ตอนที่ 402

The Divine Nine Dragon Cauldron

ฉิงจูรู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย เขาไม่อยากได้ยินชื่อของหยินหยูออกจากปากของเซี่ยจิงหยูอีกแล้ว

 

“เจ้าไม่ต้องไปหรอก…”

 

ฉิงจูพูดตอบ

 

“ข่าวล่าสุดคือพันธมิตรอุดรทวีปกับตระกูลยี่ถูกกำจัดไปแล้ว!”

 

เซี่ยจิงหยูเลิกคิ้ว

 

“หา? ฝีมือใครกัน?”

 

“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ! เขาฆ่าล้างบ้างทุกคนในระยะล้านลี้ เขามีธนูหนึ่งคัน…ตั้งแต่หอสดับหิมะไปจนถึงร้อยดินแดนที่อยู่ทางใต้ เขาอาบทางยาวล้านลี้ด้วยโลหิต ขุมกำลังไหนที่เกี่ยวโยงกับพันธมิตรอุดรทวีปล้วนถูกกำจัดทิ้ง”

 

เซี่ยจิงหยูตกใจ

 

“คนที่มีธนูรึ? เขาต้องแข็งแกร่งเพียงใดกันหนึ่งสู้ได้นานเช่นนั้น?”

 

“เป็นตระกูลกุย…”

 

ฉิงจูตอบ เขาแสดงความนับถือเล็กน้อย

 

ตระกูลกุยรึ? เซี่ยจิงหยูคิดถึงหยินหยู เฉินยิ่งนั้นถูกทำลายเพราะพลังปีศาจของหยินหยู ฉิงจูดูเหมือนจะอ่านใจนางออก

 

“เจ้าไม่ต้องเดาหรอก…”

 

“ราชาปีศาจหิมะทมิฬไม่ใช่หยินหยู ข้าเทียบลักษณะกันแล้ว ทั้งสองเป็นคนละคน”

 

เซี่ยจิงหยูผิดหวังอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่นางก็รู้สึกคาดหวังอย่างประหลาด ฉิงจูจะมั่นใจได้อย่างไร?

 

******

 

ที่ป่าทมิฬ ตระกูลยี่

 

เก้าศักดิ์สิทธิ์มองดูปราสาทที่เงียบราวกับป่าช้า ที่นี่ไร้ซึ่งผู้คน มีแต่เพียงหิมะทมิฬหนาเตอะ

 

แม้เขาจะยังคงอยู่ในป่าทมิฬเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน แต่ในตอนนี้เขาก็ปรากฏตัวที่หอสดับหิมะ อีกครึ่งชั่วยามไปอยู่ที่คณะวิหคเพลิงและร้อยดินแดน

 

“ถูกทำลายเกลี้ยง…”

 

เก้าศักดิ์สิทธิ์เงยหน้าถอนหายใจ แค่ลมหายใจก็ทำให้ภูเขาสะเทือนและเมฆาเลี่ยงหนีราวกับสวรรค์พิโรธ

 

“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ!”

 

“เจ้าต้องตาย!”

 

พรึ่บ–

 

เก้าศักดิ์สิทธิ์หายตัวไป

 

******

 

ในเวลาเดียวกัน ตำนานของราชาปีศาจหิมะทมิฬได้ดังไปทั่วทวีปเฉินหลง! ตำนานเทพเจ้าแห่งความตายได้แผ่ขยายไปหลายล้านลี้ พันธมิตรอุดรทวีปที่ก่อตั้งได้ไม่นานที่ทำลายคณะวิหคเพลิง กลับถูกกำจัดไปโดยราชาปีศาจในงานวิวาห์ครั้งใหญ่

 

ข่าวนี้ได้ทำให้ผู้คนตกใจเสียยิ่งกว่าการก่อตั้งพันธมิตรอุดรทวีป! ในพริบตา ราชาปีศาจหิมะทมิฬได้สร้างตำนานอันน่าหวาดกลัวที่ทุกคนได้รับรู้

 

คณะวิหคเพลิงและพันธมิตรอุดรทวีปถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ จ้าววิหคเพลิงแต่งกายในชุดหลากสีสัน นางมองท้องนภาห่างไกล แววตานั้นสงสัยและตั้งคำถามกับอะไรบางอย่าง

 

“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ…”

 

“หรือจะเป็นเขา?”

 

“เป็นเขานั่นแหละ”

 

เสียงอันหนักแน่นดังขึ้น

 

เฟิงเซี่ยนยืนอยู่ที่หน้าบ้าน นางคุกเข่าอยู่กับพื้น

 

“เจ้ากลับมาทำไมกัน?”

 

จ้าววิหคเพลิงถามเมื่อมองเฟิงเซี่ยนที่สุขสงบ

 

เฟิงเซี่ยนคุกเข่าลง

 

“ข้ามาเพื่อเผชิญหน้ากับอดีตและอนาคต”

 

จ้าววิหคเพลิงเงียบไปนาน

 

“ใครกันที่เปลี่ยนแปลงเจ้า…? เจ้าไม่ได้บริสุทธิ์อีกแล้วนี่!”

