในทันที เขากำลังมุ่งความสนใจไปที่ซองแดงสีเงิน
หลินฟานพึมพัม “ซองแดงสีเงิน 5 ซอง ดูซิว่าจะได้อะไรบ้าง”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 800,000 หยวน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับรถปากานีเฟิงเซิน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับ โล่พลังงานป้องกันไฟแล้ว”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 500,000 หยวน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณรับได้เงิน 300,000 หยวน”
5 ซองแดงสีเงินที่หลินฟานเพิ่งเปิด ทำให้เขาได้เงินมาทั้งหมด 1.6 ล้านหยวน
สำหรับจำนวนเงินเล็กน้อยนี้ เขาไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
เขาเอาแต่จ้องมองไปที่โล่พลังงานป้องกันไฟ
【โล่พลังงานป้องกันไฟ: ดูดซับพลังงานอิสระในโลกอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมันพบกับอุณหภูมิที่สูงเกินทน มันจะสร้างเกราะป้องกันโปร่งใสขึ้นมาอัตโนมัติ เพื่อให้เจ้าของได้รับการป้องกันจากอุณหภูมิที่สูงผิดปกติ 】
เมื่อเห็นสิ่งนี้…
หลินฟานก็ยกมุมปากของเขาขึ้นเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าฉันจะไม่เหนื่อยฟรีกับการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จสินะ ชั่งคุ้มกับของที่ได้มาจริงๆ!”
จากนั้นเขาก็ค่อยๆเงยศีรษะขึ้นมา และก็บังเอิญเห็นรถซุปเปอร์คาร์ที่มีสไตล์สุดเท่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา
และในทันทีที่เห็น ดวงตาของหลินฟานก็ถึงกับเปร่งประการขึ้นมา
เขากำลังจะเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่ก็พบว่ามีกุญแจรถแปลกๆอยู่ข้างในกระเป๋า จากนั้นเขาก็ค่อยๆหยิบมันขึ้นมา และทำการกดสวิตช์ที่กุญแจรถทันที
“ติ๊ด!”
ทันทีที่กด ไฟของรถซุปเปอร์คาร์ที่อยู่ข้างหน้าเขาก็มีแสงกระพิบขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่านี่คือรถปากานีเฟิงเซิน ที่หลินฟานได้รับมาจากซองแดงสีเงิน
หลินฟานค่อยๆเดินไปยังรถแล้วค่อยเปิดประตูและเข้าไปนั่งข้างใน
ตำแหน่งของคอนโซลกลาง พวงมาลัย ฯลฯ ทั้งหมดเหมือนกับของลัมโบร์กินี่ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสปอร์ต แถมเบาะยังหุ้มด้วยหนังชั้นดี ให้ความสบายแบบสปอร์ตและไม่สูญเสียความนิ่มนิ่ง
“บูม!”
ทันทีที่สตาร์ทรถ ปากานีเฟิงเซินก็เปล่งเสียงคำรามอย่างราชา
สุดยอด!
หลินฟานพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่จะเดินออกไปจากรถ
แต่ไม่นานหลังจากที่หลินฟานเดินออกไป นักศึกษาบางคนก็ได้เดินเข้ามาเห็น
“ดูนั่นสิ มีรถสปอร์ตจอดอยู่ตรงนั้น!” นักเรียนตัวเตี้ยพูดด้วยความประหลาดใจ
“ไหนขอฉันดูหน่อย… เชี่ย! รูปทรงนี้เท่เกินไปใช่ไหม ฉันลองค้นหาในอินเทอร์เน็ตดูดีกว่าเป็นรถประเภทไหน” นักเรียนตัวสูงพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
และวินาทีถัดมา นักเรียนตัวสูงก็ได้ตะโกนสุดเสียง: “ไอบ้า! นี่มัน…ปากานีเฟิงเซิน ที่มีราคาถึง 90 ล้านหยวน!”
เสียงของเขาที่ตะโกนออกมาอย่างดัง จึงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นตัวเตี้ยข้างๆเขาเท่านั้นที่ได้ยิน
นักเรียนที่ผ่านไปมาอยู่แถวนี้ก็ได้ยินเช่นกัน
หลังจากนั้น นักเรียนหลายคนก็ได้เข้ามาถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์ แล้วส่งไปที่กลุ่มแชทของห้องเรียน หรือโพสต์ไว้ตามแถบโพสต์ต่างๆ
……
ในขณะเดียวกัน หลินฟานก็มาถึงห้องเรียนแล้ว
ด้วยการอธิบายที่พูดพล่ามของศาสตราจารย์เฒ่า หลินฟาจึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ากำลังฟังเพลงกล่อมเด็ก
และเมื่อหลินฟานตื่นขึ้น คาบเรียนนี้ก็จบลงพอดี
หลินฟานจึงเดินกลับไปที่หอพักพร้อมกับเพื่อนของเขาทั้งสามคน
แต่เมื่อเขากลับมาถึงที่หอพัก หม่าจงก็ยังตั้งใจเรียนไม่เปลี่ยน เขาหยิบหนังสือขึ้นมาและทำการทบทวนเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
ผิดกับเจิ้งจินเป่า ที่เปิดคอมพิวเตอร์และดูการถ่ายทอดสดของสาวๆด้วยรอยยิ้ม
ส่วนซงหยี่ก็กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ พร้อมกับเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปมาอย่างสบายๆ
แต่แล้วจู่ๆซงหยี่ก็ลุกขึ้นยืนและตะโกนว่า “ไอบ้า!”
ทันทีที่เห็นท่าทางของซงหยี่ เจิ้งจินเป่ากับหม่าจง ก็ถึงกับหันไปมองด้วยสายตาที่มึนงงเป็นอย่างมาก
“มีอะไรงั้นหรอ นายถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้” เจิ้งจินเป่าบจมูกของเขาและพูดไปด้วย
ซ่งหยี่รีบกล่าวว่า “ปากานีเฟิงเซิน! ที่มหาวิทยาลัยของเรามีรถปากานีเฟิงเซินจอดไว้น่ะสิ!”
“ไอบ้าเอ๊ย! จริงหรอเนี่ย?” เจิ้งจินเป่าเองรู้สึกตกใจมากเหมือนกัน
“ถ้าไม่เชื่อ! ก็มาดูสิ มีรูปภาพในแถบโพสต์อยู่เต็มไปหมด!” ซงหยี่ตะโกน
จากนั้นเจิ้งจินเป่าก็รีบโน้มตัวไปข้างหน้าและอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “รูปร่างแบบนี้ ใช่ ใช่แน่ๆ! มันคือปากานีเฟิงเซินจริงๆด้วย! นี่คือรถซุปเปอร์สปอร์ตที่มีมูลค่าถึง 90 ล้านหยวน!”
“90 ล้านหยวน?!” ทันทีที่หม่าจงได้ยิน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
เจิ้งจินเป่ายังคงพูดต่อ “ดูเหมือนสถานที่ในรูปนี้จะอยู่ในที่จอดรถหมายเลข 2 สินะ เราเดินไปหารอบๆกัน! ไปตอนนี้เลย!”
จากนั้น หม่าจงก็รีบปิดหนังสือ เห็นได้ชัดว่าเขาก็อยากรู้ว่ารถที่มีมูลค่าถึง 90 ล้านหยวน นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
ในขณะเดียวกัน ซงหยี่ก็เห็นว่าหลินฟ่านยังคงนอนอยู่บนเตียงอย่างสบาย ๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรแต่อย่างใด เขาเลยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่ฟาน พี่จะไม่ไปดูงั้นหรอ?”
ในความคิดของซงหยี่ หลินฟานที่ซื้อรถลัมโบร์กินี่ จะต้องเป็นคนรักรถอย่างแน่นอน และเขาก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะได้เห็นปากานีเฟิงเซิน
จากนั้นหลินฟานที่นอนอยู่ก็พูดขึ้นมาอย่างงัวเงีย “รถคันนั้นเป็นของฉันเอง”
ห่ะ!
ทั้งห้องได้เงียบไปชั่วขณะ!
มีเพียงแค่เสียงหายใจหนักๆ ไม่กี่เสียงเท่านั้นที่สามารถจะได้ยิน
ซ่งหยี่ถึงกับพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก: “พี่… พี่ฟาน พี่หมายถึงปากานีเฟิงเซินใช่ไหม…เป็นของพี่งั้นหรอ?”
“ใช่” หลังจากที่สิ้นเสียงของหลินฟาน เขาก็โยนกุญแจรถไปบนโต๊ะ
ถึงแม้ว่าซงหยี่และคนอื่นๆจะรู้ว่าหลินฟ่านเป็นคนที่รวยมาก!
แต่พวกเขาไม่คิดว่า ปากานีเฟิงเซิน คันนี้จะเป็นของหลินฟาน
เขาก็มีแลมโบกินี่ไม่ใช่หรือไง?
ทำไมถึงยังมีปากานีเฟิงเซินอีก?
วินาทีต่อมา ซงหยี่ เจิ้งจินเป่าและหม่าจงต่างก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน “คุกเข่าให้พี่ฟาน!”