ตอนที่ 390 ต้องการแม่นางคนงาม

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ข้า…” ใบหน้าของอวิ๋นฮุ่ยกลายเป็นสีเขียวคล้ำ แม้แต่บิดาของตนนั้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง หากนางเข้าไป ก็คงจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว

นอกจากการโจมตีด้วยพิษแล้ว เข็มยาของมู่เฉียนซียังมิได้ถูกใช้งาน ในขณะที่ผู้เฒ่าผู้นั้นยังไม่ทันตั้งตัว มู่เฉียนซีไม่รอช้า พุ่งโจมตีต่อไปอย่างต่อเนื่อง

— ตูม! —

— ปัง! —

เวลานี้เอง อู๋ตี้และเสี่ยวหงก็ได้ระเบิดพลังออกมา ทำเอาผู้อาวุโสสองผู้นั้นบาดเจ็บอย่างหนัก  พวกเขากล่าวอย่างใจจดใจจ่อ “ท่านเจ้าสํานัก เราจะทําอย่างไรดีขอรับ ?”

ผลสุดท้ายแล้วเจ้าสำนักของพวกเขาอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก อีกทั้งยังถูกวางยาพิษ

เจ้าสำนักอวิ๋นจ้องมองมู่เฉียนซีอย่างดุดัน  กล่าวว่า “แม่สาวน้อย เจ้าอย่าได้ลำพองใจไป ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะสามารถประคับประคองความแข็งแกร่งเช่นนี้ไปได้ตลอด เจอกันครั้งหน้า เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน”

“ไปกันเถอะ!” เจ้าสํานักอวิ๋นรีบพาคนของเขาล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว เขาที่ถูกพิษเล่นงานเข้าไปนั้นไม่เหมาะที่จะต่อสู้ยาวนานกับนาง วันนี้เขาได้ดูเบาศัตรูเสียแล้ว

เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้สาวน้อยผู้นั้นฝืนบังคับตน เพิ่มพลังความสามารถนั้นมังคงเป็นเพียงสิ่งจอมปลอม ใครเล่าจะคิดว่านางจะมีวิชาพลังฝ่ามือที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น  มันนอกเหนือความคาดหมายของเขานัก!

คนของหอการค้าอันดับหนึ่งถึงกับตะลึงงัน พวกเขาได้เห็นเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนผู้หยิ่งทะนงจนถึงขีดสุด ถูกผู้อื่นทำให้ต้องล่าถอยเป็นครั้งแรก

หวงฝูอวี้แค่นเสียงไล่หลัง “เจ้าหน้าด้านหน้าทน แพ้แล้วยังจะมากล่าววาจาประหนึ่งตนเก่งหนักหนา”

หลังจากที่พวกนั้นจากไปจนหมดสิ้น พลังของมู่เฉียนซีก็ค่อย ๆ ลดลงมา พลังวิญญาณจากยาเม็ดนั้นถูกนางใช้ไปจนหมดสิ้นด้วยการโจมตีสองคราเมื่อครู่นี้

หวงฝูอวี้กล่าวอย่างห่วงใย “แม่นางมู่ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เจ้า…”

ผลจากการบังคับเพิ่มพลังถึงสองระดับใหญ่ ๆ นั้น พวกเขาไม่อยากจะจินตนาการเลยว่ามันจะหนักหนาสาหัสเพียงใด

มู่เฉียนซีกล่าวเพื่อให้อีกฝ่ายเบาใจ “พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นนักปรุงยา ? แน่นอนว่าข้าจะไม่กินยาเพิ่มพลังที่มีผลร้ายต่อร่างกายของข้าเอง”

“นั่นเป็นไปไม่ได้!”

“นั่นมัน…”

พวกเขาถูกทำให้ตกตะลึงอีกครั้ง  แต่เมื่อจินตนาการถึงทักษะการปรุงยาอันน่าดึงดูดใจของมู่เฉียนซี พวกเขากลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดา

อย่างไรเสียนางก็ได้พาพวกเขาลุยผ่านทุ่งสมุนไพรที่เต็มไปด้วยพิษมากมาย ทั้งหมดนั้นพวกเขาล้วนเห็นมาด้วยตาของตนเอง

มู่เฉียนซีกล่าว “รีบเดินทางต่อเถอะ จะให้พวกนั้นได้หม้อเทพนิรันดร์ไปไม่ได้”

เมื่อครู่พวกเขานั้นร่วมต่อสู้ด้วยความเป็นความตายมาด้วยกัน มู่เฉียนซีเองก็เชื่อในพวกเขา จึงไม่ได้ปิดบังในเรื่องนี้

หวงฝูอวี้ตะลึงงัน “โอ้! สิ่งที่ซ่อนอยู่ในโบราณสถานเป็นของวิเศษนิรันดร์หรอกหรือ ? มิน่า สำนักนิกายระดับสองอย่างหุบเขาหมอเทวดาและสำนักอวิ๋นเยียนถึงได้ระดมพลและรีบร้อนมาเช่นนั้น”

“ไม่แปลกใจเลยที่แม่นางมู่สนใจมันเป็นอย่างมากเช่นนี้ หม้อเทพนิรันดร์นั้นเหมาะกับแม่นางมู่เป็นที่สุดอย่างแน่นอน”

จุดประสงค์ของพวกเขาในการมาที่นี่นั้นไม่ใช่การมาเพื่อหาสมบัติล้ำค่าแต่อย่างใด อีกทั้งพวกเขาไม่ใช่นักปรุงยา ดังนั้นแล้วแรงดึงดูดของหม้อเทพนิรันดร์ต่อพวกเขาจึงไม่มากมายเท่านางหรือคนอื่น ๆ ที่เป็นนักปรุงยา …

ด้านหน้ามีศาลาหยกขาวอยู่แห่งหนึ่ง บนศาลาแห่งนั้นมีหม้อเทพโบราณวางอยู่หม้อหนึ่ง

รูปทรงของหม้อเทพใบนั้น มู่เฉียนซีเคยเห็นในภาพฉากที่อาถิงเคยย้อนเวลาให้นางดูมาแล้ว นั่นคือหม้อเทพนิรันดร์ไม่ผิดแน่นอน!

มันดูเรียบง่ายและเคร่งขรึม แต่เหตุใดนิสัย จิตวิญญาณของมันกลับวุ่นวายเช่นนั้น ที่แท้ มิเพียงแต่คนเท่านั้นที่มิอาจตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ หม้อเองก็ไม่สามารถตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกได้เช่นกัน

โชคร้าย! คนของหุบเขาหมอเทวดามาถึงที่นี่ก่อนมู่เฉียนซี

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

เงาร่างหลายร่างคิดที่จะบุกเข้าไปในศาลาหยกขาวแห่งนั้น แต่กลับโดนพลังพลังหนึ่งดีดกลับออกมาอย่างแรง ฉับพลันต่อมาเสียงที่แสดงความขยะแขยงเป็นอย่างมากเสียงหนึ่งดังออกมา “พวกเจ้าแต่ละคนนั้นเฒ่าชรา ใบหน้าอัปลักษณ์นั้นก็ช่างเถอะ แต่ยังเป็นบุรุษ แล้วพวกเจ้ายังอยากได้ข้าไปอีก ข้าจะบอกพวกเจ้าให้ ความชอบของข้านั้นเป็นแบบปกติทั่วไป”

เวลานี้ทุกคนต่างตกอยู่ในความวุ่นวาย “นั่น… นั่นหมายความว่าอย่างไรกัน ?”

“ใคร ? ใครอยู่ที่นี่ ?” ผู้อาวุโสที่สองถามขึ้นพลางมองไปรอบ ๆ

“ข้าก็อยู่ด้านบนนี่อย่างไรเล่า เจ้ายังกล้าถามอีกรึว่าข้าคือใคร ?”