 

“เขานั่นแหละ…”

 

เฟิงเซี่ยนหัวเราะอย่างโล่งใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยิ้มและพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

 

“หยินหยู…ท่านอาจารย์ ความบริสุทธิ์ของท่านก็ไม่มีอยู่แล้ว ท่านก็มอบมันให้เขาไป…มิใช่รึ?”

 

ทั้งนางและอาจารย์ต่างมีบุรุษคนเดียวกัน

 

จ้าววิหคเพลิงหน้าแดง นางมองเฟิงเซี่ยนและถอนหายใจอย่างขมขื่น

 

“พวกเราสองคนทั้งศิษย์และอาจารย์…มิอาจรอดการสัมผัสของเขาไปได้ นี่คือชะตา…ไปซะ ยู่หลิงกับที่เหลือถูกฝังอยู่ที่หลังเขา”

 

เฟิงเซี่ยนยืนขึ้น

 

“ข้ามีบาปหนักหนา ข้าจะใช้ชีวิตข้าที่เหลือปกป้องหลุมศพของพวกนาง ข้าจะไม่ขอความอภัย ไม่ได้ขอให้บาปของข้าถูกล้างออกไป ข้าเพียงหวังจะเป็นสตรีที่ไร้มลทินเพื่อไม่ให้ถูกหยินหยูมาสังหารหรือทำให้เขาต้องกังขาไปตลอดชีวิต”

 

เฟิงเซี่ยนเริ่มออกเดินไปยังหลังเขา

 

จ้าววิหคเพลิงประทับใจในคำพูดของเฟิงเซี่ยน

 

“ข้าก็ทำได้แค่ให้โอกาสเจ้าเพราะหยินหยู…”

 

เฟิงเซี่ยนยิ้มและหันกลับมาตอบ

 

“ข้ารู้ อย่างไรเขาก็อยู่ในหัวใจของท่าน”

 

จ้าววิหคเพลิงมองเมฆาลอยล่องและคณะวิหคเพลิงที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ หัวใจสลักด้วยความขมขื่น

 

“ขอบคุณนะ…หยินหยู…”

 

ข้าเกิดก่อนเขาหลายปี เขาเกิดมา ข้าก็แก่เสียแล้ว นางคิดกับตัวเอง

 

นี่คือความรู้สึกเดียวดายที่สุดที่นางเคยสัมผัส

 

******

 

ที่น่านน้ำไร้ขอบเขต

 

ในถ้ำของเกาะห่างไกล ซือหยูหยิบหยดหมื่นพลออกมาพร้อมกับโลงศพมังกรหมอก

 

โลงศพมังกรหมอกนั้นคือสมบัติเทพที่เสียหาย คุณสมบัติวิญญาณของมันหายไปมากและไม่จำเป็นต้องใช้หยดหมื่นพลมากนัก เมื่อหยดหยดหมื่นพลลงไปเพียงหยดเดียวว ร่องรอยของเจ้าของเดิมก็หายไปจนหมดสิ้น มันถูกชำระอย่างง่ายดาย เขารวบรวมพลังวิญญาณออกมารายล้อมโลงศพมังกรหมอก

 

พลังนั้นเข้าฟื้นฟูหลิงเสี่ยวเทียนที่นอนอยู่ในโลง ร่างที่เหี่ยวเฉาของเขาเริ่มฟื้นฟูเป็นลำดับ ใบหน้าอันหล่อเหลากลับมาเป็นอย่างเคย

 

“ดีเหลือเกิน…”

 

ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความคิดโทษตัวเองหายไปอย่างมาก

 

แต่เมื่อซือหยูมองดู ความยินดีของเขาก็หายไป หลังจากที่พลังหายไป ร่างของหลิงเสี่ยวเทียนกลับมาเหี่ยวเฉาอีกครั้ง!

 

ซือหยูงุนงง

 

“เกิดอะไรนขึ้นกัน? ทำไมมันทำไม่ได้เล่า?”

 

ในตอนนั้นเอง เสียงของหยุนย่าสีดังขึ้น

 

“เขาเต็มใจมอบเลือดเนื้อเพื่อฟื้นฟูเจ้า…”

 

“เจ้าจะเอาคืนไปได้อย่างไร? เจ้าคิดว่ามันจะง่ายนักรึ?”

 

ซือหยูรู้สึกราวกับได้พบเจอกับผู้ยิ่งใหญ่

 

“ท่านอาจารย์!”

