กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 593
จิตใจของกู้ชูหน่วนพังทลายลงเล็กน้อย

นางไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับเหวินเส่าอี๋

เดิมทีนางควรจะเกลียดเขา แต่นางกลับเกลียดเขาไม่ลง

หลายพันปีก่อนตอนที่เผ่าเพลิงฟ้าสาปคำสาปโลหิตใส่เผ่าหยก เขาเป็นวุ้นอยู่ที่ไหนยังไม่รู้ด้วยซ้ำ

ตั้งแต่รู้จักเหวินเส่าอี๋ นางยังไม่เคยเห็นเขาทำเรื่องไม่ดีเลยสักครั้ง นอกจากนี้เขายังยอมสละชีวิตช่วยนางครั้งแล้วครั้งเล่า

กู้ชูหน่วนสับสนอยู่ในใจ แม้ว่าจะรู้สึกขอบคุณเหวินเส่าอี๋ แม้ว่าจะรู้ว่าเหวินเส่าอี๋ไม่ใช่คนเลวร้าย แต่นางก็ปล่อยวางไม่ได้

นางหยิบยาห้ามเลือดกับน้ำสะอาดออกมาจากวงแหวนอวกาศและช่วยเขาทำแผลอย่างระมัดระวัง

“อื้อ…”

ไม่รู้ว่าทำให้เขาเจ็บหรือเปล่า เหวินเส่าอี๋จึงร้องครางออกมา

“อดทนหน่อยนะ จะเสร็จแล้ว”

เวลาแต่ละนาทีแต่ละวินาทีผ่านไป ทันใดนั้นกลิ่นหอมจางๆ ของดอกบัวซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเหวินเส่าอี๋ก็ลอยมาเตะจมูก เป็นกลิ่นที่สัมผัสแล้วรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว

กู้ชูหน่วนถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งอกแล้วเก็บขวดยากลับไป

“โชคดีที่รักษาแผลทันเวลา ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดแผลคงเน่าเปื่อยจนเป็นหนอง”

ทันทีที่กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเหวินเส่าอี๋ฟื้นแล้ว เขากำลังมองนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน

“ตื่นแล้วหรือ เจ็บไหม”

“ท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

คำพูดที่เหวินเส่าอี๋โพล่งออกมาทำให้ความรู้สึกที่ซับซ้อนของกู้ชูหน่วนมืดมนลงกว่าเดิม

“ข้าจะสบายดีหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน”

เหวินเส่าอี๋ถอนหายใจอย่างเงียบเหงา รอยยิ้มในแววตาของเขาหายไปและถูกแทนที่ด้วยความเศร้าจางๆ

“ใช่ เรื่องของท่านจะเกี่ยวอะไรกับข้า”

“เมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้น มือสังหารชุดดำนั่นล่ะอยู่ไหน แล้วก็อีกอย่าง ร่างกายของท่านถูกอะไรทำร้ายมา แผลลึกมากทั้งยังมีพิษอีกด้วย”

“ถูกแมงมุมยักษ์ทำร้ายมา ในถ้ำนี้มีแมงมุมยักษ์สองตัว พวกมันแข็งแกร่งมาก มือสังหารชุดดำน่าจะถูกพวกมันดักจับไว้”

เหวินเส่าอี๋ค่อยๆ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟัง

หลังจากกู้ชูหน่วนถูกลอบโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส เขาก็ต่อสู้กับมือสังหารชุดดำผู้นั้นอย่างดุเดือด เพราะเขาได้รับบาดเจ็บและสูญเสียพลังครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะรับมือกับมือสังหารชุดดำได้

โชคดีที่เขายังมีเพลงยุทธทั้งหมดอยู่ เพลงยุทธของเขากับการต่อสู้ของมือสังหารสูสีกันจนแยกไม่ออก

ในที่สุดแมงมุมยักษ์ก็บุกเข้ามาและโจมตีทันทีที่เห็นพวกเขา เขาหลอกล่อและหลบหลีกออกมา ทั้งยังทำให้แมงมุมพิษไปล้อมมือสังหารชุดดำเอาไว้

หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้แล้วว่าชายหนุ่มชุดดำถูกแมงมุมยักษ์ฆ่าหรือไม่

เขาอุ้มกู้ชูหน่วนออกมาและใช้กำลังภายในช่วยรักษานาง

เหวินเส่าอี๋ยังตกใจไม่หายเมื่อนึกถึงการรักษา

ร่างกายของกู้ชูหน่วนมีแรงดึงดูดบางอย่างปรากฏขึ้นมาอย่างน่าประหลาด พลังนั้นดูดกำลังภายในของเขาไป

