ใครก็คิดไม่ถึงว่าประโยคแรกที่คุณหนูจวินเอ่ยจะเป็นประโยคนี้
แม้คิดไม่ถึง เหลยจงเหลียนก็พุ่งเข้าใส่จินสือปาทันที ส่วนพวกผู้คุ้มกันก็โถมเข้าใส่องครักษ์เสื้อแพรที่เหลือด้วย
จินสือปาแม้คิดไม่ถึงก็ชักหอกสั้นสองเล่มออกมาจากเอวเช่นกัน
เหลยจงเหลียนหลบได้หวุดหวิด
“ไม่ใช่ให้ทิ้งอาวุธไปแล้วรึ?” คนของสำนักคุ้มภัยคนหนึ่งมององครักษ์เสื้อแพรอีกสี่คนที่เอาอาวุธออกมาบ้าง ตะโกนโกรธเกรี้ยว “ไร้ยางอายจริงๆ!”
นี่ใครไร้ยางอายกันแน่!
พวกเจ้าให้โยนอาวุธทิ้ง ผลสุดท้ายเข้ามาปุบก็รุมโจมตี นี่ก็ไร้ยางอายเกินไปแล้ว
“โชคดีพวกเราไม่โง่ ไม่ได้ฟังพวกเจ้าโยนอาวุธทิ้งไปจริงๆ” องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งยิ้มหยันเอ่ย
ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็โง่จริงๆแล้ว พวกเราเชื่อฟังคุณหนูจวินวางอาวุธลงจนหมด … ลืมเสียสนิทว่าองครักษ์เสื้อแพรคงไม่เชื่อฟังคำพูดของคุณหนูจวินจริงๆ พวกเขาก็ไม่ใช่คนของคุณหนูจวินด้วย แม้ตามมาช่วยคุณหนูจวินด้วยกันก็ตาม
พวกเหลยจงเหลียนมองพวกองครักษ์เสื้อแพรพวกนี้ สีหน้าระแวง ร่างกายเกร็งเครียด
ถืออาวุธก็ไม่แน่ว่าจะสู้ชนะพวกเขา ตอนนี้มือเปล่าหมัดเปล่าอีก ได้แต่อาศัยกายเนื้อสู้แล้ว
ตายก็ต้องกัดให้ได้สักคน
จินสือปากลับไม่ได้สนใจพวกเขา สายตาจับอยู่ที่ผู้เฒ่าเด็กน้อยบุรุษสตรีที่ยืนอยู่รอบด้าน
ผู้เฒ่าเด็กน้อยบุรุษสตรีเหล่านี้เดิมทีหน้าตาใสซื่อ เวลานี้คล้ายถูกความตื่นตะลึงจากเรื่องคาดไม่ถึงต่อเนื่องนี่ทำให้อึ้งไปแล้ว แต่ละคนๆ สีหน้าโง่งม
แต่ผู้เฒ่าเด็กสตรีโง่งมที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่นเหล่านี้กลับทำให้จินสือปาระวัง
ที่จริงถึงตอนนี้จินสือปาก็ยังคงสงสัยอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้นต่อเนื่องนี้ที่แท้ใช่คุณหนูจวินผู้นี้แต่งเองแสดงเองหรือไม่?
แรกสุดหายตัวไปเขาคิดว่าใช่ ต่อมาดูแล้วไม่ใช่ เข้ามาในเขาจางชิงซานมองเห็นคุณหนูจวินร่วงลงมาจากฟ้าจนถึงตนเองถูกหลอกเข้ามารุมโจมตี เขาก็รู้สึกว่านี่เป็นกับดักอันหนึ่ง
กับดักที่มีไว้เพื่อเขา
หากไม่ใช่เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นโจรภูเขาที่ลักพาตัวคุณหนูจวินไปได้ ทั้งยังซ่อนเร้นอยู่ในเขาจางชิงซานเงียบเชียบไร้ข่าวคราวนานปีปานนี้ รวมถึงวางเชือกรัดม้าที่แปลกประหลาดปานนั้นแล้วยังมีศรหนักอีก ควรจะร้ายกาจมากปานใด
หากนี่เป็นกับดักของคุณหนูจวิน เขากลับไม่หวาดกลัวขนาดนั้น ระดับของผู้คุ้มกันและคนของสำนักคุ้มภัยพวกนี้ของคุณหนูจวิน ตลอดทางมานี้เขาคุ้นเคยยิ่งนักแล้ว แม้กล่าวกันว่าสุนัขดีสู้สุนัขเลวจำนวนมากไม่ได้ แต่อยากคุมตัวเขายังไม่ง่ายปานนั้น
หากไม่ใช่กับดักของคุณหนูจวิน….
