ชั้น 2 ของศาลาอุทิศ
“อีกไม่นาน?”
ได้ยินคำดีใจของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่วพลันกล่าว “ที่ของรอบนี้สามารถฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้มากมายถึง 6 ส่วน โดยมากแล้วล้วนเป็นเพราะเศษหินหนี่วานั่น เพราะลำพังแค่เศษหินหนี่วาชิ้นเดียวก็ฟื้นฟูได้ถึง 4 ส่วนแล้ว”
วาจาของผู้เฒ่าหั่วไม่ต่างใดจากน้ำเย็นราดรดศีรษะต้วนหลิงเทียน ทำให้เขาให้ตื่นจากฝันหวาน ระงับอาการตื่นเต้นยินดีไปทันที
ที่แท้เหตุผลที่สามารถฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้มากมายขนาดนี้ เป็นเพราะเศษหินหนี่วา
จังหวะนี้คุณค่าของเศษหินหนี่วาในใจต้วนหลิงเทียนจึงอดไม่ได้ที่จะเพิ่มสูงขึ้น
“ผู้เฒ่าหั่วข้าเคยได้ยินมาจากตำนานว่า ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดินซุนหงอคงเองก็ถือกำเนิดขึ้นมาจากหิน 5 สี ของเจ้าแม่หนี่วาที่ร่วงหล่นลงมาตอนซ่อมสวรรค์…และก่อนหน้าท่านก็บอกข้าว่าซุนหงอคงไม่ใช่คนของพิภพเหยียนหวง แต่กำเนิดจากศิลา 5 สีของเจ้าแม่หนี่วาจริงๆ…ทว่าเจ้าหิน 5 สีนี่มันทรงอานุภาพขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงสามารถให้กำเนิดตัวตนที่ท้าทายสวรรค์อย่างซุนหงอคงได้?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
“หากเป็นศิลา 5 สีธรรมดาๆ ก็คงยากที่จะให้กำเนิดตัวตนท้าทายสวรรค์อย่างเจ้าลิงเลี้ยงม้านั่นได้…ทว่าศิลา 5 สีที่ให้กำเนิดมันขึ้นมานั้น เป็นส่วนที่ดีที่สุดของศิลา 5 สีอันเรียกว่า แก่นศิลานิล 5 สีอันถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมสวรรค์และโลก ทั้งเมื่อมันได้ดูดซับ 5 ธาตุของสวรรค์และโลก กอปรกับบำเพ็ญด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินแรกกำเนิด…จึงทำให้เจ้าตัวประหลาดท้าทายสวรรค์อย่างเจ้าลิงเลี้ยงม้านั่นถือกำเนิดขึ้นมาได้”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
“อย่างนี้นี่เอง”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนที่ตระหนักได้ก็ถามออกมาอีกครั้ง “งั้นเศษหินหนี่วาที่ข้าได้มาวันนี้ ก็เป็นแค่เศษหิน 5 สีธรรมดาๆงั้นเหรอ?”
“อืม”
ผู้เฒ่าหั่วตอบ
“ผู้เฒ่าหั่ว หิน 5 สีนี่อัศจรรย์ขนาดนี้…ว่าแต่มันสามารถใช้ส่งเสริมข้าได้หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนอดถามออกมาไม่ได้
พอคิดถึงพลังอำนาจของศิลาหนี่วา หรือหิน 5 สีนี่แล้ว เขาก็หวังว่ามันจะสร้างประโยชน์ให้ตัวเขาได้ และนั่นอาจจะดีกว่าเอาไปซ่อมแซมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!
