ตอนที่ 337: ชิงอันดับ
การต่อสู้รอบต่อไปคือระหว่างหมิงตงและซ่างกวนหยุนเฟิ่ง หลังจากการหยุดพักระยะสั้นสังเวียนก็กลับสู่สภาพปกติ หมิงตงได้รับอนุญาตให้เข้าไปในประตูมิติ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะข้ามเข้าไป เจี้ยนเฉินก็ดึงเขามาข้าง ๆ เจี้ยนเฉินมองหน้าซ่างกวนหยุนเฟิ่งและพูดเตือนเขา
หมิงตงกำหมัดแน่น จิตสังหารเป็นประกายวาววับขึ้นมาในแววตาของหมิงตงเป็นประกายขณะที่เขาพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ฉินเซียวใจดีกับพวกเรามาก ข้า หมิงตงจะแก้แค้นแทนเขาเอง” จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในสังเวียน
ซ่างกวนหยุนเฟิ่งเป็นชายวัยกลางคนที่ดูเรียบร้อย ราวกับว่าเขาเป็นบัณฑิตที่ชาญฉลาด ดวงตาของเขาสั่นไหวเมื่อเห็นเจี้ยนเฉินและหมิงตงพูดคุยกัน หัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้น ด้วยความลังเลบางอย่าง ในที่สุดเขาก็กัดฟันและก้าวเข้าสู่สังเวียนอย่างสง่างาม
คู่ต่อสู้ทั้งสองเข้าสู่สังเวียนอย่างรวดเร็ว หมิงตงจ้องมองซ่างกวนหยุนเฟิ่ง สายตาของเขาเปิดเผยความแค้นทั้งหมด สิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนหยุนเฟิ่งรู้สึกตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะมีสีหน้าที่จริงจังมากขึ้น ในอดีตเขาและเจี้ยนเฉินเคยมีความขัดแย้งกันเล็กน้อย และเจี้ยนเฉินกับหมิงตงก็มีข้อตกลงที่ดีซึ่งกันและกัน ทำให้เขาสามารถสรุปได้จากข้อเท็จจริงนี้ว่าเจี้ยนเฉินขอให้หมิงตงกำจัดเขา
เริ่มการต่อสู้ ! ผู้ประกาศตะโกนเสียงดัง
โดยไม่ลังเลหลังจากได้ยินประกาศ หมิงตงก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและบินไปยังซ่างกวนหยุนเฟิ่งทันที
“ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ! ” ไม่นานหลังจากการแข่งขันเริ่มขึ้น ซ่างกวนหยุนเฟิ่งก็รีบส่งเสียงร้องออกมาทันที เขาได้เห็นการต่อสู้ระหว่างหมิงตงและคาซด้าเฟยด้วยตาตัวเอง เขารู้ว่าหมิงตงแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ได้
หมิงตงไม่มีความตั้งใจที่จะไว้ชีวิตซ่างกวนหยุนเฟิ่ง เขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาทันทีพร้อมกับพลังเซียนที่ระเบิดร่างของซ่างกวนหยุนเฟิ่งขณะที่เขาใช้กระบี่ทะลวงออกไป ในเวลาเดียวกันกระบี่ที่ทรงพลังปรากฏตัวและกดเข้าที่ร่างของซ่างกวนหยุนเฟิ่ง ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขาติดอยู่ในโคลนตมที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
“ทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี ! ” ซ่างกวนหยุนเฟิ่งพูดอย่างตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าหมิงตงจะมีการโจมตีเช่นนี้และไม่คิดว่าเขาจะคุ้นเคยกับทักษะจนถึงขั้นที่ว่าเขาสามารถใช้มันได้ทันที
กระบี่ของหมิงตงกระแทกลงบนหัวของซ่างกวนหยุนเฟิ่งอย่างหนักและความเร็วที่ครอบงำซึ่งทำให้เขาไม่สามารถป้องกันหรือต่อต้านการโจมตีของหมิงตงได้
ในเวลาเดียวกัน ม่านพลังก็พังลงมาราวกับม่านจากสวรรค์ โดยแยกหมิงตงและซ่างกวนหยุนเฟิ่งออกจากกัน