จินสือปามองชาวเขาโง่งมเหล่านี้ ในมือพวกเขาถือเคียว ไม้เขี่ยฟืน…
“พวกเราคือองครักษ์เสื้อแพรปฏิบัติงาน คนไม่เกี่ยวข้อง…” เขาทำหน้าจริงจังเอ่ย
วาจายังไม่ทันเอ่ยจบก็เห็นบุรุษวัยกลางคนที่ยืนอยู่สะบัดมือวูบหนึ่ง
แย่แล้ว!
จินสือปาสองตาเบิกขึ้น หอกสั้นในมือสะบัดออกมาตรงๆ
ผู้เฒ่าเด็กน้อยสตรีรอบด้านพุ่งเข้ามาแล้ว เคียว ไม้เขี่ยฟืนหวดหอกสั้นในมือจินสือปาปลิว
ผู้เฒ่าเด็กน้อยสตรีกลุ่มหนึ่ง ต่อให้เขาไม่มีอาวุธก็ไม่กลัว กระทั่งเหลยจงเหลียนคนพวกนี้เข้ามาพร้อมกัน เขาก็ไม่…
ความคิดเพิ่งแล่นผ่านก็เห็นผู้เฒ่าเด็กน้อยตรงหน้ากู่ร้องพร้อมเพรียง ก้าวไขว้สลับรุดมาข้างหน้า
“บุก”
พร้อมกับเสียงตะโกนนี้ จินสือปารู้สึกเพียงตาลาย คนทั้งหมดก็พลันถูกพลิกล้มกับพื้น ยังไม่ทันรอเขาตอบสนองทันก็ถูกคนรุมเข้ามา มือเท้าถูกเชือกมัดในเวลาเดียวกัน
การเคลื่อนไหวของพวกเขาว่องไวมาก รอดวงตาของจินสือปาฟื้นกลับมามองรอบด้านชัดอีกครั้ง องครักษ์เสื้อแพรอีกสี่คนก็ถูกมัดเป็นบ๊ะจ่างเหมือนกันแล้ว
ส่วนพวกผู้คุ้มกันและคนของสำนักคุ้มภัยถึงขนาดยังนิ่งงันอยู่ที่เดิมในท่วงท่าเตรียมพร้อมบุก
แข็งแกร่งนัก!
ร้ายกาจยิ่ง!
สุนัขดีอาจสู้สุนัขเลวขโยงหนึ่งได้ แต่สุนัขดีสู้กับสุนัขดีฝูงหนึ่งย่อมอันตรายแล้ว
ในใจจินสือปาร้องตะโกน
ใบหน้าคุณหนูจวินเผยรอยยิ้ม ทั้งภาคภูมิใจรวมถึงปวดใจอยู่บ้างเลือนราง
คนเหล่านี้น่ะ เป็นคนของอาจารย์ล่ะ ศิษย์ร่วมสำนักของข้าล่ะ
ข้ายังมีศิษย์ร่วมสำนักด้วยล่ะ ศิษย์ร่วมสำนักร้ายกาจปานใด บอกให้ช่วย ไม่มีลังเลสักนิดก็ก้าวเข้ามาแล้ว
“น้าเซี่ย ขังพวกเขาไว้” นางเอ่ย
เห็นเป็นคนของตนเองไปแล้วจริงๆ ภรรยาของเซี่ยหย่งสีหน้าประหลาดมองไปทางเซี่ยหย่ง
“ไปเถอะ ทำตามที่คุณหนูจวินว่า” เซี่ยหย่งเอ่ย
ภรรยาของเซี่ยหย่งขานรับ ร้องเรียกทุกคนเข้ามา
“คุณหนูจวิน ท่านอย่าคิดว่าแบบนี้ก็จะ…” จินสือปาขมวดคิ้วตวาด
คำพูดยังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกผู้หญิงนางหนึ่งใช้มือปิดปากไว้ กลิ่นเหม็นฉุนแสบจมูกทำให้เขาหวิดน้ำตาไหลออกมา
มือของผู้หญิงคนนี้เป็นอะไร? เพิ่งป้ายมูลวัวมาหรือ?
เขาสะบัดศีรษะหลบมือของสตรีนางนั้น สตรีคนหนึ่งไหนเลยปิดปากเขาอยู่? มือของผู้หญิงถูกสะบัดออกไปอย่างที่คิด แต่เขากลับพบว่าตนเองเอ่ยวาจาออกมาไม่ได้แล้ว
ริมฝีปากลิ้นเผ็ดร้อนแสบชา ไม่นานครึ่งหน้าก็ชาไปหมดแล้ว
โจรภูเขาที่ร้ายกาจยิ่งนัก!
ในที่สุดจินสือปากก็มั่นใจจุดนี้แล้ว เขาสีหน้าตะลึงงันมองผู้เฒ่าเด็กสตรีเหล่านี้
โจรภูเขาที่ร้ายกาจปานนี้ คุณหนูจวินกล่อมพวกเขาอย่างไร?
คุณหนูจวินคนนี้ถึงร้ายกาจ
จินสือปาไม่มีโอกาสถามอะไรออกมาอีก ถูกคนกลุ่มหนึ่งแบกออกไป คุณหนูจวินก็หายไปจากสายตาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
พวกเหลยจงเหลียนมองดูพวกจินสือปาถูกแบกออกไป สีหน้าไม่ได้ผ่อนคลายลง ตรงกันข้ามกลับยิ่งเคร่งเครียด
คนเหล่านี้ ร้ายกาจเหลือเกิน
เมื่อครู่พวกเขามองเห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง คนเหล่านี้รุกถอยเป็นระเบียบ การเคลื่อนไหวที่มือนับไม่ได้ว่ายอดเยี่ยมมากเท่าไร ถึงขั้นเรียบง่ายจนถึงตรงไปตรงมา แต่การเคลื่อนไหวเรียบง่ายเหล่านี้ขยับตามการรุกถอยของคนเหล่านี้ดันเปลี่ยนกลายเป็นดุร้ายไร้ช่องโหว่โจมตี
นี่เป็นชาวเขาผู้เฒ่าเด็กสตรีกลุ่มหนึ่งที่ไหน เป็ทหารสังหารแม่ทัพที่ฝึกฝนมาจนชำนาญชัดๆ
พวกเหลยจงเหลียนถอยกลับมาข้างกายคุณหนูจวินช้าๆ ร่างกายเกร็งเครียดเตรียมพร้อม
ผู้เฒ่าเด็กสตรีที่ยืนอยู่ตอนนี้ยังร้ายกาจปานนี้ มือธนูหน้าไม้ที่ยิงศรหนักได้ซึ่งยังไม่ก้าวออกมาพวกนั้นย่อมน่ากลัวยิ่งกว่า
“คุณหนูจวิน นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?” เซี่ยหย่งเงียบงันไปครู่หนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“ข้าเคยบอกแล้วนี่ให้ข้าบอกคนของข้า อย่าเข้าใจผิด ข้าแค่มาปลูกฝีให้พวกท่านและข้าก็ยินดีปลูกฝีให้พวกท่านด้วย” คุณหนูจวินยิ้ม พูดไปก็ตบหน้าอกเบาๆ “ยังดีเร่งไปทันแล้ว ไม่เช่นนั้นสู้กันขึ้นมาคงแย่”
สีหน้านางเบิกบาน เพราะยินดีในโชคแล้วยังมีความหวาดกลัวตามหลังอยู่จางๆ ความรู้สึกนี้จริงใจไม่มีปลอมสักนิด
พวกเซี่ยหย่งสบตากัน
ทำไมเล่า?
“คุณหนูจวิน ท่านช่างเป็นหมอจิตใจเมตตาจริงๆ” ผู้หญิงเดินออกมาจากหลังร่างพวกเซี่ยหย่ง สีหน้าจริงใจเอ่ยขึ้นพลางคำนับ
ก็เพราะพวกเขาเชิญนางมาปลูกฝีให้เด็กๆ จริงๆ ในฐานะหมอคนหนึ่ง แม้วิธีที่ถูกเชิญมาจะไม่เคารพ นางก็ยังอภัยให้พวกเขาแล้วสินะ
คำอธิบายเช่นนี้ก็สมเหตุสมผล
พวกเซี่ยหย่งสีหน้าผ่อนคลายลงบ้าง
คุณหนูจวินหัวเราะแล้ว ส่ายศีรษะ
“ที่จริงข้าไม่ใช่หมอ” นางเอ่ย “และข้าก็ไม่มีจิตใจเมตตาพรรค์นี้ด้วย หากเรื่องครั้งนี้ไม่ใช่พวกท่าน ข้าก็ไม่กล้ารับประกันว่าข้าจะทำอะไร”
หา? นี่หมายความว่าอย่างไร?
พวกเซี่ยหย่งสีหน้าประหลาดใจ ผู้หญิงก็คาดไม่ถึงอยู่บ้าง
“ถ้าอย่างนั้นคุณหนูจวินท่านต้องการให้พวกเราทำอย่างไร?” หยางจิ่งที่เงียบงันมาตลอดเอ่ยปากพูด “ท่านต้องการให้พวเราทำอะไร?”
บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดนอกจากผลประโยชน์สองคำ
“สิ่งที่ข้าต้องการให้พวกท่านทำ พวกท่านทำไปแล้ว” คุณหนูจวินชี้ทิศทางที่จินสือปาถูกแบกจากไป
พวกเซี่ยหย่งสบตากันอีกครั้ง
“คนผู้นั้นข้าส่งคนไปเฝ้าไว้แล้วน่า ครั้งนี้ไม่มีทาง…” ภรรยาของเซี่ยหย่งพลันเอ่ยขึ้น มองคุณหนูจวินทีหนึ่ง
เดิมนางคิดจะพูดว่าโปรดวางใจคนเหล่านี้หนีไม่รอด แต่คุณหนูจวินเมื่อครู่เพิ่งหนีรอด ทำให้นางไม่มั่นใจกับเรื่องที่เดิมตนเองทำแล้วก็ไม่มีความมั่นใจพูดถ้อยคำรับประกันเช่นนี้ออกมาด้วย
คุณหนูจวินรู้ความหมายของนาง
“ไม่ต้องใส่ใจ นอกจากข้าก็ไม่มีใครหนีออกมาได้หรอก” นางส่ายศีรษะยิ้มเอ่ย
พวกเซี่ยหย่งนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“คุณหนูจวินร้ายกาจ” เขาเอ่ย
“ถ้าอย่างนั้นพวกท่านรู้ไหมทำไมข้าร้ายกาจปานนี้?” คุณหนูจวินมองพวกเขาเอ่ยถามขึ้น
อ๋า?
คำถามนี้ เป็นการอวดหรือ? พวกเซี่ยหย่งอึ้งไปอีกครั้ง
คุณหนูจวินเดินออกมาจากพวกเหลยจงเหลียน เดินไปทางเซี่ยหย่งทีละก้าวๆ สีหน้าของนางค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น
“เพราะข้ารู้จักคนผู้หนึ่งชื่อจางชิงซาน” นางเอ่ย