“หากมันเป็นศิลา 5 สีที่สมบูรณ์แน่นอนว่าย่อมช่วยส่งเสริมเจ้าได้แน่นอน…ทว่าแค่เศษหิน 5 สีเช่นนี้มันก็ไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้”
ผู้เฒ่าหั่วตอบ
ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็ผิดหวังเล็กน้อย
ในเมื่อตอนนี้ได้ตระเวนซื้อหาวัตถุดิบทั่วทั้งชั้น 1 แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากชั้น 1 ของศาลาอุทิศ มุ่งหน้าไปยังชั้น 2 ของศาลาอุทิศทันที “ชั้น 2 ของศาลาอุทิศเมืองชงซันเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนวรยุทธ์เซียน…ไม่รู้ว่าชั้น 2 ของศาลาอุทิศสำนักจันทร์จรัสแสงจะเหมือนกันรึเปล่า…”
พอต้วนหลิงเทียนเดินขึ้นมาถึงชั้น 2 ของศาลาอุทิศสำนักจันทร์จรัสแสง เขาก็พบว่ามันไม่ใช่สถานที่แลกเปลี่ยนวรยุทธ์เซียนแต่อย่างไร
ชั้น 2 ของศาลาอุทิศสำนักจันทร์จรัสแสง มีไว้ให้ศิษย์ใช้คะแนนอุทิศแลกเปลี่ยนกับวุตถุดิบมากมายหลายหลาก
วัตถุดิบต่างๆเหล่านี้ล้วนมีไว้สำหรับหลอมโอสถศาสตรา บ้างก็ใช้สำหรับวาดยันต์เต๋า จารึกอาคมเซียน
แน่นอนว่าวัตถุดิบบนชั้น 2 ของศาลาอุทิศย่อมมีค่ามีราคาไม่น้อย ไม่มีใครในสำนักจันทร์จรัสแสงคิดใช้คะแนนอุทิศแลกเปลี่ยนวัตถุดิบธรรมดาทั่วไป
เพราะสุดท้ายแล้วในสำนักจันทร์จรัสแสงแห่งนี้ คะแนนอุทิศมันมีค่ามากกว่าหินเซียน
‘ไม่รู้ว่าวัตถุดิบในชั้นที่ 2 ของศาลาอุทิศ จะมีของที่สามารถซ่อมแซมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้อยู่ไหม…’
คิดได้เช่นนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความคาดหวังในใจ
เพราะตอนนี้ชั้นที่ 3 ของเจดีย์หลิงหลงก็เสมือนได้รับการฟื้นฟูซ่อมแซมไปแล้ว 7 ส่วน ขาดอีกแค่ 3 ส่วนเท่านั้นมันก็จะเสร็จสมบูรณ์
บนชั้นที่ 2 ของศาลาอุทิศ พอขึ้นบันไดมา ก็เจอโต๊ะรับรองตั้งอยู่ด้านข้างหน้าทางเข้าหองโถง และมีชายชราคนหนึ่งที่แลคล้ายจะกำลังงีบหลับนั่งประจำการอยู่ ทว่ากลับแผ่กลิ่นอายไม่ธรรมดาออกมาไม่คล้ายชายชรากำลังงีบหลับแต่อย่างไร
ขณะที่เดินผ่านโต๊ะรับรองดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนถูกจับตามอง
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองชายชราด้วยความระวัง ถึงแม้อีกฝ่ายจะคล้ายงีบหลับ ทว่าสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว ชายชราเสมือนตื่นตัวยิ่งกว่าผู้ใด!
“ฝากอุปกรณ์พื้นที่ไว้ตรงนี้ แล้วเจ้าเข้าไปได้”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองชายชราด้วยสายตาระวัง ชายชราพลันลืมตาขึ้นมากล่าวบอกเสียงเรียบ
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบรับครั้งหนึ่ง ค่อยถอดแหวนพื้นที่วางไว้บนโต๊ะรับรอง
ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ว่าตัวเองถูกตรวจสอบจนคล้ายเปลือยเปล่า ไม่พ้นเป็นชายชราใช้พลังวิญญาณตรวจสอบร่างกายเขาเป็นแน่…ว่ามีอุปกรณ์พื้นที่อะไรซุกซ่อนอยู่ในตัวอีกหรือไม่ นับว่าโชคดีที่เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไม่ใช่อะไรที่ชายชราจะสามารถใช้พลังวิญญาณของมันตรวจสอบได้
