5/5

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.405 – รอดพ้นจากความตาย

 

เจิ้งเฉียนขบฟัน สองตาแดงก่ำ เชิดหน้าขึ้น แต่อย่างไร่ไม่อาจกล้ำกลืนน้ำตามิให้ไหลออกมา

 

เมื่อเชิดหน้า สายตาของเจิ้งเฉียนมองไปยังท้องฟ้า และพบว่าเผ่ากริมตัวอื่นๆตามมาสมทบแล้ว ปิดล้อมพวกเธอเป็นที่เรียบร้อย

 

เพียงเวลาสั้นๆ ก็ถูกปิดล้อมจากทุกทิศทางโดยสมบูรณ์

 

ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ยังจะสามารถหนีได้อีกหรือ?

 

เจิ้งเฉียนบังเกิดความคิดแง่ร้าย ว่าเช่นนั้นตายไปด้วยกันซะเลยจะดีกว่า

 

แต่ในตอนนั้นเอง แสงสีเงินสว่างไสวพลันปะทุขึ้นจากเส้นขอบฟ้า และทิศทางของมัน เป็นตำแหน่งของเมืองหลงฉวน!

 

ทุกคนต่างแหงนหน้ามองฟ้า ไม่เว้นกระทั่งไป๋หลี

 

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอได้เห็นฉากนี้ แต่ครั้งแรก เธอเล็กจ้อยและอ่อนแอเกินไป ช่วงเวลานั้น กระทั่งแปลงกายเป็นมนุษย์ยังไม่อาจทำได้

 

แสงจรัสบนเส้นขอบฟ้า ถูกยิงออกมาจากอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติ

 

ภายใต้แสงสีเงิน ช่องว่างมิติอันมืดมิด ที่เมืองลอยฟ้าขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนออกมา ก็พลันถูกแสงสาดเข้าปกคลุม ต่อมา ก็เริ่มหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว

 

ต้องรู้นะว่า เมืองลอยฟ้าขนาดใหญ่นี้ ปัจจุบันมันโผล่ออกมาแค่ส่วนด้านล่างของรูปกรวยเท่านั้น ยังไม่เคลื่อนออกมาทั้งหมดเลย

 

อย่างไรก็ตาม ภายใต้อิทธิพลจากลำแสงอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพ มันกลับเริ่มหดแคบลงอย่างรวดเร็ว

 

ฉินเฟิงผู้ข้ามผ่านประสบการณ์เกี่ยวกับมิติมานับครั้งไม่ถ้วน ตระหนักดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และวิกฤตใดที่กำลังจะตามมา!

เผ่ากริมแน่นอนไม่ยอมรอความตาย พวกมันกรูกันบินออกมาจากส่วนล่างทรงกรวย ขณะเดียวกัน ตัวเมืองลอยฟ้าเอง ก็เริ่มเปิดอุปกรณ์มิติฝั่งตน เพื่อรักษาความผันผวนให้มั่นคง พยายามฉีกช่องว่างมิติให้ขยายออกดังเดิม

 

อย่างไรก็ตาม ฝั่งไหนฝั่งไหนชิงลงมือ ฝั่งนั้นย่อมกุมความได้เปรียบ ช่องว่างมิติยังคงหดแคบลงอยู่ดี

 

ฝูงกริมจำนวนมากยิ่งรีบกรูกันออกมา

 

ในเวลานั้นเอง แรงกดดันของไป๋หลีพลันลุกฮือขึ้นอีกครั้ง

 

วินาทีต่อมา รังสีแสงสีเงินขนาดใหญ่อย่างหาที่ใดเปรียบ พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า

 

แสงสีเงินนี้ มีขนาดเล็กกว่ารูนมิติขนาดใหญ่ของอุปกรณ์มิติมากนัก ยังไงก็ตาม มันทรงอานุภาพยิ่งกว่า

 

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังทำหน้าที่เป็นตัวสะบั้นฟางเส้นสุดท้ายฝั่งเผ่ากริม แทบจะในทันทีช่องว่างมิติอันมืดมิด ก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินอย่างสิ้นเชิง

 

แสงสีเงินกระพริบไหว วินาทีต่อมาทุกสิ่งอย่างก็หายวับไป

 

ท้องฟ้ายังคงเป็นสีครามสดใส

 

ส่วนเมืองลอยฟ้า มันถูกช่องว่างมิติสะบั้นแยกเป็นสองส่วน ร่วงตกลง

 

ช่วงเวลาต่อมา เกิดแรงระเบิดรุนแรงสั่นสะเทือนผืนดิน

 

ครืนนนนน!

 

คลื่นพลังงานอันน่าหวาดกลัว กวาดกระจายไปตลอดทั้งเทือกเขาหลงฉวน

 

เมื่อพลังงานปะทุถึงจุดสูงสุด –บรึ้มมมม!! มันก็เกิดการระเบิดโดยตรง เศษซากเมืองลอยฟ้าแหลกกระเด็นกระดอนเป็นชิ้นๆ

 

เมืองลอยฟ้าขับเคลื่อนโดยระบบเทคโนโลยีและพลังงานที่เหนือกว่าของโลกนี้ เมื่อมันถูกตัดออกโดยมิติ จึงเกิดการระเบิดตามมา เศษซากปรักหักพัง กระจายกระจัดไปทั่วพื้นดิน

 

ปรากฏการณ์ในครั้งนี้ ไม่รู้ว่ามีเผ่ากริมตายไปกี่ตัว

 

แต่ที่แน่ๆ เหตุการณ์ดังกล่าว ย่อมสร้างความสูญเสียใหญ่หลวงให้แก่เผ่ากริม

 

เมื่อเจอกับสถานการณ์ตรงหน้า พวกกริมที่ปิดล้อมฉินเฟิงและคนอื่นๆ จะยังมีกะจิตกะใจสังหารอีกหรือ?

 

พวกมันกระพือปีก ส่งเสียงกรีดร้องหวีดแหลม บินกลับไป ท่าทีดูตื่นตระหนกอย่างไม่น่าเชื่อ

 

–การแสดงออกทางอารมณ์ของเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา ช่างเด่นชัดยิ่งนัก!

 

ณ ตอนนี้ จึงไม่มีเผ่ากริมตัวใดปิดล้อมอยูอีกต่อไป สมาชิกของเกาหยูคัง ทั้งหมดรอดพ้นจากความตาย!

 

เจิ้งเฉียนราวกับเห็นประกายแสงเห็นความหวัง เธอก้มหน้าลง มองใบหน้าของเกาหยูคัง

 

“เป็นคุณใช่ไหมที่ช่วยปกป้องพวกเรา?”

 

ก่อนหน้านี้เป็นเกาหยูคังที่แจ้งข่าวออกไป หากไม่มีการอุดช่องว่างมิติแล้วล่ะก็ เหตุการณ์นี้ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น

 

เจิ้งเฉียนบังเกิดความเชื่อมั่นศรัทธาในหัวใจ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป

 

เพราะนั่นคือสิ่งที่เกาหยูคังต้องการ!

 

เธอกัดฟันและถอดสร้อยออกจากคอของเกาหยูคัง มันคืออุปกรณ์รูนมิติของอีกฝ่าย

 

จากนั้น เจิ้งเฉียนก็วาดมือ เก็บศพของเกาหยูคังในอุปกรณ์รูนมิติของเธอ

 

“ไปเถอะ”

 

เจิ้งเฉียนออกคำสั่ง คนอื่นๆมองมาที่เธอ และติดตามเจิ้งเฉียนไป

 

รูนมืดของฉินเฟิงปกคลุมบนร่างของทุกคน ช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการถูกปิดล้อมจากสัตว์ร้ายในเทือกเขาหลงฉวน

 

ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!

 

บนข้อมือของฉินเฟิงและคนอื่นๆ ได้รับข้อความแจ้งเตือนใหม่

 

“ผู้ใช้พลังทั้งหมดในเทือกเขาหลงเฉือน โปรดเร่งทำการอพยพโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน หากใครมีข้อมูล กรุณารายงานสถานการณ์ให้แก่ทางพันธมิตรมนุษยชาติในทันที”

 

คนอื่นๆแน่นอนไม่คิดทำเช่นนี้ เพราะเวลานี้ สิ่งเดียวที่พวกเขาจะทำ นั่นคือหนี!

 

ท่ามกลางเทือกเขาหลงฉวน แน่นอนย่อมมิได้มีแค่ฉินเฟิงและสมาชิกของเกาหยูคัง แต่ยังมีอีกหลายกลุ่ม หลายทีม ที่ได้เห็นการปรากฏตัวของเมืองลอยฟ้า แต่ยังไม่ทราบว่าสถานการณ์นี้มันอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต

 

พวกเขายังคิดด้วยซ้ำ ว่าเมื่อเมืองลอยฟ้าถูกอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติของเมืองหลงฉวนโจมตีจากระยะไกล ทุกอย่างก็คงจบแล้ว

 

มีเพียงฉินเฟิงเท่านั้นที่รู้ ว่าต่อจากนี้ไป กำลังจะเกิดการสังหารขึ้น!

 

ถูกต้อง! นับจากนี้ไปจะไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นสงคราม!

 

กลุ่มชาติพันธ์หนึ่ง จักประกาศสงครามกับอีกกลุ่มชาติพันธุ์!!

 

ฉินเฟิงตระหนักดี ว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน แค่นี้ก็ดีมากแล้ว

 

เพราะก่อนฉินเฟิงจะเกิดใหม่ เมืองลอยฟ้าเผ่ากริมมิได้ถูกทำลาย ต้องรอจนกระทั่งผู้ใช้พลังเลเวล A ออกโรง ถึงสามารถกวาดล้างเผ่ากริม และทำลายเมืองลอยฟ้าได้

 

แต่ในปัจจุบัน แม้เมืองลอยฟ้าจะระเบิดไปแล้ว ทว่าเผ่ากริมที่หลุดออกมาจากเมือง คาดว่าน่าจะมีนับหมื่นตัว!

 

ศัตรูคือเลเวล C นับหมื่น จินตนาการเอาเถิดน่าหวาดกลัวขนาดไหน

 

“รายงานพันธมิตร : ขอให้ทุกคนที่ยังอาศัยอยู่ในสถานชุมชนใกล้กับเทือกเขาหลงฉวน ทั้งหมดโปรดอพยพออกมา ขอย้ำอีกครั้ง ว่าทั้งหมด!”

 

ฉินเฟิงยกอุปกรณ์สื่อสาร ส่งข้อความออกไป จากนั้นก็อธิบายเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของศัตรู

 

อย่างรวดเร็ว อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงก็ดังขึ้น

 

ฉินเฟิงเหลือบตามอง และพบว่ามันเป็นหมายเลขทางการของพันธมิตรมนุษยชาติ

 

ฉินเฟิงกดรับสายอย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตาม เขายังคงวิ่งหลบหนี ไม่หยุดแต่อย่างใด

 

ปลายสายเห็นสภาพแวดล้อมเบื้องหลังฉินเฟิง ก็ผงะตกใจ เรียกสติและรีบกล่าวว่า “สวัสดีมิสเตอร์ฉิน ฉันคือเจ้าหน้าที่ประสานงานของผู้บัญชาการทหารสูงสุดประจำพันธมิตรมนุษยชาติแห่งเมืองหลงฉวน ท่านนายพลต้องการสนทนากับคุณ”

 

แน่นอน ปลายสายไม่รั้งรอรับคำยินยอมจากฉินเฟิง สลับเปลี่ยนช่องสัญญาณทันที ผู้ใช้พลังที่ติดตราเลเวล B บนหน้าอก ปรากฏขึ้นในอุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงรู้จักคนๆนี้

 

นายพลแห่งเมืองหลงฉวน ซื่อฉิง!

 

เขาคือตัวตนทรงพลังของฝั่งพันธมิตรมนุษยชาติ ประมาณสองปีต่อจากนี้ ซื่อฉิงจะได้ก้าวขึ้นสู่เลเวล A กระทั่งฉินเฟิงในช่วงเวลานั้น ก็ยังถูกซื่อฉิงเรียกตัว และมีโอกาสได้กลายเป็นนายพลเลเวล C คนต่อไป

 

ซื่อฉิงกล่าวเสียงจม “ช่วยอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดด้วย”

 

“อุปกรณ์รักษาเสถียรภาพทำปฏิกิริยากับมิติ ระเบิดยานรบของพวกมันไป  แต่ก่อนหน้านั้น ดูเหมือนว่าพวกมันจะหนีออกไปได้นับหมื่นตัว”

 

“หมื่นตัว? คุณหมายถึงพวกมนุษย์นกนั่นใช่ไหม? พวกมันมีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล C ทั้งหมดเลยไม่ใช่หรอ!” ซื่อฉิงยิ่งได้ฟังยิ่งขมวดคิ้ว

 

“ใช่ พวกมันทรงภูมิปัญญา เป็นเผ่าพันธุ์รักพวกพ้อง แต่กลับรังเกียจมนุษย์มาก ระเบิดเมื่อครู่ไม่ทราบว่าคร่าชีวิตพวกมันไปมากเท่าไหร่ แต่พวกมันจะต้องตอบโต้กลับอย่างบ้าคลั่งแน่นอน”

 

กระทั่งในชีวิตก่อน ฉินเฟิงยังได้รับทราบถึงความโหดร้ายของเผ่ากริม

 

แค่เจอพวกเขาตอนแรกพวกกริมยังก้าวร้าวถึงขนาดนี้ ยิ่งพวกพ้องถูกสังหารคงไม่ต้องกล่าวถึง

 

“เข้าใจแล้ว ตอนนี้ขอให้คุณรีบกลับมาอย่างปลอดภัย”

 

ประโยคข้างต้น คือคำที่ดีที่สุดที่ซื่อฉิงสามารถมอบให้ได้