เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 413
ได้ยินเสียงตะโกนของลู่ฝาน คนพวกนี้จึงรีบวิ่งหนีออกไป

ลู่ฝานลุกขึ้นช้าๆ สีหน้าเคร่งขรึม เกราะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาบนตัว ปกคลุมทั้งตัวเขาไว้

เกราะเกล็ดมังกรปกคลุมร่างกาย!

ต้องพึ่งเกราะเกล็ดมังกร ลู่ฝานถึงจะมีพละกำลังสู้กับนักบู๊แดนปราณชีวิตได้

ตัวถูกปกคลุมเอาไว้อย่างแน่นหนา ลู่ฝานถือกระบี่หนัก เริ่มใช้ปราณชี่ตนเองกลายเป็นพลังวิญญาณ

ในทีเดียว ซ้ายมือร่ายคาถา พลังฟ้าดินรอบๆ รวมตัวกันช้าๆ โดยการควบคุมของเขา

ไม่มีวิธีแล้ว พละกำลังของเขาในตอนนี้ จะสู้กับนักบู๊แดนปราณชีวิตที่เชี่ยวชาญพลังธาตุทองสูงสุด จำเป็นต้องใช้วิชาของผู้ฝึกชี่สักเล็กน้อย

“คิดไม่ถึงว่านายจะเป็นคนจิตใจงดงาม เหอะๆ นักบู๊ที่จิตใจงดงาม น่าขำ น่าขำชะมัด!”

เอี๋ยนชิงหัวเราะ มองลู่ฝานไล่นักเรียนกับคนใช้พวกนั้นออกไป ทั้งตัวเต็มไปด้วยพลัง

เอี๋ยนชิงมุมปากกระตุก เขาฝืนยิ้มออกมา

ฝึกวิชาชุดนี้ เขาต้องยอมแลกอย่างน่ากลัว ใครจะรู้ว่าเส้นลมปราณและกระดูกในตัวเขา ค่อยๆ กลายเป็นหินแร่ผลึก ใครจะรู้ว่าเมื่อเขาใช้วิชานี้ “ความเป็นมนุษย์” ของเขาจะค่อยๆ หายไป

เอี๋ยนชิงก็รู้ แค่เขาฝึกฝนและใช้วิชานี้ต่อไป ไม่นานเขาก็จะกลายเป็นผีก็ไม่ใช่ คนก็ไม่เชิง

แล้วยังไงล่ะ แค่วิชานี้ทำให้เขายกระดับพละกำลังได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เขาเป็นนักเรียนอันดับหนึ่ง ต่อไปจะได้เป็นอันดับหนึ่งของเขตตงหวา แม้กระทั่งอันดับหนึ่งของประเทศอู่อาน ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร มันคุ้มค่าทั้งนั้น

ใช่ แลกด้วยอะไรก็ได้!

เอี๋ยนชิงกำหมัดแน่น เขากระทืบเท้าอย่างแรงบนพื้น เกิดรอยร้าวจากเท้าของเขายืดยาวออกไปไกล

ลู่ฝานหรี่ตาลง ตอนที่ฝ่าเท้าของเอี๋ยนชิงกระทืบลงพื้น เขารู้สึกถึงลมปะทะใบหน้า

ความเร็วของเอี๋ยนชิงเร็วมาก จนทำให้เกิดเงาขึ้นที่เดิม ตัวเขากระแทกหมัดเข้าท้องลู่ฝานแล้ว

พลั่ก!

เสียงโจมตีรุนแรงดังไปทั่ว เลือดลมของลู่ฝานพลุ่กพล่าน เกราะเกล็ดมังกรตรงท้อง โดนต่อยจนเป็นรอยหมัดลึก

ลู่ฝานไม่พูดพร่ำทำเพลง ซัดหมัดกลับไปเช่นกัน

พลังฟ้าดินบริเวณรอบๆ โดนดันออกไป ความเร็วหมัดของลู่ฝาน ก็เร็วจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า

เกิดเสียงดังอึกทึกขึ้นเช่นกัน หมัดของลู่ฝานกระแทกโดนหน้าเอี๋ยนชิง

เอี๋ยนชิงพูดเหมือนหุ่นเชิดว่า “ความเร็วไม่เลว พลังธรรมดา”

พูดจบ แสงสีทองระเบิดออกมา ตัวของเอี๋ยนชิงหายไปจากที่เดิม

ลู่ฝานก็หายไปพร้อมกันกับเขาเช่นกัน บนพื้นเห็นเพียงดวงแสงสีทอง กับดวงแสงสีขาวต่อสู้ด้วยกัน เคลื่อนไหวในคณะหยินหยางอย่างต่อเนื่อง

ทุกที่ที่พาดผ่านไป ที่พักทรุดลงมา เศษหินกระจายไปทั่ว

นักเรียนคณะอื่นเห็นภาพนี้ผ่านกระจกจำภาพ พากันสูดหายใจเฮือก

“วิปริต สองคนนี้วิปริตจริงๆ”

“เอี๋ยนชิงเป็นที่หนึ่งของคณะหยินหยาง ใช้วิชาเข้าสู่แดนปราณชีวิตยังไม่เท่าไร ทำไมลู่ฝานถึงมีพละกำลังระดับแดนปราณชีวิตด้วยล่ะ นี่มันอะไรกัน”

“ลู่ฝานไม่ได้มีพละกำลังระดับแดนปราณชีวิต แต่มีความเร็วที่ทัดเทียมกับนักบู๊แดนปราณชีวิต เขาต้องฝึกวิชากายที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน ถึงเทียบกับนักบู๊แดนปราณชีวิตได้ พวกฝึกวิชากายของคณะบังเหิน คงอายจนจะฆ่าตัวตายเลยล่ะ”

“น่ากลัวเกินไปแล้ว วิปริตเกินไปแล้ว!”

……

เสียงตกใจดังขึ้นในแต่ละคณะ