การฝากแหวนพื้นที่ไว้ที่โต๊ะรับรอง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนต้องกังวลแม้แต่น้อย
เพราะเขาได้ผูกพันธะโลหิตครองแหวนเอาไว้แล้ว เว้นเสียแต่เขาจะตายตกไปเสียก่อน มิฉะนั้นก็ไม่มีใครสามารถนำแหวนพื้นที่ของเขาไปใช้ได้
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่แปลกใจกับกฏที่ต้องฝากแหวนพื้นที่ไว้ที่โต๊ะรับรองของชั้น 2 ศาลาอุทิศ
เพราะเห็นได้ชัดว่าด้านในชั้น 2 ของศาลาอุทิศนั้น มันไม่มีผู้ใดคอยเฝ้าระวังอยู่ และตอนนี้ก็มีคนแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังเลือกหาวัตถุดิบ
หากไม่มีกฏฝากแหวนพื้นที่ก่อนเข้าไป เช่นนั้นก็ยากจะป้องกันไม่ให้ผู้คนแอบขโมยวัตถุดิบมาเก็บไว้แหวนอย่างลับๆ เพื่อประหยัดคะแนนอุทิศ…
หลังจากที่เดินเข้ามาด้านในห้องโถงของชั้น 2 ศาลาอุทิศแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงติดต่อผู้เฒ่าหั่วที่อยู่ในชั้น 1 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอีกครั้ง “ผู้เฒ่าหั่ว ท่านลองดูว่าชั้น 2 ของศาลาอุทิศนี่ มันมีวัตถุดิบอะไรบ้างที่สามารถใช้ซ่อมแซมชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้”
โดยปกติทั่วไปแล้ว หากเขาไม่เป็นฝ่ายทักไปหาผู้เฒ่าหั่วก่อนอย่างตั้งใจ ผู้เฒ่าหั่วจะไม่มองออกมาชมดูเรื่องราวภายนอกเจดีย์
เรียกว่าเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็พึงพอใจไม่น้อย
เพราะอย่างน้อยๆผู้เฒ่าหั่วก็ไม่แอบดูความเป็นส่วนตัวของเขา
ในเรื่องนี้นับว่าผู้เฒ่าหั่วรู้จักกาลเทศะมาก!
และด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนเป็นเจ้าของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแล้ว ทันทีที่ผู้เฒ่าหั่วริเริ่มสอดส่องออกมามองเรื่องราวภายนอก เขาจะสามารถรับรู้ได้ทันที
เขาจึงรู้ว่าตอนนี้ผู้เฒ่าหั่วไม่ได้ชมดูเรื่องราวภายนอกอยู่ จึงต้องเป็นฝ่ายเรียกหาก่อน
หลังจากเดินสำรวจชั้น 2 ของศาลาอุทิศจนทั่ว ต้วนหลิงเทียนก็พบวัตุดิบนับโหลที่สามารถใช้ซ่อมแซมฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ อย่างไรก็ตามวัตถุดิบมากมายทั้งหมดทั้งมวลที่พบเจอ ล้วนซ่อมแซมฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเพิ่มได้แค่ 1 ส่วนเท่านั้น
‘ดูเหมือนว่าที่ชั้น 1 ของศาลาอุทิศข้าจะมีโชคมากแล้วจริงๆ’
ต้วนหลิงเทียนลอบถอนหายใจ
วัตถุดิบบนชั้น 2 ของศาลาอุทิศนั้น แน่นอนว่ามีราคาที่ต้องจ่ายระบุเอาไว้ชัดเจน ยากที่จะต่อรองราคาอะไรได้
และวัตถุดิบนับโหลที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอนั้น ก็มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 15,000 คะแนนอุทิศ เรียกว่ามากกว่ารายจ่ายวัตุถดิบบนชั้นแรกของศาลาอุทิศเกือบ 10 เท่า…
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยอารมณ์หม่นหมอง
แต่แน่นอนเขารู้ดีว่าการนำมาเปรียบเทียบกันแบบนี้มันเป็นเรื่องไร้ความหมายเพียงใด
ดูอย่างวัตถุดิบที่มีค่าที่สุดอย่างเศษหินหนี่วาที่ชั้น 1 นั่น…เขาได้รับมันมาเป็นของแถมด้วยซ้ำ ไม่ต้องจ่ายคะแนนอุทิศสักแต้มเดียว!