 

“ท่านตื่นแล้วรึ! ได้โปรด ชี้แนะข้าถึงวิธีการช่วยบุรุษผู้นี้ด้วยเถอะ เขาช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ถ้าเขาตายไปข้าคงไม่มีวันสงบใจได้แน่”

 

หยุนย่าสีถอนหายใจ

 

“ข้าก็คิดจะช่วยเพราะข้ารู้สึกนิสัยของเจ้า มีทางเดียวที่จะช่วยเขา เจ้าต้องดูดซับพลังจากอีกโลก! แต่ไม่มีพลังต่างโลกอยู่ในทวีปเฉินหลงหรอก!”

 

ซือหยูได้รับความหวังเดียวขึ้นมา

 

“เช่นนั้นข้าจะไปหาพลังนั่นได้จากที่ใดกัน?”

 

“พลังจากต่างโลกคือพลังที่เจ้าจะได้เมื่อเจ้าทะลวงขอบเขตภูติ! นั่นจะเป็นโอกาสเดียวของเจ้า”

 

ความหวังสุดท้ายของซือหยูดับมอดลง จากขอบเขตอำมฤตไปถึงขอบเขตภูติงั้นรึ? ขอบเขตภูติคือปลายสุดของขอบเขตอำมฤต เป็นตำนานขอบเขตของเหล่าเทพ

 

ซือหยูได้พบเจอกับความยากลำบากในการเป็นผู้คุมสวรรค์ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงขอบเขตภูติเลย และที่สำคัญ หลิงเสี่ยวเทียนยังเหลือเวลาอีกแค่สามเดือน หนึ่งเดือนผ่านไปแล้ว เหลือเวลาอีกแค่สองเดือนเท่านั้น! เขาจะทะลวงขอบเขตภูติในเวลาแค่สองเดือนได้อย่างไร?

 

“อย่าเพิ่งท้อไป…”

 

หยุนย่าสีพูดขึ้น

 

“ทวีปเฉินหลงกำลังพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การรบกวนของพลังอันยิ่งใหญ่จะทำให้เกิดโอกาสดี เจ้าอาจจะมีโอกาสได้เข้าสู่ขอบเขตภูติ”

 

ซือหยูเริ่มตื่นเต้น หยุนย่าสีมักจะพูดอย่างมีมูลเสมอ เขาไม่เคยพูดเรื่องเกินจริงเลยสักครั้ง ถ้าเขาพูดว่ามีโอกาสล่ะก็…

 

“ข้าจะใช้ชีวิตข้าแลกกับการเข้าสู่ขอบเขตภูติและตอบแทนหลิงเสี่ยวเทียนให้ได้!”

 

ซือหยูทำใจให้เย็นลงและมองสมบัติอื่นที่เหลือ เขาคิดอยู่นานและมองเศษตำราเพลิงระดับตำนาน เขาสร้างร่างเทียมออกมา เขาเชี่ยวชาญในวิชาน้ำแข็งและไม่เหมาะที่จะบ่มเพาะวิชาเพลิง แต่ร่างเทียมนั้นไม่มีวิชาให้บ่มเพาะ เศษตำราระดับตำนานนี้อาจจะเหมาะที่จะใช้กับร่างเทียมก็ได้!

 

ต่อมาคือปีกตระกูลหวัง นี่คือสมบัติจากตระกูลหวัง มันคือสมบัติเทพระดับกลางลำดับต้นๆ! การยักย้ายในระยะสามหมื่นลี้ได้นั้นจะทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามในการท่องไปทั่วทวีป! ซือหยูเริ่มชำระสมบัติเทพอย่างกระตือรือร้น

 

จากนั้นคือเขาแห่งความตาย มันใช้อัญเชิญวิญญาณของคนตายมาได้ เหมาะกับคนที่ครอบครองพลังแห่งความตาย และที่ซือหยูตกใจก็คือมันเป็นสมบัติเทพระดับสูง! สมบัติเทพระดับนี้มีไม่ถึงห้าชิ้นในทวีป!

 

ซือหยูมิอาจจินตนาการถึงพลังของมันได้เลย! แต่โชคไม่ดีนักที่มันไม่เหมาะกับเขา แต่เซี่ยนเอ๋ออาจจะใช้ได้ก็ได้! นางมีคุณสมบัติวิหคเพลิงแห่งความตาย จะมีสิ่งใดที่เหมาะกับเซี่ยนเอ๋อไปมากกว่านี้อีกเล่า?

 

สุดท้ายคือเหรียญก้นบึ้งมังกรเก้านรก…นี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้เป็นผู้คุมสวรรค์!

 

ซือหยูกำเหรียญในมือ แววตาเป็นประกาย

 

“ผู้คุมสวรรค์…”

 

“รอข้าก่อนเถอะ!”

 

ฟึ่บ–

 

ซือหยูพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของมหาสมุทรกว้างใหญ่ ส่วนที่อีกทาง ฉินเซี่ยนเอ๋อกับเซี่ยจิงหยูก็กำลังไปในที่เดียวกัน พวกเขาจะได้พบเจอกันอีกครั้งที่ก้นบึ้งมังกรเก้านรกหลังจากที่แยกจากกันมานานหรือไม่?