เขาเกือบตายเพราะถูกสูบพลังไปจนหมด

ตอนนี้เขารวบรวมกำลังภายในของตนเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

หรือไม่…

พลังของเขาก็ลดฮวบไปจนถึงระดับสาม…

เมื่อนึกถึงพลังของตนเองที่ลดลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า

เหวินเส่าอี๋ก็ยิ้มอย่างขมขื่น

ผู้คนของเผ่าเพลิงฟ้าต่างฝากความหวังไว้ที่เขา ทุกคนคิดว่าเขาคืออัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในรอบหลายพันปี

ความหวังทั้งหมดของเผ่าเพลิงฟ้าถูกส่งต่อมาที่เขา

ทว่าตอนนี้เขาเทียบกับประชาชนชาวเผ่าทั่วๆ ไปไม่ได้ด้วยซ้ำ

ระดับสาม…

ถ้าอยู่ที่อื่น ระดับสามอาจถือว่าเป็นวรยุทธที่สูงมากแล้ว

แต่สำหรับเผ่าเพลิงฟ้า ระดับสามถือว่าอ่อนแอเกินไป…

“คิดอะไรอยู่ ทำไมใจลอยอย่างนั้น”

“ไม่มีอะไร อาการของท่านดีขึ้นบ้างหรือไม่”

“ดีขึ้นมากแล้ว”

กู้ชูหน่วนร้อนใจเล็กน้อย นางกล่าวว่า “เราอยู่ในขั้วโลกเหนือนานแล้ว ข้ามีเวลาจำกัดและต้องหาไข่มุกมังกรให้เจอโดยเร็วที่สุด ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไปกับข้า เกรงว่า…”

“ที่นี่อันตรายมาก ท่านระวังตัวด้วย ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่”

“ท่านอยู่ได้ใช่หรือไม่”

“ได้สิ”

แต่ว่านางนั่นแหละ…

นางอยู่เพียงระดับสอง จะชิงไข่มุกมังกรมาจากมังกรวารีระดับเจ็ดได้อย่างไร

กู้ชูหน่วนหยิบที่กำบังขึ้นมาบังที่หน้าท้องของตนพลางคลำทางไปข้างหน้า

ถ้ำน้ำแข็งเป็นสถานที่ที่ซับซ้อน หลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่งจะเจอทางแยกตลอด

เพื่อกันไม่ให้หลงทาง กู้ชูหน่วนจึงใช้ปิ่นปักผมทำเครื่องหมายไว้บนกำแพงน้ำแข็ง

กู้ชูหน่วนเดินวนอยู่เป็นนานก็ยังไม่พบมังกรวารีระดับเจ็ด ไม่เห็นแม้แต่เงาของไข่มุกมังกร

อุณหภูมิลดลงเรื่อยๆ จนกู้ชูหน่วนสั่นสะท้านด้วยความหนาวเย็น นางพยายามถูมือไม่หยุดเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น

ขณะที่มาถึงทางแยกที่อยู่ข้างหน้า กู้ชูหน่วนพิงไปโดนกำแพงน้ำแข็งโดยไม่ได้ตั้งใจ กำแพงน้ำแข็งนั้นเหนียวเหนอะ เมื่อก้มลงมองจึงเห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนจนทำให้รู้สึกคลื่นไส้

สิ่งที่เหนียวเหนอะนี้ไม่ใช่อะไรนอกจากเครื่องในของแมงมุม

เมื่อมองไปข้างหน้าจึงเห็นว่ามีแมงมุมยักษ์ตัวหนึ่งถูกผ่าครึ่ง ขาของมันขาดกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ที่กำแพงน้ำแข็งมีรอยดาบฝังอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทำให้พอจะรู้ได้ว่าไม่นานมานี้มีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่

กู้ชูหน่วนข้ามซากแมงมุมที่ถูกแยกส่วนมาจนถึงที่แคบแห่งหนึ่ง

ที่นั่นมีใยแมงมุมโปร่งใสขนาดใหญ่ บนใยนั้นมีใครคนหนึ่งติดอยู่

ชายชุดดำสวมหน้ากากคนนั้น

ชายชุดดำที่สวมหน้ากากพยายามดิ้นรนอยู่นานแต่ก็ยังหลุดออกไปไม่ได้ เวลานี้เขาถูกใยแมงมุมดักไว้จนอ่อนแรง แขนขากางออกจากตัวไปคนละทิศ

ผู้ชายคนนี้คือเด็กหนุ่มที่ลอบสังหารนางมิใช่หรือ

เมื่อมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้งก็เห็นว่าบนตัวเขามีรอยแผลอยู่มากมาย ทั้งยังมีรูเลือดอยู่หลายรู รูเลือดเหล่านั้นยังคงมีเลือดไหลออกมาช้าๆ เหมือนกับบาดแผลบนตัวของเหวินเส่าอี๋ ซึ่งนั่นคงเป็นแผลที่ได้จากแมงมุม