เมื่อย้อนกลับมาที่โต๊ะรับรอง ต้วนหลิงเทียนก็ยื่นบัตรแก้วไปแตะโอนคะแนนอุทิศให้ชายชราจำนวน 15,000 แต้ม หลังจากนั้นก็รับแหวนพื้นที่กลับมาจากชายชราสวมไว้ที่นิ้วอีกครั้ง ก่อนที่จะเก็บวัตถุดิบทั้งหมดที่ซื้อมาลงตัวแหวน
“ขอบคุณอาวุโส”
ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังชั้น 3 ของศาลาอุทิศ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปพยักหน้าขอบคุณชายชราที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะรับรอง
ชายชราผู้นี้มีความกล้าแข็งของพลังวิญญาณสูงที่สุดที่ต้วนหลิงเทียนเคยพบเจอ แน่นอนว่าในที่นี้หมายถึงผู้ที่เคยใช้พลังวิญญาณต่อหน้าต้วนหลิงเทียนเท่านั้น
ผู้ที่ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณออกมาเพื่อตรวจสอบหรือสำรวจตัวเขา ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจล่วงรู้ความสูงต่ำของพลังวิญญาณอีกฝ่าย
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงพอเดาได้ว่าชายชราเบื้องหน้าสมควรเป็นผู้อาวุโสฝ่ายใน
‘ไม่รู้ว่าอาวุโสตงฟางแข็งแกร่งเท่าชายชราผู้นี้หรือไม่…’
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามตัวเองในใจ
ผู้อาวุโสตงฟางนั้น เป็นผู้อาวุโสหลักของฝ่ายนอกสำนักจันทร์จรัสแสงที่ต้วนหลิงเทียนเคยไปพบและมีปฏิสัมพันธ์ด้วยครั้งหนึ่ง
เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้ใช้พลังวิญญาณสำรวจพลังฝึกปรือเขา จึงทำให้ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ทราบความสูงต่ำของพลังวิญญาณอาวุโสตงฟาง
ในตอนนั้นด้วยการจ่ายหินเซียนระดับ 4 และหินเซียนระดับ 5 ไปส่วนหนึ่ง จึงทำให้อาวุโสตงฟางช่วยเหลือเขาเรื่องรับแทงเดิมพัน…เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนวันที่เขาขึ้นประลองเป็นตายกับเฝิงฟ่าน
วันนั้นผู้คนทั้งหลายต่างประหลาดใจกันทั้งสิ้น
เพราะไม่มีใครคิดคาดว่าผู้อาวุโสตงฟาง อันเป็นผู้อาวุโสหลักฝ่ายนอกจะออกมาแถลงการณ์ เป็นสักขีพยานในการเปิดโต๊ะเดิมพันของต้วนหลิงเทียน และเต็มใจเป็นธุระจัดการเรื่องราวแจกจ่ายคะแนนอุทิศหากเขาเป็นฝ่ายตกตาย
ทำให้หลายคนถึงกับคาดเดากันไปต่างๆนาๆ ว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้มีความสัมพันธ์กับอาวุโสตงฟางอย่างไรกันแน่?
อย่างไรก็ตามพวกมันคงไม่อาจจินตนาการได้เลย ว่าต้วนหลิงเทียนอาศัยหินเซียนเพียง 11 ก้อนสร้างสัมพันธ์กับอาวุโสตงฟาง
แน่นอนว่าหินเซียน 11 ก้อนที่เขามอบให้ไป มันมีความนัยอันลึกล้ำนัก..
เพราะโดยทั่วไปแล้วหินเซียนที่แพร่กระจายอยู่ใน 9 พันธมิตรนั้น เต็มที่ก็เป็นแค่หินเซียนระดับ 6 เท่านั้น และขุมพลังชั้น 7 ที่ครอบครองสายแร่หินเซียนระดับ 7 ทั่วไป ก็ไม่ได้มีกำลังผลิตหินเซียนระดับ 6 สูงแต่อย่างใด
สำหรับหินเซียนระดับ 5 นั้น แม้จะมีหมุนเวียนอยู่ภายใน 9 พันธมิตรบ้าง แต่ก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย และมีคนแค่หยิบมือเท่านั้นที่เอามันมาจับจ่ายใช้สอย
ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนเก็บหินเซียนระดับสูงเช่นนี้เอาไว้บ่มเพาะพลัง
อย่างที่รู้กันว่า แม้ระดับของหินเซียนจะสูงแต่ก็ไม่ได้ช่วยเหลือในเรื่องความเร็วของการบ่มเพาะพลังแต่อย่างไร…
ทว่าหินเซียนยิ่งมีระดับสูงมากเท่าไหร่ พลังวิญญาณฟ้าดินย่อมมีปริมาณมหาศาลนัก ทำให้ผู้ที่ใช้บ่มเพาะมารถปิดด่านฝึกตนได้อย่างต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องเสียสมาธิและตื่นขึ้นจากภวังค์บ่มเพาะ เพื่อคอยเปลี่ยนหินเซียน
ดังนั้นหินเซียนระดับสูงๆ เหล่าผู้ฝึกตนไม่ว่าจะยุทธ์หรือเต๋า ล้วนเก็บไว้บ่มเพาะพลังกันเองทั้งสิ้น
ยิ่งระดับพลังฝึกปรือสูงส่งเพียงใด การปิดด่านฝึกฝนย่อมใช้เวลานานขึ้นเท่านั้น บ้างก็เป็นเวลาหลายปี ยังไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่จะมีคนปิดด่านบ่มเพาะพลังติดต่อกันยาวนานหลาย 10 ปี กระทั่งเป็น 100 ปี!