“หม้อเทพนิรันดร์…” ในเวลานี้เอง สีหน้าของคนจากหุบเขาหมอเทวดาแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก

“ใบหน้าอัปลักษณ์เกินไป รีบไสหัวไปเร็ว ๆ เลย อย่ามาขวางหูขวางตาข้าที่นี่”

— ปั้ก! —

พลังที่แข็งแกร่งบางอย่างตบเหล่าคนของหุบเขาหมอเทวดากระเด็นลอยออกไป

ขณะเดียวกันนั้น พวกของมู่เฉียนซีไม่ได้พุ่งเข้าไปโดยตรง พวกเขาเลือกที่จะรอดูอยู่ใกล้ ๆ แทน

มุมปากหวงฝูอวี้กระตุก เขากล่าว “แม่นางมู่ นั่น… นั่นใช่หม้อเทพนิรันดร์จริงหรือ ? มัน…”

“อืม… บางทีนิสัยของหม้อเทพนิรัดร์ก็คงจะแปลกพิลึกไปอยู่บ้าง” มู่เฉียนซีพึมพำ เจ้าอาถิงนั้นก็เป็นตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่ง มาตอนนี้เจ้าหม้อเทพนิรันดร์ก็ไม่ได้แพ้กันเลย มีแต่เพียงแหวนมังกรเทพวารีเท่านั้นที่ค่อนข้างจะปกติหน่อย

“ข้าต้องการสตรีงาม ข้าจะเอาสตรีงดงาม! หากมิใช่สตรีงามพวกเจ้าก็เลิกคิดได้เลยว่าจะได้ข้าไปครอง” เสียงที่ฟังดูหงุดหงิดเสียงหนึ่งลอยออกมา

คนของหุบเขาหมอเทวดาต่างหันมองหน้ากัน เวลานี้กำลังเกิดสิ่งผิดประหลาดใดขึ้นกันแน่ ?

พวกเขานั้นลำบากอย่างแสนสาหัสกว่าจะหาหม้อเทพนิรันดร์พบ แต่ทว่าอารมณ์ของหม้อเทพนิรันดร์ใบนี้ช่างพิลึกนัก

ถ้าหากรู้แต่แรกว่าหม้อชอบพอในสตรีงาม พวกเขาก็คงเลือกที่จะพาลูกศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาที่เป็นสตรีงามมาด้วย  แต่ตอนนี้นั้น ส่วนใหญ่ที่พวกเขามีก็เพียงบุรุษที่ส่วนใหญ่หนังเหี่ยว หากไม่ใช่ผู้เฒ่าแก่ชราก็เป็นลูกศิษย์ที่เป็นชายหนุ่ม พวกเขานั้นไม่มีทางที่จะหาสตรีมาได้เลย

“ฮ่า ๆ ๆ สวรรค์ช่างช่วยข้าเสียจริง!” เสียงยินดีอย่างบ้าคลั่งเสียงหนึ่งลอยออกมา

“ฮุ่ยเอ๋อร์ ดูเหมือนว่าครั้งนี้บิดาพาเจ้าออกมาฝึกฝนนั้นจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว”

แน่นอนว่าผู้ที่กล่าวออกมานั้นคือเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน ในตอนนี้เขานั้นดีใจล้นเหลือเสียจนแทบจะหาทิศเหนือไม่เจอแล้ว

อวิ๋นฮุ่ยกล่าว “ท่านพ่อ ท่านวางใจได้ ข้าจะต้องเอาหม้อเทพนิรันดร์มาให้ท่านให้ได้”

อวิ๋นฮุ่ยเดินออกมา ขณะเดียวกันคนของสำนักอวิ๋นเยียนก็เดินบุกเข้าไป ทำให้คนของหุบเขาหมอเทวดาไม่สบอารมณ์ พวกนั้นกล่าวขึ้นด้วยความโกรธเคือง “พวกเจ้ากล้ารึ ?!”

เจ้าสำนักอวิ๋นเยียน “ในเมื่อทุกท่านจากหุบเขาหมอเทวดาไม่มีหนทาง เช่นนั้นให้บุตรีของข้าไปลองเสียหน่อยเป็นไร ?”

ใบหน้าคนของหุบเขาหมอเทวดาหม่นคล้ำลง ในเมื่อไร้หนทาง พวกเขาก็คงต้องทำเช่นนั้นแล้ว

รอให้สตรีอายุน้อยผู้นี้เข้าไปเอาหม้อเทพนิรันดร์มา พวกเขาค่อยแย่งชิงมาอีกทีก็น่าจะมิเป็นปัญหาใด ๆ

อวิ๋นฮุ่ยเดินไปด้วยความมั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่านางนั้นจะไม่ใช่สตรีงามอันดับหนึ่งของทวีปเซี่ยโจว แต่ก็เป็นรองอันดับสองจากพี่สาวของนาง นางจะต้องเอาหม้อเทพนิรันดร์มาได้อย่างแน่นอน

— ปัง! —

พลังอันน่าสะพรึงกลัวพลังหนึ่ง กระแทกอวิ๋นฮุ่ยกระเด็นออกไป

“พวกเจ้าล้วนแต่บัดซบ! หญิงอัปลักษณ์เช่นนี้พวกเจ้ายังกล้าให้นางออกมาทำให้ข้าตกใจอีกรึ ?! ไสหัวไปให้พ้น!”

“พรวด!”

อวิ๋นฮุ่ยล้มลงบนพื้นแล้วกระอักเลือดออกมา นางโกรธเสียจนทั้งใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นางงดงามถึงเพียงนี้แต่เจ้าหม้อบัดซบกลับกล้าบอกว่านางน่าเกลียด หยามกันเกินไปแล้ว!

เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเองก็หงุดหงิดเป็นอย่างมาก หากรู้แต่แรกว่านี่คือหม้อเทพนิรันดร์ ถึงแม้ว่าบุตรีคนโตของเขาจะเก็บตัวบำเพ็ญตนเพื่อให้บรรลุขั้นจักรพรรดิ เขาก็จะพานางออกมาด้วย ด้วยรูปลักษณ์ชั้นยอดของบุตรีคนโตของเขา นางจะต้องได้หม้อเทพนิรันดร์มาอย่างแน่นอน

ท่าทางของทุกคนในที่นั้นเปลี่ยนไป หม้อเทพนิรันดร์เป็นเช่นนี้ ใครก็อย่าคิดที่จะได้ไป  มันเกรี้ยวกราด ซ้ำยังหยิ่งทะนงจนผู้ใดก็มิอาจจะเข้าไปกรายใกล้ หรือว่าพวกเขาต้องออกไปหาสตรีงามมาในเวลานี้เลย

หวงฝูอวี้กล่าว “แม่นางมู่ เราจะทำเช่นไรดีรึ ?”

อวิ๋นฮุ่ยนั้นใช้ไม่ได้ แต่พวกเขาเชื่อว่าแม่นางมู่จะต้องได้อย่างแน่นอน  เมื่อเทียบกับแม่นางมู่แล้ว แม้แต่คุณหนูใหญ่แห่งสำนักอวิ๋นเยียนก็ยังด้อยกว่านางอีกมากนัก

แต่ถ้าหากแม่นางมู่ออกไปแล้วได้รับการยอมรับจากหม้อเทพนิรันดร์ เช่นนั้นแล้วนางก็จะต้องเผชิญอันตรายจากการล้อมโจมตีของผู้แข็งแกร่งจากสำนักนิกายระดับหนึ่งและระดับสอง

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ข้าจะไปเอาหม้อเทพนิรันดร์มา พวกเจ้ารีบถอยหนีไป อีกสักครู่เกรงว่าจะอันตรายเป็นอย่างมาก”

“มิได้ พวกเรามิอาจปล่อยให้แม่นางมู่ตกอยู่ในอันตรายแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่สนใจใยดีได้ หากว่าพวกเขาลงมือกับแม่นาง พวกเราจะช่วยรั้งพวกเขาไว้อย่างสุดกำลัง”

.