การโจมตีของหมิงตงชนเข้ากับกับม่านพลังด้วยเสียงดังกึกก้อง แต่พลังงานจากคลื่นกระแทกถูกดูดซึมเข้าสู่ม่านพลังเหมือนก้อนกรวดในมหาสมุทรโดยไม่มีร่องรอยความเสียหาย
“เมื่อหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันยอมรับความพ่ายแพ้ คู่ต่อสู้อีกคนถูกห้ามไม่ให้ทำการโจมตีใด ๆ ได้อีก หมิงตงจึงเป็นผู้ชนะ ! ” มีเสียงดังขึ้นขณะที่ประตูมิติของทั้งสองด้านถูกเปิดออก
หมิงตงจ้องซ่างกวนหยุนเฟิ่งอย่างฉุนเฉียว เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะเดินกลับไปที่ประตูมิติทันที
ซ่างกวนหยุนเฟิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งสำหรับการป้องกันครั้งที่สองจากหมิงตง หากไม่ใช่เพราะม่านพลัง เขาอาจจะถูกสังหารโดยการโจมตีของหมิงตงและคงจะไม่มีชีวิตอยู่เพื่อดูตัวเองกำลังเดินออกจากสังเวียน
ซ่างกวนหยุนเฟิ่งจ้องมองด้วยความกลัวขณะที่เขาถอยห่างจากหมิงตงก่อนที่จะเดินกลับไปที่ประตูมิติของเขาอย่างเศร้าใจ เขาใช้เวลาบ่มเพาะมานาน 40 ปีเพื่อที่เขาจะได้รับพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แต่เขาไม่คิดว่าเด็กที่อายุต่ำกว่า 30 ปีจะสามารถบังคับให้เขาอยู่ในสภาวะที่น่าสังเวชเช่นนี้ได้
รอบถัดไปคือการต่อสู้ระหว่างฉินจี๋และซาร์เอี้ย แม้ว่าฉินจี๋จะมียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ แต่เขาก็ไม่สามารถใช้มันในการแข่งขันครั้งนี้ได้เนื่องจากม่านพลังที่วางอยู่บนเขาถูกจำกัด การแข่งขันนั้นสั้นมากเนื่องจากฉินจี๋ไม่สามารถทำร้ายซาร์เอี้ยได้เลยเพราะเขามีชุดเกราะธาตุแสง ทำให้ซาร์เอี้ยเป็นผู้ชนะ
รอบสุดท้ายคือการต่อสู้ระหว่างอาริเดียและปาหลีตง ทั้งคู่เป็นผู้ชายที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ. ปาหลีตงเป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 5 การต่อสู้กินเวลานานครึ่งชั่วยาม ในที่สุดปาหลีตงก็เอาชนะอาริเดียได้สำเร็จ
ดังนั้นสี่คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ได้รับการจัดอันดับ : เจี้ยนเฉิน, หมิงตง, ซาร์เอี้ยและปาหลีตง
หลังจากเวลาพักผ่อน 1 วัน การแข่งขันรอบใหม่ก็เริ่มต้นทันที การจับคู่ถูกตัดสินไว้แล้ว รายชื่อของผู้เข้าแข่งขันจึงถูกประกาศ สิ่งที่ทำให้ทั้งหมิงตงและเจี้ยนเฉินรู้สึกเศร้าหมองก็คือพวกเขาต้องเจอกันในที่สุด ซาร์เอี้ยถูกจับคู่กับปาหลีตงที่มียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเช่นกัน
บนสังเวียน เจี้ยนเฉินและหมิงตงต่างก็จ้องมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้ โชคชะตาได้เล่นตลกกับพวกเขา และสวรรค์ได้สร้างเรื่องตลกครั้งสุดท้ายด้วยราคาแสนแพง
วันนี้จะจบลงด้วยการจัดตั้งสองคนที่แข็งแกร่งที่สุด ถ้าเจี้ยนเฉินและหมิงตงไม่ต้องมาสู้กันเอง มันจะมีโอกาสที่ดีสำหรับพวกเขาที่จะเป็นที่หนึ่งและสอง เนื่องจากความประสงค์ของสวรรค์ หนึ่งในสองคนจะถูกกำจัด
เริ่ม ! ผู้ประกาศตะโกน แต่ไม่มีใครเคลื่อนไหว