และในบรรดาหินเซียนทั้ง 11 ก้อนที่ต้วนหลิงเทียนมอบให้อาวุโสตงฟางนั้น ก็มีหินเซียนระดับ 4 หนึ่งก้อน ส่วนอีก 10 ก้อนนั้นเป็นหินเซียนระดับ 5!
หินเซียนระดับ 5 นั้น ปกติแล้วจำเป็นต้องเป็นขุมพลังชั้น 6 ที่ถือครองสายแร่หินเซียนระดับ 6 ถึงจะสามารถขุดออกมาได้ เท่านี้ก็นับว่าหายากมากแล้วในเขตพื้นที่ของ 9 พันธมิตร ทว่าโอกาสพบเจอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย
แต่หินเซียนระดับ 4 นั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาพบเจออยู่ในเขต 9 พันธมิตร
เพราะหินเซียนระดับ 4 นั้น อย่างน้อยๆต้องเป็นถึงขุมพลังชั้น 5 ที่ครอบครองสายแร่หินเซียนระดับ 5 ถึงจะสามารถผลิตมันออกมาได้!
นั่นหมายความว่าผู้คนในเขต 9 พันธมิตรแทบไม่มีหนทางได้รับหินเซียนระดับ 4 เลย นอกจากจะรอนแรมออกจากเขตพื้นที่ของ 9 พันธมิตรไปยังพื้นที่ส่วนกลาง….
แน่นอนว่ายังมีความเป็นไปได้อยู่อีกทาง
นั้นคือผู้คนจากพื้นที่ส่วนกลางได้เดินทางผ่านเขตพื้นที่ 9 พันธมิตรและจับจ่ายหินเซียนระดับ 4 ออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดการธุระปะปัง
และด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนสามารถนำหินเซียนระดับ 4 ออกมาได้แบบนี้ มันเพียงพอที่จะทำให้อาวุโสตงฟางคาดเดาได้ถึงฐานะความเป็นมาของเขาคร่าวๆ
และนี่คือจุดประสงค์ของต้วนหลิงเทียน
ด้วยเหตุนี้อาวุโสตงฟางจึงเลือกที่จะให้ความร่วมมือกับเขาแต่โดยดี
หาไม่แล้วอาศัยฐานะศิษย์ฝ่ายนอกของเขา ไหนเลยจะทำให้ผู้อาวุโสตงฟางยื่นมือมาจัดการธุระให้เช่นนี้
“ทุกวันนี้มีน้อยคนนักที่จักมีสัมมาคารวะเช่นเจ้า”
รอยยิ้มพลันคลี่กางขึ้นบนใบหน้าชายชรา มันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นฝ่ายกล่าวขอบคุณมันออกมาแบบนี้
ต้องทราบด้วยว่าผู้คนส่วนใหญ่นั้น เพียงมาหยิบสิ่งของแล้วก็แลกเปลี่ยนวัตถุดิบด้วยคะแนนอุทิศก่อนที่จะจากไปอย่างไม่ใยดี จะมีสักกี่คนมาสนใจชายชราที่ทำงานรับแลกคะแนนอุทิศ?
“เจ้าหนุ่ม…เจ้าเรียกว่าอะไรรึ?”
ชายชรากล่าวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน