ภาค 3 บทที่ 162 คนของนาง

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

ใครก็คิดไม่ถึงว่าประโยคแรกที่คุณหนูจวินเอ่ยจะเป็นประโยคนี้ 

 

แม้คิดไม่ถึง เหลยจงเหลียนก็พุ่งเข้าใส่จินสือปาทันที ส่วนพวกผู้คุ้มกันก็โถมเข้าใส่องครักษ์เสื้อแพรที่เหลือด้วย 

 

จินสือปาแม้คิดไม่ถึงก็ชักหอกสั้นสองเล่มออกมาจากเอวเช่นกัน 

 

เหลยจงเหลียนหลบได้หวุดหวิด 

 

“ไม่ใช่ให้ทิ้งอาวุธไปแล้วรึ?” คนของสำนักคุ้มภัยคนหนึ่งมององครักษ์เสื้อแพรอีกสี่คนที่เอาอาวุธออกมาบ้าง ตะโกนโกรธเกรี้ยว “ไร้ยางอายจริงๆ!” 

 

นี่ใครไร้ยางอายกันแน่! 

 

พวกเจ้าให้โยนอาวุธทิ้ง ผลสุดท้ายเข้ามาปุบก็รุมโจมตี นี่ก็ไร้ยางอายเกินไปแล้ว 

 

“โชคดีพวกเราไม่โง่ ไม่ได้ฟังพวกเจ้าโยนอาวุธทิ้งไปจริงๆ” องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งยิ้มหยันเอ่ย 

 

ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็โง่จริงๆแล้ว พวกเราเชื่อฟังคุณหนูจวินวางอาวุธลงจนหมด … ลืมเสียสนิทว่าองครักษ์เสื้อแพรคงไม่เชื่อฟังคำพูดของคุณหนูจวินจริงๆ พวกเขาก็ไม่ใช่คนของคุณหนูจวินด้วย แม้ตามมาช่วยคุณหนูจวินด้วยกันก็ตาม 

 

พวกเหลยจงเหลียนมองพวกองครักษ์เสื้อแพรพวกนี้ สีหน้าระแวง ร่างกายเกร็งเครียด 

 

ถืออาวุธก็ไม่แน่ว่าจะสู้ชนะพวกเขา ตอนนี้มือเปล่าหมัดเปล่าอีก ได้แต่อาศัยกายเนื้อสู้แล้ว 

 

ตายก็ต้องกัดให้ได้สักคน 

 

จินสือปากลับไม่ได้สนใจพวกเขา สายตาจับอยู่ที่ผู้เฒ่าเด็กน้อยบุรุษสตรีที่ยืนอยู่รอบด้าน 

 

ผู้เฒ่าเด็กน้อยบุรุษสตรีเหล่านี้เดิมทีหน้าตาใสซื่อ เวลานี้คล้ายถูกความตื่นตะลึงจากเรื่องคาดไม่ถึงต่อเนื่องนี่ทำให้อึ้งไปแล้ว แต่ละคนๆ สีหน้าโง่งม 

 

แต่ผู้เฒ่าเด็กสตรีโง่งมที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่นเหล่านี้กลับทำให้จินสือปาระวัง 

 

ที่จริงถึงตอนนี้จินสือปาก็ยังคงสงสัยอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้นต่อเนื่องนี้ที่แท้ใช่คุณหนูจวินผู้นี้แต่งเองแสดงเองหรือไม่? 

 

แรกสุดหายตัวไปเขาคิดว่าใช่ ต่อมาดูแล้วไม่ใช่ เข้ามาในเขาจางชิงซานมองเห็นคุณหนูจวินร่วงลงมาจากฟ้าจนถึงตนเองถูกหลอกเข้ามารุมโจมตี เขาก็รู้สึกว่านี่เป็นกับดักอันหนึ่ง 

 

กับดักที่มีไว้เพื่อเขา 

 

หากไม่ใช่เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นโจรภูเขาที่ลักพาตัวคุณหนูจวินไปได้ ทั้งยังซ่อนเร้นอยู่ในเขาจางชิงซานเงียบเชียบไร้ข่าวคราวนานปีปานนี้ รวมถึงวางเชือกรัดม้าที่แปลกประหลาดปานนั้นแล้วยังมีศรหนักอีก ควรจะร้ายกาจมากปานใด 

 

หากนี่เป็นกับดักของคุณหนูจวิน เขากลับไม่หวาดกลัวขนาดนั้น ระดับของผู้คุ้มกันและคนของสำนักคุ้มภัยพวกนี้ของคุณหนูจวิน ตลอดทางมานี้เขาคุ้นเคยยิ่งนักแล้ว แม้กล่าวกันว่าสุนัขดีสู้สุนัขเลวจำนวนมากไม่ได้ แต่อยากคุมตัวเขายังไม่ง่ายปานนั้น 

 

หากไม่ใช่กับดักของคุณหนูจวิน…. 

 

จินสือปามองชาวเขาโง่งมเหล่านี้ ในมือพวกเขาถือเคียว ไม้เขี่ยฟืน… 

 

“พวกเราคือองครักษ์เสื้อแพรปฏิบัติงาน คนไม่เกี่ยวข้อง…” เขาทำหน้าจริงจังเอ่ย 

 

วาจายังไม่ทันเอ่ยจบก็เห็นบุรุษวัยกลางคนที่ยืนอยู่สะบัดมือวูบหนึ่ง 

 

แย่แล้ว! 

 

จินสือปาสองตาเบิกขึ้น หอกสั้นในมือสะบัดออกมาตรงๆ 

 

ผู้เฒ่าเด็กน้อยสตรีรอบด้านพุ่งเข้ามาแล้ว เคียว ไม้เขี่ยฟืนหวดหอกสั้นในมือจินสือปาปลิว 

 

ผู้เฒ่าเด็กน้อยสตรีกลุ่มหนึ่ง ต่อให้เขาไม่มีอาวุธก็ไม่กลัว กระทั่งเหลยจงเหลียนคนพวกนี้เข้ามาพร้อมกัน เขาก็ไม่… 

 

ความคิดเพิ่งแล่นผ่านก็เห็นผู้เฒ่าเด็กน้อยตรงหน้ากู่ร้องพร้อมเพรียง ก้าวไขว้สลับรุดมาข้างหน้า 

 

“บุก” 

 

พร้อมกับเสียงตะโกนนี้ จินสือปารู้สึกเพียงตาลาย คนทั้งหมดก็พลันถูกพลิกล้มกับพื้น ยังไม่ทันรอเขาตอบสนองทันก็ถูกคนรุมเข้ามา มือเท้าถูกเชือกมัดในเวลาเดียวกัน 

 

การเคลื่อนไหวของพวกเขาว่องไวมาก รอดวงตาของจินสือปาฟื้นกลับมามองรอบด้านชัดอีกครั้ง องครักษ์เสื้อแพรอีกสี่คนก็ถูกมัดเป็นบ๊ะจ่างเหมือนกันแล้ว 

 

ส่วนพวกผู้คุ้มกันและคนของสำนักคุ้มภัยถึงขนาดยังนิ่งงันอยู่ที่เดิมในท่วงท่าเตรียมพร้อมบุก 

 

แข็งแกร่งนัก! 

 

ร้ายกาจยิ่ง! 

 

สุนัขดีอาจสู้สุนัขเลวขโยงหนึ่งได้ แต่สุนัขดีสู้กับสุนัขดีฝูงหนึ่งย่อมอันตรายแล้ว 

 

ในใจจินสือปาร้องตะโกน 

 

ใบหน้าคุณหนูจวินเผยรอยยิ้ม ทั้งภาคภูมิใจรวมถึงปวดใจอยู่บ้างเลือนราง 

 

คนเหล่านี้น่ะ เป็นคนของอาจารย์ล่ะ ศิษย์ร่วมสำนักของข้าล่ะ 

 

ข้ายังมีศิษย์ร่วมสำนักด้วยล่ะ ศิษย์ร่วมสำนักร้ายกาจปานใด บอกให้ช่วย ไม่มีลังเลสักนิดก็ก้าวเข้ามาแล้ว 

 

“น้าเซี่ย ขังพวกเขาไว้” นางเอ่ย 

 

เห็นเป็นคนของตนเองไปแล้วจริงๆ ภรรยาของเซี่ยหย่งสีหน้าประหลาดมองไปทางเซี่ยหย่ง 

 

“ไปเถอะ ทำตามที่คุณหนูจวินว่า” เซี่ยหย่งเอ่ย 

 

ภรรยาของเซี่ยหย่งขานรับ ร้องเรียกทุกคนเข้ามา 

 

“คุณหนูจวิน ท่านอย่าคิดว่าแบบนี้ก็จะ…” จินสือปาขมวดคิ้วตวาด 

 

คำพูดยังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกผู้หญิงนางหนึ่งใช้มือปิดปากไว้ กลิ่นเหม็นฉุนแสบจมูกทำให้เขาหวิดน้ำตาไหลออกมา 

 

มือของผู้หญิงคนนี้เป็นอะไร? เพิ่งป้ายมูลวัวมาหรือ? 

 

เขาสะบัดศีรษะหลบมือของสตรีนางนั้น สตรีคนหนึ่งไหนเลยปิดปากเขาอยู่? มือของผู้หญิงถูกสะบัดออกไปอย่างที่คิด แต่เขากลับพบว่าตนเองเอ่ยวาจาออกมาไม่ได้แล้ว 

 

ริมฝีปากลิ้นเผ็ดร้อนแสบชา ไม่นานครึ่งหน้าก็ชาไปหมดแล้ว 

 

โจรภูเขาที่ร้ายกาจยิ่งนัก! 

 

ในที่สุดจินสือปากก็มั่นใจจุดนี้แล้ว เขาสีหน้าตะลึงงันมองผู้เฒ่าเด็กสตรีเหล่านี้ 

 

โจรภูเขาที่ร้ายกาจปานนี้ คุณหนูจวินกล่อมพวกเขาอย่างไร? 

 

คุณหนูจวินคนนี้ถึงร้ายกาจ 

 

จินสือปาไม่มีโอกาสถามอะไรออกมาอีก ถูกคนกลุ่มหนึ่งแบกออกไป คุณหนูจวินก็หายไปจากสายตาอย่างรวดเร็วเช่นกัน 

 

พวกเหลยจงเหลียนมองดูพวกจินสือปาถูกแบกออกไป สีหน้าไม่ได้ผ่อนคลายลง ตรงกันข้ามกลับยิ่งเคร่งเครียด 

 

คนเหล่านี้ ร้ายกาจเหลือเกิน 

 

เมื่อครู่พวกเขามองเห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง คนเหล่านี้รุกถอยเป็นระเบียบ การเคลื่อนไหวที่มือนับไม่ได้ว่ายอดเยี่ยมมากเท่าไร ถึงขั้นเรียบง่ายจนถึงตรงไปตรงมา แต่การเคลื่อนไหวเรียบง่ายเหล่านี้ขยับตามการรุกถอยของคนเหล่านี้ดันเปลี่ยนกลายเป็นดุร้ายไร้ช่องโหว่โจมตี 

 

นี่เป็นชาวเขาผู้เฒ่าเด็กสตรีกลุ่มหนึ่งที่ไหน เป็ทหารสังหารแม่ทัพที่ฝึกฝนมาจนชำนาญชัดๆ 

 

พวกเหลยจงเหลียนถอยกลับมาข้างกายคุณหนูจวินช้าๆ ร่างกายเกร็งเครียดเตรียมพร้อม 

 

ผู้เฒ่าเด็กสตรีที่ยืนอยู่ตอนนี้ยังร้ายกาจปานนี้ มือธนูหน้าไม้ที่ยิงศรหนักได้ซึ่งยังไม่ก้าวออกมาพวกนั้นย่อมน่ากลัวยิ่งกว่า 

 

“คุณหนูจวิน นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?” เซี่ยหย่งเงียบงันไปครู่หนึ่งเอ่ยถามขึ้น 

 

“ข้าเคยบอกแล้วนี่ให้ข้าบอกคนของข้า อย่าเข้าใจผิด ข้าแค่มาปลูกฝีให้พวกท่านและข้าก็ยินดีปลูกฝีให้พวกท่านด้วย” คุณหนูจวินยิ้ม พูดไปก็ตบหน้าอกเบาๆ “ยังดีเร่งไปทันแล้ว ไม่เช่นนั้นสู้กันขึ้นมาคงแย่” 

 

สีหน้านางเบิกบาน เพราะยินดีในโชคแล้วยังมีความหวาดกลัวตามหลังอยู่จางๆ ความรู้สึกนี้จริงใจไม่มีปลอมสักนิด 

 

พวกเซี่ยหย่งสบตากัน 

 

ทำไมเล่า? 

 

“คุณหนูจวิน ท่านช่างเป็นหมอจิตใจเมตตาจริงๆ” ผู้หญิงเดินออกมาจากหลังร่างพวกเซี่ยหย่ง สีหน้าจริงใจเอ่ยขึ้นพลางคำนับ 

 

ก็เพราะพวกเขาเชิญนางมาปลูกฝีให้เด็กๆ จริงๆ ในฐานะหมอคนหนึ่ง แม้วิธีที่ถูกเชิญมาจะไม่เคารพ นางก็ยังอภัยให้พวกเขาแล้วสินะ 

 

คำอธิบายเช่นนี้ก็สมเหตุสมผล 

 

พวกเซี่ยหย่งสีหน้าผ่อนคลายลงบ้าง 

 

คุณหนูจวินหัวเราะแล้ว ส่ายศีรษะ 

 

“ที่จริงข้าไม่ใช่หมอ” นางเอ่ย “และข้าก็ไม่มีจิตใจเมตตาพรรค์นี้ด้วย หากเรื่องครั้งนี้ไม่ใช่พวกท่าน ข้าก็ไม่กล้ารับประกันว่าข้าจะทำอะไร” 

 

หา? นี่หมายความว่าอย่างไร? 

 

พวกเซี่ยหย่งสีหน้าประหลาดใจ ผู้หญิงก็คาดไม่ถึงอยู่บ้าง 

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณหนูจวินท่านต้องการให้พวกเราทำอย่างไร?” หยางจิ่งที่เงียบงันมาตลอดเอ่ยปากพูด “ท่านต้องการให้พวเราทำอะไร?” 

 

บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดนอกจากผลประโยชน์สองคำ 

 

“สิ่งที่ข้าต้องการให้พวกท่านทำ พวกท่านทำไปแล้ว” คุณหนูจวินชี้ทิศทางที่จินสือปาถูกแบกจากไป 

 

พวกเซี่ยหย่งสบตากันอีกครั้ง 

 

“คนผู้นั้นข้าส่งคนไปเฝ้าไว้แล้วน่า ครั้งนี้ไม่มีทาง…” ภรรยาของเซี่ยหย่งพลันเอ่ยขึ้น มองคุณหนูจวินทีหนึ่ง 

 

เดิมนางคิดจะพูดว่าโปรดวางใจคนเหล่านี้หนีไม่รอด แต่คุณหนูจวินเมื่อครู่เพิ่งหนีรอด ทำให้นางไม่มั่นใจกับเรื่องที่เดิมตนเองทำแล้วก็ไม่มีความมั่นใจพูดถ้อยคำรับประกันเช่นนี้ออกมาด้วย 

 

คุณหนูจวินรู้ความหมายของนาง 

 

“ไม่ต้องใส่ใจ นอกจากข้าก็ไม่มีใครหนีออกมาได้หรอก” นางส่ายศีรษะยิ้มเอ่ย 

 

พวกเซี่ยหย่งนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง 

 

“คุณหนูจวินร้ายกาจ” เขาเอ่ย 

 

“ถ้าอย่างนั้นพวกท่านรู้ไหมทำไมข้าร้ายกาจปานนี้?” คุณหนูจวินมองพวกเขาเอ่ยถามขึ้น 

 

อ๋า? 

 

คำถามนี้ เป็นการอวดหรือ? พวกเซี่ยหย่งอึ้งไปอีกครั้ง 

 

คุณหนูจวินเดินออกมาจากพวกเหลยจงเหลียน เดินไปทางเซี่ยหย่งทีละก้าวๆ สีหน้าของนางค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น 

 

“เพราะข้ารู้จักคนผู้หนึ่งชื่อจางชิงซาน” นางเอ่ย