“หมิงตง เจ้าแข็งแกร่งมาก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถเป็นอันดับหนึ่งได้ อย่าทำให้ข้าผิดหวัง” เจี้ยนเฉินพูด เขามีความตั้งใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ที่นี่ เขารู้อยู่ในใจว่าถ้าเขาไม่มีปราณกระบี่สีฟ้า-ม่วง เขาคงไม่มีทางชนะหมิงตงได้ เพราะยังไงหมิงตงก็เป็นเซียนปฐพีธาตุลมวัฏจักรที่ 6 และมีความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้มายาพริบตาดีกว่าเขา เมื่อเทียบกับหมิงตง เจี้ยนเฉินคงไม่มีโอกาสชนะ
“ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ! “
ในเวลาเดียวกับที่เจี้ยนเฉินกำลังจะเปิดปากเพื่อยอมรับความพ่ายแพ้ หมิงตงกลับชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
หมิงตงหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจบนใบหน้าของเจี้ยนเฉิน “เจี้ยนเฉิน พลังของเจ้าไม่อ่อนแอไปกว่าข้าเลย ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถคว้าอันดับแรกได้ ฉะนั้นอย่าทำให้ข้าผิดหวัง ! “
เจี้ยนเฉินตอบด้วยรอยยิ้มว่า “หมิงตง มันไม่ใช่เรื่องยากที่เจ้าจะเป็นที่หนึ่ง ทำไมเจ้าให้โอกาสนั้นกับข้า ? “
“เพราะเจ้าต้องการมันมากกว่า เจี้ยนเฉิน ลุงเทียนบอกกับข้าว่าใครก็ตามที่ได้อันดับหนึ่งในงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างจะมีสิทธิ์บ่มเพาะในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเมืองทหารรับจ้างเป็นเวลาครึ่งปี เจี้ยนเฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอยู่ที่จุดสูงสุดของเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 แล้ว ข้าสามารถตัดผ่านเป็นเซียนสวรรค์ได้ทุกเมื่อ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จึงไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรมากสำหรับข้า ในทางกลับกัน เจ้าอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป” หมิงตงพูดอย่างจริงจัง
เจี้ยนเฉินยิ้มกว้างมากขึ้นในตอนนี้ “ขอบใจมากหมิงตง เมื่อเจ้าให้โอกาสแก่ข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังเด็ดขาด”
“ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะของเจ้า” หมิงคงหัวเราะ
สิ่งที่หมิงตงไม่รู้ก็คือเมื่อเขายอมแพ้ในการแข่งขัน ผู้คนมากมายต่างโกรธเคืองและการสาปแช่. นั่นเป็นเพราะทุกคนลงเดิมพันข้างหมิงตงว่าเขาจะเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขัน เมื่อพวกเขาวางเดิมพันทั้งหมดของพวกเขาไว้ข้างหมิงตงและตอนนี้พวกเขาเห็นว่าเขายอมรับความพ่ายแพ้ เงินที่พวกเขาวางเดิมพันไว้จึงหายวับไปกับตา
บทสรุปสุดท้ายระหว่างเจี้ยนเฉินและหมิงตงนั้นไกลเกินกว่าที่ทุกคนคาดคิดไว้ เฉพาะคนที่มีความคุ้นเคยกับทั้งสองที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พวกเขารู้ว่าหมิงตงและเจี้ยนเฉินอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง พวกเขารู้ว่าถึงหมิงตงจะแข็งแกร่งมาก เขาก็มักจะปฏิบัติต่อเจี้ยนเฉินในฐานะผู้นำเกือบจะเหมือนกับว่าเจี้ยนเฉินเป็นเจ้านาย
ผู้คนนับล้านในเมืองรับจ้างเริ่มพูดคุยกันเองเนื่องจากทุกคนที่ลงเดิมพันข้างหมิงตงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก พวกเขาเอะอะโวยวายจนเซียนสวรรค์คนหนึ่งให้ความเห็นว่าเจี้ยนเฉินก็ไม่ใช่คนที่อ่อนแอเลยและมันก็มีข้อพิสูจน์คือตอนที่เขาตัดหัวคารากาโดยไม่มีใครทันตั้งตัว หลังจากนั้นทุกคนที่แสดงความไม่พอใจในความพ่ายแพ้ของหมิงตงก็เงียบลง สำหรับคนที่วางเงินก้อนใหญ่ไว้ข้างหมิงตง พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่ก้มศีรษะและหมกมุ่นในความเศร้า
ไม่ว่าเสียงพูดคุยจะดังเพียงใด คนในสังเวียนก็ไม่ได้ยินเพราะกำแพงกั้นเสียงพิเศษจากม่านพลัง หมิงตงและเจี้ยนเฉินจึงไม่ได้ยินเสียงโวยวายอะไรเลย
หลังจากนั้นซาร์เอี้ยและปาหลีตงก้าวเข้าสู่สังเวียน ซาร์เอี้ยเป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 และมีทักษะการต่อสู้อยู่บางส่วน ปาหลีตงเป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 4 แต่เขามียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ ถึงกระนั้นสิ่งนี้จะไม่ได้ผลอะไรมากเมื่อเทียบกับชุดเกราะธาตุแสงของซาร์เอี้ย ซาร์เอี้ยยังสามารถรักษาตัวเองด้วยพลังเซียนธาตุแสง การต่อสู้นั้นใช้เวลาไม่นานนักผลก็คือซาร์เอี้ยนักรบธาตุแสงเป็นผู้ชนะ
รอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันและสิ่งที่สำคัญที่สุดจะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น เพราะนี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ซึ่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างและจะได้รับเกียรติโดยถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งทหารรับจ้าง
ในช่วงเวลาพักที่เหลือ เจี้ยนเฉินไม่สนใจการหยุดพักและใช้ความพยายามทั้งหมดของเขาในการทำความเข้าใจกับทักษะมายาพริบตา เขาได้เรียนรู้ทักษะขโมยชะตาสวรรค์และพยายามจนบรรลุขั้นแรกและสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้ถึง 3 เท่า นี่เป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจของเจี้ยนเฉิน ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการศึกษาทักษะขโมยชะตาสวรรค์อีกต่อไปเพราะมันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะบรรลุขั้นที่สองในระยะเวลาอันสั้น แม้ว่าเขาจะได้รับความเชี่ยวชาญในขั้นที่สอง อย่างใดก็ตามความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาจะไม่แตกต่างกันมาก เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มเป็น 4 เท่า ถึงแม้จะมีความแข็งแกร่งของเซียนปฐพีวัฏจักรแรกคูณด้วยสี่ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสู้กับเซียนสวรรค์
นอกเหนือจากผลลัพธ์นั้น เจี้ยนเฉินจึงทุ่มเวลาและความพยายามทั้งหมดเพื่อศึกษาทักษะมายาพริบตา เขาไม่ได้มุ่งเน้นไปกับงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างตั้งแต่แรกเพราะเขามีความมั่นใจอย่างมากว่าเขาจะเป็นผู้ชนะ สิ่งที่เจี้ยนเฉินกลัวอย่างแท้จริงคือตระกูลเจียเต๋อและตระกูลชิ เขาคาดการณ์ได้ว่าเมื่อเขาออกจากเมืองทหารรับจ้างจะมีผู้เชี่ยวชาญจากทั้งสองกลุ่มเข้ามาสังหารเขาและยึดยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎกลับไป ความแค้นระหว่างเขากับตระกูลที่มีอำนาจทั้งสองนั้นจะไม่มีวันคลี่คลายเนื่องจากเขาอ่อนแอเกินไป