วรยุทธ์เซียน เผิงทองถาโถม
ผู้ดูแลชั้นทั้ง 2 คนมองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียน ที่ค่อยๆก้าวเดินออกจากชั้น 3 ของศาลาอุทิศ และเดินขึ้นไปยังชั้น 4 ของศาลาอุทิศไม่วาง และไม่นานแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนก็หายลับไปจากสายตาของพวกมัน
“เจ้าหนูนั่น…มันคงมิใช่ศิษย์ปิดด่านของผู้อาวุโสฝ่ายในคนใดคนหนึ่งหรอกนะ?”
ผู้ดูแลคนหนึ่งกล่าวพึมพำออกมา
อาศัยฐานะศิษย์ฝ่ายนอกไหนเลยจะมีคะแนนอุทิศมากมายขนาดนี้ หากอีกฝ่ายเป็นศิษย์ปิดด่านของผู้อาวุโสฝ่ายในก็ว่าไปอย่าง!
ศิษย์ปิดด่านในที่นี้หมายถึงศิษย์คนสุดท้าย
โดยปกติแล้วศิษย์คนสุดท้ายจะได้รับการดูแลอย่างดี เป็นศิษย์ที่อาจารย์ชื่นชมมากที่สุด และหวังให้เป็นผู้สืบทอดทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเอง เช่นนั้นแล้วทรัพยากรบ่มเพาะใดๆ ล้วนถูกประเคนมอบให้ไม่มีขาด
“เหอะๆ ข้ากลัวว่ากระทั่งศิษย์ปิดด่านของอาวุโสฝ่ายในก็มิมีทางร่ำรวยจับจ่ายมือเติบถึงเพียงนี้…นั่นมัน 700,000 คะแนนอุทิศเชียวนะ มิใช่ 70,000 คะแนนอุทิศ! แต่เจ้านั่นมันยังจ่ายมาตาไม่กระพริบด้วยซ้ำ!!”
ผู้ดูแลอีกคนเผยยิ้มขื่นขมออกมา
มันเป็นถึงผู้ดูแลฝ่ายใน ฐานะนี้ของมันก็ทัดเทียมกับผู้อาวุโสฝ่ายนอกทั่วไป อนิจจาทั้งเนื้อทั้งตัวมันยังมีคะแนนอุทิศไม่ถึง 500,000 แต้มด้วยซ้ำ!
ไม่เปรียบเทียบก็แล้วไป เปรียบเทียบไซร้จำต้องร่ำไห้!!
ศิษย์ฝ่ายนอกผู้หนึ่งควักคะแนนอุทิศ 700,000 แต้มออกมาจับจ่ายดื้อๆ อย่าว่าแต่ไม่เคยเห็นมาก่อน กระทั่งได้ยินก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ!
ในขณะที่ผู้ดูแลทั้ง 2 กำลังรู้สึกสะทกสะท้อนกับความร่ำรวยของต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนก็เดินขึ้นบันไดมาถึงชั้น 4 ของศาลาอุทิศ
บนชั้น 4 ของศาลาอุทิศก็มีโต๊ะรับรองอยู่ด้านหน้าเช่นกัน และหลังโต๊ะรับรองก็เป็นชายชราหนวดเครายาวเฟื้อยขาวโพลน ทั้งยังมาในชุดคลุมสีขาวโพลนอีก
หากแต่ชายชราผู้นี้เนื้อตัวบึกบึนไม่คล้ายคนมีอายุ เพียงนั่งอยู่เฉยๆกลับให้ความรู้สึกประหนึ่งสัตว์ร้ายตัวเขื่องหมอบซุ่ม มองปราดเดียวก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันไร้สภาพประการหนึ่ง!
ยามพลังวิญญาณของชายชรากวาดมาตรวจสอบร่าง ต้วนหลิงเทียนถึงกับเหม่อไปวูบหนึ่ง
‘พลังวิญญาณกล้าแข็งนัก! ไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุโสฟ่างเฉียนแม้แต่น้อย!’
ต้วนหลิงเทียนตกใจ
ชายชราในชุดคลุมสีขาวที่เฝ้าชั้น 4 ของศาลาอุทิศผู้นี้ มีพลังวิญญาณสูงส่งนัก ไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุโสฟ่างเฉียนที่ประจำอยู่ชั้น 2 ของศาลาอุทิศแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายสมควรเป็นอาวุโสฝ่ายในเช่นกัน
“เจ้าคือต้วนหลิงเทียนงั้นรึ?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินมาถึงโต๊ะรับรองและถอดแหวนพื้นที่โดยที่ไม่ต้องให้ชายชราชุดขาวกล่าวเตือน ด้านชายชราชุดขาวก็เปิดปากกล่าวถามออกมา ทั้งยังมองชมร่างเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาสนใจ
“ผู้อาวุโสรู้จักข้าด้วยเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนชะงักไปเล็กน้อย ด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้จักเขาได้ หรือชายชราผู้นี้ไปชมดูการประลองเป็นตายระหว่างเขากับเฝิงฟ่านวันนั้นกัน?
“เจ้าเฒ่าฟ่างเฉียนมันพึ่งใช้ยันต์สื่อสารส่งข้อความมากล่าวบอกข้าไว้ก่อนน่ะ ว่าเจ้ามาเยือนศาลาอุทิศ ทั้งยังกล่าวชมเจ้ามิขาดปาก…มาตอนนี้ข้าเห็นเจ้ากับตา ก็นับว่าเจ้าเป็นเด็กดีอย่างที่มันว่าจริงๆ…ทว่าสำหรับเรื่องอื่น…”
ก่อนที่ชายชราชุดขาวจะทันได้กล่าวจบคำ แรงกดดันมหาศาลขุมหนึ่งก็ปะทุออกจากร่างของมัน ทั้งยังโถมถันมาปานสัตว์ร้ายตัวเขื่องที่กำลังอ้าปากกระหายเลือดออกกว้าง เผยคมเขี้ยวแหลมคมหมายขย้ำกลืนร่างเขา!
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอยู่ๆชายชราผู้นี้จะเร่งพลังกดดันใส่ผู้อื่น โดยที่ไม่ทันให้ผู้อื่นได้ทันตั้งตัวแบบนี้
แรงกดดันมหาศาลพริบตาก็พุ่งมากดทับคลุมร่างเขาอย่างดุดัน
อย่างไรก็ตามร่างกายของเขาแข็งแกร่งและทรงพลังเพียงไหนกลัวว่ามีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ แรงกดดันนี้ของชายชราไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรให้เขาแม้แต่น้อย!
เพียงให้มรสุมพัดผ่านไป ภูผาไซร้ไม่สั่นคลอน!
เมื่อเห็นว่าแรงกดดันของมันมิอาจสั่นคลอนใดๆชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าได้เลย อีกฝ่ายยังไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำ! แววตาชายชราชุดขาวก็แปรเปลี่ยนไปในฉับพลันถอนรั้งพลังกดดันคืนกลับ สีหน้าคล้ายตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย
“ดูท่าที่เจ้าเฒ่าฟ่างเฉียนมันกล่าวมา จักมิได้เกินเลยแล้วจริงๆ…”
ต้องบอกเลยว่าตอนนี้มันรับทราบถึงความแข็งแกร่งต้วนหลิงเทียนได้ชัดเจน!
“อาวุโสฟ่างเฉียนเพียงกล่าวชมข้าเกินไป ข้าเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ศิษย์ฝ่ายนอกธรรมดาๆรึ?”
ชายชราในชุดคลุมขาวอดไม่ได้ที่จะจือปาก “ข้ามิเคยเห็นศิษย์ฝ่ายนอกธรรมดาๆคนใดที่สามารถเอาชนะเฝิงฟ่านที่ติดอันดับในรายนามปฐพีได้มาก่อน ไม่ต้องนับถึงเรื่องที่ฆ่ามันตายด้วยซ้ำ! เจ้าหนู..มีความสามารถสูงส่งนับเป็นเรื่องดี แต่อย่าได้อ่อนน้อมสุภาพเกินไป หาไม่แล้วเจ้าจักสูญเสียความฮึกเหิมของคนหนุ่มไปหมดสิ้น…”
“ขอบคุณอาวุโสที่ชี้แนะ”
มุมปากต้วนหลิงเทียนกระตุกเล็กน้อย นี่เขาแลดูอ่อนแอไม่ฮึกเหิมขนาดนั้นเลย?
“เอาล่ะ เจ้าวางแหวนแล้วเข้าไปเถอะ”
ชายชราในชุดคลุมขาวกล่าวบอกพร้อมโบกมือป้อยๆ
“อ่า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเดินเข้าโถงชั้น 4 ของศาลาอุทิศไปทันที
ก่อนที่เขาจะเข้าไป เขาก็พอเดาได้ว่าชั้นที่ 4 นี้สมควรเป็นชั้นที่เก็บป้ายเซียนอันบรรจุวรยุทธ์เซียนเอาไว้ เพราะเขายังไม่เคยเห็นชั้นใดที่มีวรยุทธ์เซียนมาก่อน…
หนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของการมาศาลาอุทิศครั้งนี้ของเขาก็คือวรยุทธ์เซียน!
กล่าวให้ชัดคือมาเพื่อวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่น!
ในเมื่อก่อนมาเขามีเป้าหมายอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้ใช้เวลาไปมากมายอะไรนัก
วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นนั้น กระทั่งเป็นสำนักจันทร์จรัสแสงก็มิได้มีมากมายอะไร สายตาต้วนหลิงเทียนว่ายมองไปทางวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นไม่นานก็ค้นพบสิ่งที่ตามหา
เพราะถัดจากป้ายเซียนที่บรรจุวรยุทธ์เซียนไว้ มันก็มีคำอธิบายเขียนแปะบอกเอาไว้ชัดเจน ว่าวรยุทธ์เซียนนี้มีเคล็ดความอันใดบรรจุไว้บ้าง และมันสามารถทำอะไรได้
“เผิงทะยานผ่าน 9 สวรรค์ ประทับไท่ซาน อาภรณ์ทอง…ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ทั้งหมด 3 เคล็ดวรยุทธ์ ล้วนเป็นชุดวรยุทธ์เซียนที่เรียกว่าเผิงทองถาโถม”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำออกมาหลังจากอ่านรายละเอียดของวรยุทธ์ที่บรรจุไว้ในป้ายเซียนป้ายหนึ่ง
เผิงทองถาโถมเป็นวรยุทธ์เซียนของเฝิงฟ่านที่ถูกเขาฆ่าตายไปเมื่อวานฝึกฝน
เคล็ดป้องกันของวรยุทธ์เซียนชุดนี้ก็คือ อาภรณ์ทอง มันเป็นวรยุทธ์ที่ต่อยอดมาจากอาภรณ์เงินที่ต้วนหลิงเทียนฝึกฝน และตอนนี้เขาก็ฝึกฝนอาภรณ์เงินจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิแล้ว
เว้นเสียแต่จะฝึกฝนวรยุทธ์อาภรณ์ทอง หาไม่แล้วก็ยากจะมีความก้าวหน้าใดๆได้อีก
และยามที่เขาฝึกฝนวรยุทธ์อาภรณ์ทอง มันก็ไม่จำเป็นต้องเริ่มฝึกใหม่ตั้งแต่ต้น สามารถบรรลุถึงขั้นที่ 3 อันเป็นขั้นตอนรอบรู้ได้ทันที!
เพราะขั้นตอนรอบรู้ของอาภรณ์ทอง ก็เทียบได้กับอาภรณ์เงินในขั้นตอนไร้ตำหนิ!
ก่อนที่จะมายังศาลาอุทิศ ต้วนหลิงเทียนก็หมายมั่นตั้งใจไว้แล้วว่าเขาจะหาวรยุทธ์อาภรณ์ทองมาฝึก
นอกจากอาภรณ์ทองแล้ว เขายังรู้สึกชื่นชอบประทับไท่ซานไม่น้อย!
ประทับไท่ซานนั้น เป็นเคล็ดวรยุทธ์จู่โจมระยะประชิดที่มีอานุภาพดุดันมาก เขายังได้ประสบกับพลังทำลายมหาศาลนั่นมากับตัว!
ตั้งแต่มาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า การต่อสู้ระยะประชิดของเขากลับกลายเป็นจุดอ่อนที่สุดของเขามาโดยตลอด เขาทำได้แค่พึ่งพาเสียงเพรียกแห่งความตาย อันเป็นเคล็ดจู่โจมระยะประชิดที่อยู่ในวรยุทธ์เซียนมหาเกาทัณฑ์ดาวตกที่เขาฝึกฝนเท่านั้น
แต่อย่างไรเสีย เดิมทีวรยุทธ์เซียนมหาเกาทัณฑ์ดาวตก ก็เป็นวรยุทธ์ที่เน้นการต่อสู้ระยะไกลอยู่แล้ว
ดังนั้นหากเทียบกับประทับไท่ซานแล้ว อานุภาพของมเสียงเพรียกแห่งความตายย่อมด้อยกว่าทั้งขาดพลังแข็งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าวรยุทธ์เซียนเผิงทองถาโถมนี่ กลับเน้นหนักไปที่การโจมตีระยะประชิด!
“ดาบใหญ่ที่มีอาคมเซียนพันทวีของเฝิงฟ่านก็ตกมาอยู่ในมือข้าแล้ว…หากข้าฝึกประทับไท่ซานนี่ได้ ผนวกกับดาบใหญ่ยามเปิดใช้อาคมพันทวี พลังสังหารของมันนับว่าเหนือกว่าเสียงเพรียกแห่งความตายหลายขุม!”
ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้เรื่องนี้ดี
ดาบใหญ่ของเฝิงฟ่านมันจารึกอาคมเซียนพันทวีเอาไว้ จึงสามารถเพิ่มน้ำหนักของตัวดาบให้ทบไปอีกพันเท่า! ที่สำคัญน้ำหนักที่เพิ่มนี้กลับไม่สร้างภาระอะไรให้ผู้ใช้แม้แต่น้อย!!
“เอานี่แหล่ะ!”
ไม่ต้องตัดสินใจได้ให้มากความ ต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือออกไป หมายหยิบป้ายเซียนเบื้องหน้าอันบรรจุวรยุทธ์เซียนเผิงทองถาโถมไว้ทันที
ในขณะที่เขากำลังจะหยิบป้ายเซียนนั้นเอง อยู่ดีๆสีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยนไปทันใด รีบพุ่งมือออกไปคว้าทั้งกระชากป้ายเซียนกลับมาด้วยความเร็ว ร่างเองก็โจนถอยไป 2 ก้าว
ขณะเดียวกันกับที่ร่างต้วนหลิงเทียนปราดถอยมา ก็มีมือหนึ่งพุ่งมาดั่งสายฟ้าฟาด คว้าจับไปยังตำแหน่งของป้ายเซียนที่เขาหยิบกลับมาก่อนหน้าพอดี
แต่มือนี้มาได้ช้าไป! จึงได้แต่จั่วลมดังขวับ!!
เป็นต้วนหลิงเทียนชิงป้ายเซียนมาได้สำเร็จ!
“เจ้า! แค่ศิษย์นอกคนหนึ่งกลับกล้าแย่งชิงป้ายวรยุทธ์เซียนเผิงทองถาโถมกับข้างั้นเหรอ!? วันนี้เจ้าอย่าได้หวังอ่านป้ายนั่น รีบๆส่งมาให้ข้าเสีย!!”
เสียงไม่พอใจห้วนถ่อยดังขึ้น เป็นร่างชายหนุ่มผู้หนึ่งที่พุ่งมาปรากฏตัวข้างๆต้วนหลิงเทียน สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ขณะเดียวกันสายตาที่มองมายังต้วนหลิงเทียนก็บอกชัดว่ามันไม่สบอารมณ์เพียงใด ทีท่ายังเผยความหยิ่งผยองถือดีไม่น้อย!
ด้านต้วนหลิงเทียนก็มองสำรวจผู้ที่คิดแย่งชิงป้ายเซียนกับเขา ด้วยป้ายที่ห้อยแขวนไว้ที่เอวเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นศิษย์ฝ่ายใน
หากมันผู้นี้เดินเข้ามาหาเขาแล้วบอกดีๆว่าขอยืมป้ายเซียนอ่านก่อนได้หรือไม่ ต้วนหลิงเทียนก็คงไม่ว่าอะไรและยินดีให้มันหยิบยืมอ่านก่อน
ทว่าตอนนี้ศิษย์ผู้นี้กลับคิดแย่งชิงป้ายเซียนจากเขาทั้งๆที่เขาเป็นฝ่ายมาถึงป้ายเซียนก่อน ไม่เพียงคิดแย่งชิง หลังจากcแย่งชิงไม่สำเร็จยังจะกล่าววาจาออกมาอย่างโอหัง ยังจะสั่งเขาให้มอบป้ายเซียนให้มันอีก!
จังหวะนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด
ด้วยความที่ผ่านอะไรมาเยอะ เขาจึงกลายเป็นคนง่ายๆไม่ถือตัว และมักจะผ่อนปรนและไม่ค่อยนำพาเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่เสมอ หากทว่าใครร้ายมาเขาก็ไม่เคยกลัวที่จะร้ายตอบ!
ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญกับศิษย์ที่ถือดีทั้งหยาบคายเช่นนี้ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่มอบป้ายให้ ยังเลือกที่จะไม่แยแสคำขอของมัน หยิบป้ายเซียนขึ้นมาโยนเล่นในมือต่อหน้า ก่อนที่จะเหลือบมองมันด้วยสายตาเมินเฉยดั่งสุนัขตัวหนึ่ง แล้วเดินจากมันมาไปชมดูสิ่งอื่นๆในชั้น 4 ศาลาอุทิศทันที…ปล่อยให้มันยืนโง่หัวร้อนอยู่คนเดียว!
และสิ่งที่เขากำลังเลือกดูนั้นไม่ใช่ป้ายเซียนแต่อย่างไร แต่เป็นป้ายหยกที่บันทึกเรื่องราวต่างๆเอาไว้
ป้ายหยกพวกนี้นับว่าเป็นอะไรที่ต้วนหลิงเทียนเองก็กำลังต้องการอยู่ไม่น้อย
ถึงแม้เขาจะนับได้ว่าอยู่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามาเป็นปีแล้ว แต่มีหลายเรื่องที่เขายังไม่ทราบโดยเฉพาะสถานที่ต่างๆ
ด้วยป้ายหยกเหล่านี้ เขาย่อมมีความเข้าใจที่ทางในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอันกว้างใหญ่สุดไพศาลแห่งนี้เพิ่มขึ้นไม่น้อย
“บัดซบ! นี่เจ้ากล้าเมินข้าอย่างงั้นเรอะ!!”
ศิษย์ฝ่ายในที่เห็นการกระทำทั้งสายตาต้วนหลิงเทียนที่มองมาราวกับมันไม่ใช่คน มันถึงกับหัวร้อนขึ้นมาทันใด กล่าวตะคอกเสียงดังด้วยโทสะทันที!
มันไม่คิดเลยว่าหลังจากที่มันออกจากการปิดด่านฝึกฝน และมุ่งหน้ามาศาลาอุทิศเพื่ออ่านเคล็ดความบทต่อไปของวรยุทธ์เซียนเผิงทองถาโถม กลับต้องมาเจอเข้ากับศิษย์ฝ่ายนอกคนหนึ่งแบบนี้
ในบรรดาศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักจันทร์จรัสแสงนั้น คนเดียวที่มันยำเกรงก็คือศิษย์ฝ่ายนอกที่ติดอันดับในรายนามปฐพี รวมถึงศิษย์ฝ่ายนอกที่แข็งแกร่ง 5 อันดับแรก!
สำหรับศิษย์ฝ่ายนอกคนอื่นนั้น ไม่นับเป็นตัวอะไรในสายตาของมัน
และมันเองก็ได้เห็นหน้าค่าตาศิษย์ฝ่ายนอก 5 อันดับแรกรวมถึงผู้ที่ติดอันดับในรายนามปฐพีมาก่อน มันจึงรู้ได้ทันทีว่าศิษย์ฝ่ายนอกเบื้องหน้า หาใช่ 1 ใน 5 คนที่ว่าไม่…
หากไม่ใช่เพราะภายในศาลาอุทิศห้ามต่อสู้ประมือกันโดยเด็ดขาด มันจะทุบตีศิษย์ฝ่ายนอกผู้นี้ให้ลงไปหมอบกระแตบัดเดี๋ยวนี้!
“ไอ้หนู ทางเลือกโง่เขลานี้ของเจ้า มันจักทำให้เจ้าต้องชดใช้ไม่น้อย…ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า รีบส่งป้ายเซียนนั่นมาและก้มหัวขอขมาข้าเสียแต่โดยดี! หาไม่แล้วทันทีที่เจ้าย่างเท้าออกจากศาลาอุทิศไป…ชะตาชีวิตของเจ้ามันจะไม่อยู่ในมือเจ้าอีกต่อไป!!”
ศิษย์ฝ่ายในคนนั้นมองต้วนหลิงเทียนตาขวาง ยังกล่าววาจาข่มขู่ออกมาอย่างเกรี้ยวกราด!