“เฮอะ… โลกช่างแคบเหลือเกิน เรามาเจอกันอีกแล้วนะ”

กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย “ก่อนหน้านี้ข้าช่วยเจ้าไว้ตอนอยู่ที่ก้นหุบเขา แต่เจ้ากลับเนรคุณแทงดาบใส่ข้า เจ้าว่าคราวนี้ข้าจะยังกล้าช่วยเจ้าอีกหรือไม่”

ที่นี่มีแต่หิมะและน้ำแข็งปกคลุม ภูมิประเทศก็สลับซับซ้อน ถ้ากู้ชูหน่วนปฏิเสธที่จะช่วยเขา เด็กหนุ่มผู้นี้จะตายอยู่ที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย

กู้ชูหน่วนคิดว่าชายหนุ่มจะเปิดปากขอความช่วยเหลือจากนาง แต่ชายหนุ่มผู้นั้นกลับมองนางอย่างเฉยเมยและไม่คิดจะขอความเมตตา ดวงตาคู่นั้นยังคงเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกไม่ต่างจากก่อนหน้านี้

“เจ้ายังเด็กนักหนุ่มน้อย เป็นอะไรไม่เป็นดันมาเป็นมือสังหาร ข้าไม่สนใจหรอกนะว่าเหตุใดเจ้าจึงกลายมาเป็นมือสังหารเช่นนี้ วันนี้ข้าจะไม่ซ้ำเติมเจ้า แต่ข้าก็จะไม่ช่วยเจ้าเหมือนกัน จะเป็นหรือตาย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง”

กู้ชูหน่วนมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขาและหันหลังจากไป

แม้ว่านางจะหันหลังจากมาแล้ว เด็กหนุ่มผู้นั้นก็ยังไม่ยอมเปิดปากขอความช่วยเหลือ

เขาเพียงแต่อดทนต่อความเจ็บปวดและดิ้นรนอย่างไม่ลดละ แม้ว่าทุกครั้งที่ดิ้นรนจะทำให้อาการบาดเจ็บของเขายิ่งทรุดลงไปก็ตาม

ประสาทหูของกู้ชูหน่วนดีมาก นางรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ด้านหลัง

กู้ชูหน่วนเดินมาถึงทางแยกอีกทางหนึ่งและอดหยุดฝีเท้าไม่ได้ นางแอบหันไปมองเด็กหนุ่ม

ตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังพยายามดิ้นรนครั้งแล้วครั้งเล่า ยอมสละได้แม้แต่แขนขาของตัวเองเพื่อให้หลุดพ้นไปสู่อิสรภาพ

เป็นครั้งแรกที่แววตาอันเย็นชาของเขาแสดงความรู้สึกออกมา

นั่นคือแววตาที่แสดงถึงความอยากมีชีวิตรอด

ฝ่าเท้าของกู้ชูหน่วนเหมือนจะเต็มไปด้วยตะกั่วและขยับเขยื้อนไม่ได้

แววตาที่แสดงถึงความอยากมีชีวิตนี้ดูคล้ายกับนางมาก

กู้ชูหน่วนเดินเข้าไปหาเขาราวกับมีอะไรมาดลใจ

“ข้าช่วยเจ้าได้ แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าอย่างหนึ่งว่าจะไม่พยายามฆ่าข้าอีก”

ชายหนุ่มในชุดดำมองนางอย่างเย็นชา นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเข้าใจสิ่งที่นางพูดหรือเปล่า

เขาไม่พยักหน้า ไม่ส่ายหัว ไม่มีการแสดงออกใดๆ ในสายตา

“ดูจากสายตาของเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ได้มีความแค้นอะไรกับข้า ในเมื่อไม่ได้มีความแค้นใดๆ เหตุใดเจ้าต้องยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อฆ่าข้าด้วย”

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

พ่อหนุ่มคนนี้เอาแต่เงียบ

“เจ้าเป็นคนใบ้หูหนวกรึ”

ยังไม่ยอมพูดอีก

กู้ชูหน่วนถือโอกาสดึงผ้าคลุมหน้าของเขาออก

หลังดึงผ้านั้นออก ใบหน้าของชายหนุ่มในชุดดำปรากฏอยู่ตรงหน้ากู้ชูหน่วนอย่างสมบูรณ์

ใบหน้าของกู้ชูหน่วนซีดเผือดทันทีเมื่อเห็นรูปโฉมของเขา สองเท้าก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสีดำคู่นั้นมีทั้งความตกใจ ดีใจ และไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง