ตอนที่ 895 ประเมินศัตรูอย่างเป็นกลาง

Elixir Supplier

895 ประเมินศัตรูอย่างเป็นกลาง

เมื่อหวังเย้าพาซูเสี่ยวซวีกลับไปที่บ้าน พ่อแม่ของเขายินดีมาก โดยเฉพาะแม่ ของเขา เธอจับมือถือแขนของลูกสะใภ้ในอนาคต พร้อมทั้งถามนั่นถามนี่โดยไม่สนใจลูกชายของตัวเองเลย

“ทําไมลูกไม่บอกก่อนล่ะว่าเสี่ยวซวีจะมา?”

“ผมไม่รู้ว่าเธอจะมาวันนี้เหมือนกันครับ” หวังเย้าพูด

“อย่าปล่อยให้เธอเดินทางไปๆมาๆแบบนี้สิจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด “เธอเป็นผู้หญิง ลูกควรต้องเป็นฝ่ายที่เดินทางไปหา ใส่ใจให้มากกว่านี้หน่อยสิ!”

“ครับ ผมตั้งใจจะไปปักกิ่งอยู่แล้ว”

หลังจากถูกแม่ของเขาบ่นไป หวังเย้าก็คอยมาอยู่เป็นเพื่อนซูเสี่ยวซวี
ตอนเย็น จางซิวหยิงทําอาหารจนเต็มโต๊ะทั้งครอบครัวรวมตัวทานอาหารกันอย่างมีความสุข หวังเย้าไม่ได้กลับขึ้นไป บนเนินเขาหนานชาน และค้างคืนที่บ้านแทน ค่ําคืนที่เงียบสงบผ่านไป

เช้าวันต่อมา หวังเย้าตื่นขึ้นมาแต่เช้า หลังจากมื้อเช้า เขาก็ชวนซูเสี่ยวซ ออกไปข้างนอกด้วยกัน ทั้งสองเดินขึ้นไปตามทางขึ้นเขาเพื่อขึ้นไปบนเนินเขาตงชาน จงหลิวชวนและคนอื่นต่างรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

“เชียนเชิง”

“นี่คือเสี่ยวซวี พวกคุณคงเคยเจอเธอแล้ว เธอจะมาเป็นภรรยาของผม” หวังเย้าพูด

“ครับ สวัสดีครับ อาจารย์หญิง” เจี๋ยจื้อจายเป็นฝ่ายทักทายเธอด้วยรอยยิ้มก่อน

“เจี๋ยจื้อจายกับหูเหมยเป็นสามีภรรยาที่ผมเคยเล่าให้เธอฟัง”

“สวัสดีค่ะ อาจารย์หญิง”

“เอ่อ สวัสดีค่ะ” ซูเสี่ยวซวีตอบเสียงเบา ใบหน้าของเธอแดงเรื่อ เธอคิดว่าคํา เรียกที่พวกเขาใช้เรียกเธอออกจะแปลกไปสักหน่อย แต่ก็รู้สึกหวานอยู่ในอก พวกเขาเริ่มต้นการฝึกฝนของวัน ซูเสี่ยวซวีเฝ้ามองอยู่เงียบๆ

“อืม ดูเหมือนพวกเขาสามารถบ่มเพาะพลังฉีได้ทุกคนแล้ว แต่จงหลิวชวน ถือว่าทําได้ดีกว่า พลังฉีของอีกสองคนยังถือว่าอ่อนแอจนแทบตรวจจับไม่ได้เลย”

หวังเย้าให้คําแนะนํากับพวกเขา

หลังจากจบการฝึก ลูกศิษย์ทั้งสามก็พากันลงจากเขาไป ส่วนหวังเย้ากับซู
เสี่ยวซวีก็พากันขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน

มันเป็นฤดูหนาว ผืนดินจึงไร้สีสัน แห้งแล้ง และโดดเดี่ยว แต่บนเนินเขาหนาน ชานกลับเขียวชอุ่มและมีชีวิตชีวาเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิอากาศในบริเวณนั้นทําให้รู้สึกสบายและผ่อนคลาย ราวกับว่าพวกเขากําลังถูกอาบไว้ด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิ เมื่อการหายใจราบรื่นและร่างกายผ่อนคลาย ก็ทําให้พวกเขารู้สึกสุขสมอย่างที่หาคําใดมาอธิบายไม่ได้

“ดื่มชา” หวังเย้าชงชามาให้ซูเสี่ยวซวี ซึ่งเป็นใบชาที่เก็บจากบนเนินเขาหนานชาน

“ขอบคุณค่ะ”

“ผลไม้ด้วยครับ” หวังเย้านําผลไม้ออกมาถ้วยหนึ่งในนั้นมีทั้งแอปเปิ้ล, พุทรา, และองุ่น ผลไม้มีหลากหลายชนิด ทั้งยังสดใหม่และฉ่ําน้ํา

“นี่เป็นผลไม้ที่เก็บในฤดูนี้เหรอคะ?”

“ผมเก็บพวกมันตลอด แต่ก็ไม่ได้มากเท่ากับช่วงหน้าร้อน รสชาติไม่ได้ต่าง
กันเลยนะ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

ตั้งแต่ช่วงหน้าร้อน ผลผลิตบนเนินเขาหนานชานไม่เคยหมด เขากินคนเดียว ไม่ไหว เขาจึงนําลงไปจากเขาและส่งไปให้ซูเสี่ยวซวีที่อยู่ในปักกิ่งเสมอ หรือ แม้แต่จงหลิวชวนกับคนอื่นๆก็ได้กินเช่นกัน หลังจากที่ได้กิน พวกเขาต่างเอ่ยชมไม่หยุด

“อร่อย” ซูเสี่ยวซวีพูด

ภายในร้านอาหารชั้นสูงในจี้โจว ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เมืองสําคัญของจังหวัดฉี คนสองคนนั่งอยู่ภายในห้องส่วนตัว คนหนึ่งคือเสวี่ยซินหยวนที่เพิ่งนั่งเครื่องมาไกลหลายพันไมล์ ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคือชายในวัยสามสิบ เขามีใบหน้า เหลี่ยมและดวงตาเล็ก ใบหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย

“เป็นยังไงบ้าง? ปรับตัวกับที่นี่ไดรึยัง?”

“มันก็เหมือนกันทุกที่นั่นแหละ ผมรู้สึกเหมือนเป็นต้นหญ้าที่ไร้ราก”

“ลองดูรูปพวกนี้สิ” เสวี่ยซินหยวนส่งรูปที่กั๋วเจิ้งเหอได้มาให้กับอีกฝ่าย
สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดในทันทีที่ได้เห็นรูปพวกนั้น

“นี่มันคือทะเลสาบฝั่งเทพเจ้า!”

เขาจําสถานที่ในรูปภาพได้ทันที

“พวกเขากําลังทําอะไรกันเหรอ?”

“มันคือพิธีกรรมในหุบเขาที่เรียกว่า ฝังเทพเจ้า หรือพูดง่ายๆก็คือการให้
อาหารปลา”

“ให้อาหารปลา? โดยการใช้คนเป็นนะเหรอ?”

“ฮาฮา การใช้คนเป็นๆไม่ค่อยทํากันหรอก มีแค่คนที่ไม่เชื่อฟังหรือคนนอกที่ ลักลอบเข้ามาเท่านั้นที่จะถูกลงโทษแบบนี้ ปกติเราจะใช้พวกสัตว์อย่างวัวหรือไม่ก็แกะมากกว่า”

“ผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนที่หนีออกมาจากหุบเขาพันโอสถกับนาย และเป็นคนที่นายบอกว่าเขาหายไปเมื่อวันก่อน”

“ผมก็พอจะเดาเรื่องนั้นได้”

เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เมี่ยวซินเหอ เธออยากอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองโดยการอยู่ที่นี่หรือเมือง อื่น เพื่อลืมอดีตและเริ่มต้นใหม่รึเปล่า?” เสวี่ยซินหยวนถาม

“ครับ ผมอยาก คุณอยากให้ผมบอกอะไรคุณ?”

“เรื่องที่เธอไม่ได้บอกกับฉันเมื่อคราวก่อน” เสวี่ยซินหยวนพูด “หลังจากที่เธอ จากมา ที่เขตเหอก็เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นอีกครั้ง ทั้งสามคนเสียชีวิตในเวลา เดียวกัน และสภาพการเสียชีวิตก็เหมือนกับรายก่อนๆ จากนั้น เพื่อนของเธอก็หายตัวไปและภาพพวกนี้ก็โผล่มา”

“ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นคนทําเรื่องพวกนี้ ใครคือคนที่ฆ่าเหยื่อ และใครที่เป็นคนถ่ายรูปพากนี้”

คนที่ถ่ายรูปพวกนี้มาได้อาจเป็นคนในหุบเขาพันโอสถ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้น ในเวลากลางคืน การที่พวกเขากระทําการสังเวยแบบนี้ มันต้องมีการรักษาความ ลับกันในระดับหนึ่ง เขาเคยได้ฟังจากเมี่ยวซินเหอมาว่า แม้ภายนอกหุบเขาจะดู สงบสุข และผู้คนใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข แต่ผู้นําที่ควบคุมหุบเขาอยู่กลับ แข็งแกร่งมาก มีการเดินตรวจตราหุบเขาทั้งกลางวันและกลางคืน หากมีการค้น พบสิ่งผิดปกติ มันจะถูกจัดการในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ คนนอก เมื่อพวกเขาถูกพบว่ามีความคิดไม่ดีต่อหุบเขา พวกเขาจะถูกจัดการและ ถูกกําจัด ยังมียามที่คอยตรวจตราและกับดักที่ถูกติดตั้งเอาไว้ตามภูเขาและป่า พูดได้ว่า หุบเขาพันโอสถเข้มงวดในเรื่องของการป้องกันอย่างมาก ทั้งที่เป็น สถานที่ที่อยู่ห่างไกล และมีผู้คนไปถึงที่นั่นเพียงน้อยนิดเท่านั้น ดังนั้น เรื่องที่ เกิดขึ้นภายในหมู่บ้านจึงไม่เคยถูกเปิดเผยออกไป แม้แต่เรื่องการนําคนเป็นๆไป
เป็นอาหารให้กับปลา

“เรื่องนี้เป็นฝีมือของคนในหุบเขา” เมี่ยวซินเหอพูดหลังจากคิดอยู่นาน “พวกเขาทําไปเพื่ออะไร?”

“เพื่อเปิดโปงความชั่วร้ายภายในหมู่บ้าน เมี่ยวซีเหอต้องไม่พอใจเขามากแน่ๆ เมี่ยวซินเหอพูด

“เขาเป็นใคร?”

“ผมจะไปรู้ได้ยังไง? ถึงผมจะอยู่ในหุบเขามานาน แต่ก็มีบางเรื่องที่ผมไม่รู้ แน่ชัด ในหุบเขามีคนอยู่เป็นร้อย แต่คนที่ผมติดต่อด้วยก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น”

“ลองบอกเรื่องของเมี่ยวซีเหอให้ฉันฟังหน่อยสิ”

เขาค่อนข้างสนใจผู้นําหุบเขาพันโอสถคนนี้มาก

“เขาเป็นคนที่แปลกและอยู่เหนือคนอื่น” เมี่ยวซินเหอพูด

“โอ้ เขาเป็นศัตรูของเธอสินะ!”

“ใช่ เขาเป็นศัตรูของผม แต่ถ้าพูดอย่างเป็นกลาง เขาเป็นคนอย่างที่ผมบอก จริงๆ เขามีฝีมือการรักษาที่ยอดเยี่ยม, เชี่ยวชาญในเรื่องแมลงและพิษ, และ ช่ําชองในเรื่องของการต่อสู้ เขายอดเยี่ยมในทุกๆเรื่อง ตอนนี้เขาน่าจะอายุได้ 78ปีแล้ว”

“อะไรนะ? เธอแน่ใจเหรอ?” เสวี่ยซินหยวนตกตะลึง เพราะข้อมูลที่เขาได้มา จากกั๋วเจิ้งเหอก็คือ เมี่ยวซีเหอดูมีอายุอยู่ในช่างสี่สิบ ซึ่งเป็นเรื่องที่กั๋วเจิ้งเหอ ได้ยินมาจากหยางกวนเฟิงอีกที เขาไม่คิดว่าผู้กองหยางจะโกหกพวกเขา และ เรื่องนี้ก็ไม่จําเป็นต้องโกหกกันด้วย

“ผมแน่ใจ”

“อืมมม เขามีวิธีการพิเศษอะไรถึงได้รักษาความหนุ่มเอาไว้ได้?

“ฮาฮา มันไม่ใช่แค่ความสามารถในการรักษาความหนุ่มของเขาเท่านั้น”
เมี่ยว ซินเหอพูด “ในเรื่องของจิตใจ, สภาพร่างกาย, และอีกหลายๆด้าน เขาถือว่าไม่ แพ้ให้กับเด็กหนุ่มอายุ 20 ปีเลยด้วยซ้ํา”

“พูดต่อ” เสวี่ยซินหยวนพูด

เมี่ยวซินเหอเงียบไป

เสวี่ยซินหยวนหยิบห่อของออกมาและผลักมันไปทางเขา

เมี่ยวซินเหอหัวเราะและส่ายหน้า เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น

“ผมไม่คิดเลยว่า ตัวเองจะต้องมาอยู่ในสภาพนี้”

“ฉันหางานในบริษัทออกส่งไว้ให้เธอแล้ว งานไม่ได้หนักมากและเงินเดือนดี”

“อ๋อ ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไร ฉันอยากรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตเหอเป็นฝีมือของใคร “เรื่องนั้นผมไม่รู้จริงๆ” เมี่ยวซินแหอพูด

“ในความคิดของผม ไม่มีใครที่ทําเรื่องนี้ คนที่หนีมาพร้อมกันพวกนั้น พูด ตรงๆก็คือ ไร้ความสามารถ พวกเขาไม่มีความกล้าและความสามารถมากขนาด นั้น ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่เอาแต่กลัวจนหัวหดเหมือนนก และเอาแต่กลัวทุกอย่างรอบตัวอยู่แบบนี้หรอก”

“แล้วใครที่มีความสามารถนั้น?”

“มันน่าจะเป็นคนจากหุบเขา คนคนนี้ต้องรู้อะไรบางอย่างมา” เขาชี้ไปที่รูปบนโต๊ะ

“คนถ่ายรูป?”

“ใช่”

ใครคือคนที่ถ่ายรูปพวกนี้? เรื่องนี้ถือว่าถูกปิดตายเอาไว้ “แล้วทําไมเมี่ยวซีเหอถึงได้ดูอายุไม่เกิน 40 ทั้งที่เขาอายุเกือบจะ 80 แล้วล่ะ?”
“เขามีวิธีการพิเศษ”