ตอนที่ 367 ข้อสรุป

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 367 ข้อสรุป

“องค์ไทเฮาเสด็จ ! ”

เมื่อเสียงนั้นจางหายไปมิทันไร ขบวนของไทเฮาก็ได้เสด็จมาถึงท้องพระโรงพอดิบพอดี

จัวอี้สิงโล่งอกด้วยความดีใจ ในที่สุดไทเฮาก็เสด็จมาเสียที !

เหล่าขุนนางต่างดีอกดีใจมากเช่นกัน สถานการณ์ปัจจุบันนั้นเป็นที่แน่ชัดยิ่ง ในเมื่อฝ่าบาทมิได้ปกปิดสถานะของฟู่เสี่ยวกวนอีกต่อไป อีกทั้งยังป่าวประกาศว่าจะเคลื่อนย้ายศพของสวี่หยุนชิงมาไว้ที่สุสานราชวงศ์จิ่วกงซาน เช่นนั้นความตั้งใจแน่วแน่ที่จะกำจัดองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันนั้นได้ถูกตัดสินพระทัยแล้วอย่างหนักแน่น ดูเหมือนว่าต่อให้จัวอี้สิงอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายนั้นดึงดันหัวชนฝาให้ตายเยี่ยงไรก็ยากที่จะเปลี่ยนพระทัยของฝ่าบาทได้

และผู้ซึ่งมีอำนาจเปลี่ยนแปลงฟ้าดินได้เห็นทีจะมีเพียงไทเฮาพระนางเดียวเท่านั้น

บัดนี้ไทเฮาได้เสด็จมาถึงแล้ว การถกเถียงในท้องพระโรงถูกยุติเป็นการชั่วคราว

หากเอ่ยจากใจจริง ผู้ที่มีความสามารถในด้านการรบจะมีผู้ใดบ้างเล่าที่ยอมรับฟู่เสี่ยวกวนเป็นองค์รัชทายาท เพราะฟู่เสี่ยวกวนเป็นโอรสนอกสมรสของจักรพรรดิเหวิน เขามิได้เกิดและเติบโตในแคว้นอู๋ แต่กลับไปเติบโตยังแคว้นหยูดินแดนที่ห่างไกลกว่าสามพันลี้

แม้ว่าฟู่เสี่ยวกวนจะเป็นชายหนุ่มที่นามกระเดื่องทั่วหล้า แต่สำหรับขุนนางเหล่านี้นั้น เขาก็ยังเป็นเพียงคนนอกอยู่ดี

แม้ว่าองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันจะมิเอาไหน แต่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาก็ได้เชื่อมั่นเสียเหลือเกินว่าจะสามารถอบรมสั่งสอนเขาได้ เพราะเขาคือคนที่เกิดและเติบโตบนผืนแผ่นดินของราชวงศ์อู๋ สายเลือดของเขานั้นย่อมบริสุทธิ์กว่า

จักพรรดิเหวินตกตะลึง เขานึกในใจว่าไทเฮาไปพักผ่อนพระวรกายที่เรือนประทับหยุนชิง ณ เขาหานซานมิใช่หรือ เหตุใดถึงได้เสด็จกลับพระราชวังเสียแล้ว ?

เดิมทีพระองค์ประสงค์ที่จะใช้โอกาสนี้จัดการธุระนี้ให้แล้วเสร็จ แต่คาดมิถึงว่าเกือบจะประสบความสำเร็จได้อยู่แล้วแท้ ๆ ทว่าไทเฮากลับได้ยินเสียงพรายกระซิบจนทำให้ต้องเสด็จกลับมายังพระราชวังจวี้หัวด้วยตนเอง

หรือว่าจะต้องพ่ายแพ้แม้ว่าจะเห็นชัยชนะอยู่เพียงแค่เอื้อมมือ ?

พระองค์ได้สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ จากนั้นจึงเสด็จลงมาจากแท่นมังกร

ไทเฮาทรงเครื่องมาเต็มยศ แล้วได้เสด็จลงมาจากรถม้า

ด้านซ้ายมือของพระนางนั้นคืออู๋หลิง ส่วนด้วนขวามือนั้นเป็นหนานกงตงเซวี๋ย

สองมือของพระนางนั้นได้ประคองไม้เท้ามังกรไว้และบัดนี้ได้ยืนรออยู่ตรงประตูด้านข้างของพระราชวังจวี้หัว จักรพรรดิเหวินได้คำนับต่อพระนาง “มิทราบว่าเสด็จแม่จะทรงมาเยือน ขุนนางของลูกมิได้ทำหน้าที่ต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ”

“อายเจีย1ฉุกคิดขึ้นมาได้ เลยคิดว่าจะมาเยี่ยมเยือนเสียหน่อย ขุนนางเหล่านั้นคุกเข่าไปเพราะเหตุใดกัน ลุกขึ้นมาเถิด”

เหล่าขุนนางต่างลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวขอบพระทัยแก่องค์ไทเฮา สีหน้าเดิมที่เต็มไปด้วยความวิตกนั้นค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ ความหวาดผวาในสายตาเหล่านั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นมีความหวังขึ้นมาในทันที

ไทเฮาทรงแหงนพระพักตร์แล้วใช้สายตากวาดมองไปยังด้านในพระราชวังจวี้หัวโดยรอบ ภายใต้แรงพยุงของอู๋หลิงและหนานกงตงเซวี๋ย นางค่อย ๆ เดินไปเบื้องหน้าอย่างเชื่องช้า

“ตามธรรมเนียมนั้นอายเจียมิบังควรมายังที่แห่งนี้ ! ”

“ทว่าเมื่อคืนอายเจียฝัน… ฝันถึงองค์จักรพรรดิพระองค์ก่อน พระองค์ได้สั่งเสียอายเจียไว้เรื่องหนึ่ง”

พระนางทรงดำเนินไปบนแท่นมังกร จากนั้นก็ได้ยืนอยู่บนแท่นมังกร

สายพระเนตรของพระนางได้กวาดมองใบหน้าของขุนนางเหล่านั้น แล้วทรงแย้มพระสรวลออกมา “อายเจียดีใจยิ่งที่ได้พบกับพวกท่าน ในนี้มีทั้งขุนนางหน้าเก่าที่เคยรับใช้องค์จักรพรรดิพระองค์ก่อน และขุนนางหน้าใหม่ที่มิคุ้นตาอีกมากมาย พวกท่านเป็นดั่งเสาหลักของราชวงศ์ และเป็นดั่งกระดูกขาและกระดูกแขนของฝ่าบาท”

“ทว่าอายเจียมาเยือนครานี้มิประสงค์ที่จะยุ่งเกี่ยวกับการถกเถียงวาระสำคัญของบ้านเมือง เพียงแต่สิ่งที่องค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนได้สั่งเสียกับอายเจียในฝันนั้น อายเจียคิดว่าควรนำมาบอกกล่าวกับพวกท่านเช่นกัน”

ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังไทเฮา ต่างคิดว่าความฝันในครานี้จะช่วยเกลี้ยกล่อมให้ฝ่าบาททรงเปลี่ยนพระทัยได้หรือไม่ ?

นี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมอย่างมิต้องสงสัย หากมีคำตรัสจากองค์จักรพรรดิองค์ก่อนมาสนับสนุน ฝ่าบาทก็จะไร้ซึ่งข้อโต้แย้งอื่นใดมาขัดขืนอีกต่อไป ตำแหน่งองค์รัชทายาทจะได้มั่นคงเสียที

“ฝ่าบาท ท่านเองก็โปรดตั้งใจฟัง”

จิตใจของจักรพรรดิเหวินนั้นเริ่มมิเป็นสุข จากนั้นพระองค์ก็ได้ก้มคำนับ “ลูกและเหล่าขุนนางน้อมรับคำสั่ง ! ”

“องค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนได้กล่าวไว้ว่า มีนิมิตหมายอันเป็นมงคลขององค์จักรพรรดิองค์ใหม่ได้ปกคลุมทั่วผืนนภาแห่งราชวงศ์อู๋ นิมิตหมายมงคลนี้ได้เดินทางมาจากดินแดนทางเหนือเมื่อมินานมานี้ พระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรมายังชายผู้นั้นเสมอมา และเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้เมื่อมินานมานี้นี่เอง ว่าแท้จริงเเล้วเขาเป็นโอรสแห่งสวรรค์ที่ไปเติบโตในโลกแห่งสามัญชน”

สิ่งที่ไทเฮาทรงตรัสออกมาทำให้เหล่าขุนนางทั้งท้องพระโรงต่างก็ตกตะลึง มิจริง ! ไทเฮาทรงตรัสเช่นนี้ต้องการจะหมายถึงฟู่เสี่ยวกวนหรือไม่ ?

“องค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนบอกกับอายเจียว่า ท่านผู้นี้คือสายเลือดแห่งราชวงศ์อู๋ จงอย่าได้ปล่อยให้หนีหายไปที่อื่นอีกเป็นอันขาด จากนั้นอายเจียก็ได้ตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา แล้วยังคงเก็บสิ่งที่องค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนได้ตรัสไว้มาคิดจนถึงกระทั่งทุกวันนี้”

“เขามาจากทางทิศเหนือ เป็นนิมิตหมายมงคลแห่งโอรสจากสรวงสวรรค์ เช่นนั้นแล้วคนผู้นั้นย่อมเป็นฟู่เสี่ยวกวน ! ”

เมื่อได้ยินไทเฮาทรงประกาศเช่นนี้ เหล่าขุนนางก็ยิ่งรู้สึกตกตะลึงยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม พวกเขาต่างหันมามองหน้ากันโดยที่มิรู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้เยี่ยงไร

และแล้วความตั้งใจของจัวอี้สิงก็ได้แหลกละเอียดเป็นชิ้น ๆ ไทเฮามิได้มาเพื่อจะเปลี่ยนพระทัยขององค์ฝ่าบาท !

พระนางทรงมาเพื่อให้การสนับสนุน !

และแล้วไทเฮาได้นำสมุดบาง ๆ ออกมาจากแขนเสื้อของพระนาง

“แท้ที่จริงแล้วอายเจียรู้มานานแล้วว่าจักรพรรดิเหวินยังมีโอรสอีกหนึ่งพระองค์ที่ไปเติบโตในโลกของสามัญชน เพียงทว่าแต่ก่อนนั้นอายเจียรู้สึกกังวลจนเกินเหตุ เพื่อความสงบสุขของราชวงศ์อายเจียจึงได้ฉีกบันทึกทั้งสามปีนั้นของจักรพรรดิมาเก็บเอาไว้ แต่ในวันนี้อายเจียได้เห็นแล้วว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมหันต์ อายเจียจึงนำบันทึกที่เก็บซ่อนไว้แสนนานนี้ออกมา อีกประเดี๋ยวพวกท่านสามารถนำไปตรวจสอบได้”

“เดิมทีอายเจียนั้นคิดว่าพระราชตำหนักบูรพานั้นมีเจ้าของอยู่แล้ว ก็จงปล่อยให้ฟู่เสี่ยวกวนเขาได้มีความสุขกับทรัพย์สมบัติเสียเถิด แล้วจึงทำราวกับว่ามิมีสิ่งใดเกิดขึ้น ทว่าราวกับเป็นลิขิตแห่งสวงสวรรค์ อายเจียมิเคยคาดหวังมาก่อนว่าวันนี้ฟู่เสี่ยวกวนจะได้เดินทางมายังเมืองกวนหยุนแห่งนี้ แล้วคนตระกูลเซียวนั่นก็คอยตามสังหารเขาอย่างบ้าคลั่ง ! ”

“เซียวเฉียงผู้นี้เลือดเย็นยิ่งนัก มิว่าจะเยี่ยงไรก็ตาม เลือดเนื้อที่ไหลเวียนในตัวของฟู่เสี่ยวกวนนั้นเป็นเลือดเนื้อของฝ่าบาท ฟู่เสี่ยวกวนมิเคยนำพิษภัยอันใดมาให้แก่ตำแหน่งรัชทายาท ทว่าเหตุใดนางผู้นั้นถึงต้องการประหารสายเลือดแท้ ๆ ของฝ่าบาท สิ่งนี้ทำให้อายเจียทนรับมิได้ ! ”

“ที่องค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนได้มาเข้าฝันอายเจียเมื่อคืนคงเป็นเพราะพระองค์เองก็คงจะทนทอดพระเนตรมิได้ด้วยเช่นกัน”

ไทเฮาได้ทอดพระเนตรมองไปยังจักรพรรดิเหวิน “เขาเป็นโอรสของพระองค์ อีกทั้งยังเป็นโอรสพระองค์ใหญ่ของพระองค์ ฐานะการสืบสันติวงศ์นี้พระองค์ควรยกให้เขา ส่วนองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันนั้น อายเจียเห็นว่าควรให้เขาไปปกครองเขตปกครองฉางหนิงเสียเถิด ในเมื่อพระมารดาขององค์รัชทายาทได้ปลงพระชนม์อ๋องพระองค์ก่อนไปแล้ว ก็จงแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันเป็นอ๋องคนถัดไปเถิด ถือว่าเป็นเครื่องเตือนใจให้แก่เขา”

จักรพรรดิเหวินทรงพระโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง นี่ช่างเปรียบดั่งการส่งถ่านมาให้ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ !

พระองค์ได้ขอบพระคุณไทเฮาผู้ซึ่งเป็นมารดา แล้วทรงรับสั่งให้ขันทีได้จดบันทึกพระราชโองการ “จงถอดถอนตำแหน่งของอู๋กานองค์รัชทายาทแห่งพระราชตำหนักบูรพา เพราะอู๋กานมิได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องฉาวโฉ่ที่คนตระกูลเซียวได้กระทำไว้ จากนี้เขาจะได้รับพระราชทานตำแหน่งอ๋อง เพื่อปกครองเขตปกครองฉางหนิง และให้มีผลตั้งแต่บัดนี้สืบไป ! ”

“อีกประการหนึ่งจงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อเก้าค่ำเดือนสี่ข้าจะพาฟู่เสี่ยวกวนไปยังวัดเฉินเมี่ยวที่ภูเขาต้าเสวียเพื่อบวงสรวงสู่สวรรค์ จากนั้นสิบห้าค่ำเดือนห้าฟู่เสี่ยวกวนจะติดตามข้าไปยังวัดไท่เมี่ยวเพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษ แล้วสลักชื่อเขาไว้บนสมุดปกทอง จากนั้นก็จะเปลี่ยนชื่อเขาเป็นอู๋เสี่ยวกวน ! ”

เมื่อพระราชโองการทั้งสองของจักรพรรดิได้ป่าวประการให้ทราบอย่างทั่วถึงในท้องพระโรง สำหรับจักรพรรดิเหวินนั้นหมายถึงสถานการณ์ทั้งหมดได้ข้อสรุปแล้ว แต่สำหรับจัวอี้สิงและเหล่าขุนนางอีกร้อยชีวิตนั้นหมายถึงความหวังทุกอย่างได้พังทลายไปแล้ว

“อายเจียมาที่นี่เพื่อประกาศให้พวกท่านทราบโดยทั่วกัน มิใช่เรื่องใหญ่อันใดหรอก อายเจียมิประสงค์จะรบกวนเหล่าขุนนางที่จะหารือกันเรื่องบ้านเมืองอีกต่อไป ทว่าก่อนจากไปยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะกล่าวกับพวกท่าน ผืนปฐพนี้เป็นผืนปฐพีของฝ่าบาท ที่พวกท่านทุ่มเทกำลังกายและใจให้ฝ่าบาท อายเจียรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจมากยิ่งนัก ต่อจากนี้ผู้ใดจะได้มีอำนาจปกครองพระราชตำหนักบูรพาแห่งนี้ ผู้ใดจะได้นั่งบนบัลลังก์มังกรแห่งนี้ก็อยู่ในความตัดสินใจของฝ่าบาทและพวกท่านทั้งหลาย สิ่งเดียวที่อายเจียหวัง มิว่าผู้ใดจะได้นั่งบนบัลลังก์มังกรนี้สืบต่อไป ก็หวังอย่างยิ่งว่าพวกท่านจะรับใช้เขาด้วยความจงรักภักดีเฉกเช่นในตอนนี้ ! ”

ไทเฮาทรงตรัสอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็ค้ำไม้เท้าที่ประคองเอาไว้ มีอู๋หลิงและหนานกงตงเซวี๋ยที่คอยประคองพระนางลงจากบัลลังก์มังกร และได้เสด็จดำเนินออกจากพระราชวังจวี้หัว พระนางได้ยืนอยู่ตรงลานขนาดใหญ่ในพระราชวังจวี้หัว จากนั้นจึงแหงนหน้ามองท้องนภา พระพักตร์ของพระนางนั้นแจ่มใสดั่งแสงสุริยาในฤดูใบไม้ผลิ

“งานแข่งขันกวีวันนี้คาดว่าจะเริ่มขึ้นแล้ว หลิงเอ๋อร์…เขาเป็นพระเชษฐาของเจ้า พระเชษฐาสายเลือดเดียวกับเจ้า เจ้าคิดว่าการแข่งขันวันนี้เขาจะประพันธ์บทกวีแบบไหนออกมาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

1 อายเจีย แปลว่า ผู้น่าสงสารเพราะว่าเป็นหม้ายร้างพระสวามี