องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 337 การหลบหนีล้มเหลว
หัวหน้าคะ ตอนนี้ฉันเป็นแม่คนมีลูกแล้ว คุณอย่าทำลายความบริสุทธิ์ของฉัน หากฉันเป็นสามีภรรยากันกับคุณจริงๆ พอฉันเจอเขาก็ตาย พอถึงตอนนั้นคุณก็…….”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดอยู่สักพักหนึ่ง รู้สึกว่ากล่าวเช่นนี้จะมีปัญหา
เธอไม่สามารถให้ความหวังต่อซูมู่หรง พอพูดเช่นนี้มันคือการให้ความหวังกับเขา
แต่พูดอะไรไป ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่รู้แล้ว
“ทำไมถึงไม่พูดแล้วล่ะ?”ซูมู่หรงเดินมาหยุดตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น และมองหน้าเธอด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ฉีเฟยอวิ๋นรู้ดีว่าสู้เขาไม่ได้ เธอเลยไม่กล้าพูดอะไร
ซูมู่หรงกล่าวด้วยความคับแค้นใจว่า “เรียกผมว่ามู่หรง”
“หัวหน้า ฉัน…..”ฉีเฟยอวิ๋นไม่ทันได้พูด ซูมู่หรงจับบีบที่ปลายคางของเธอ เธอรีบปิดปากแน่น ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ซูมู่หรงมองเธอด้วยสายตาอึมครึม
“ไม่อยากให้ผมทำอะไรที่มันไม่ดี คุณก็ต้องตอบตกลงเป็นคนของผม ผมรอวันนี้มานานมากแล้ว ค่ำคืนนั้นที่ไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้น หากผมทำแล้ว ต่อไปก็จะไม่รู้สึกผิดเสียใจทีหลัง พระเจ้าเอาใจใส่ดูแลผม ผมไม่มีทางพลาดโอกาสไปเด็ดขาด”
“หัวหน้า คุณกำลังทำให้ฉันลำบากใจ ฉันแต่งงานมีลูกแล้ว คุณยังมาบีบบังคับฉัน มันไม่ต่างอะไรกับโจรเลย ทำอย่างนี้มันดีแล้วเหรอคะ?”ฉีเฟยอวิ๋นพยายามพูดเพื่อไม่กระตุ้นเขา แต่วันนี้ซูมู่หรงไม่อยากพลาดโอกาสแล้ว
“เพื่อที่จะได้ครอบครองคุณ ไม่มีอะไรดีหรือไม่ดีหรอกนะ ผมไม่เชื่อ ว่าผมสู้เขาไม่ได้ ยุคโบราณที่ล้าหลัง ดีกว่าที่นี่เหรอ?
พวกผู้ชายเป็นแค่พวกที่ทำได้เพียงขึ้นเตียง พวกเขาไม่เพียงมากเมีย ความคิดพวกเขายังมีปัญหาผิดปกติอีกต่างหาก
พวกเขาความคิดล้าสมัยมาก. พวกเขาไม่มีทางเคารพผู้หญิง แต่ผมแตกต่าง ผมจะทำดีต่อคุณนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นตื่นตะลึง เธอดูไม่ออกเลยว่าซูมู่หรงเคารพให้เกียรติผู้หญิง ซูมู่หรงก็พูดแค่ปาก เวลาผ่านไปเธอก็เป็นแค่เครื่องมือในการฝึกฝน ในสายตาของซูมู่หรงนั้นเธอไม่ใช่คนเลย
วันนี้เขาพูดอย่างนี้ ก็ไม่กลัวฟ้าผ่าลิ้นเชียวนะ
หากไม่ใช่ว่าสถานการณ์บีบบังคับ แน่นอนว่าเธอจะต้องโต้แย้ง
“หัวหน้า คุณเป็นหัวหน้าของฉัน คุณทำแบบนี้ไม่ถูกกฎเกณฑ์นะคะ”
“กฎเกณฑ์คนเป็นคนกำหนดขึ้นมา ไม่เป็นไรเลย”
ฉีเฟยอวิ๋นพูดสู้ซูมู่หรงไม่ได้ เลยจำใจต้องเงียบไว้
ซูมู่หรงก้าวเข้ามาใกล้ๆ ฉีเฟยอวิ๋นได้แต่ก้าวถอยหลัง
ซูมู่หรงพยายามเข้าใกล้ ส่วนเธอถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
จนเธอแนบกับกำแพง และมือของซูมู่หรงแนบอยู่ข้างหูของเธอ เขาทำท่าทางเข้าใกล้ระยะประชิดจนเธอร้องขึ้นว่า”อย่านะ!”
ซูมู่หรงกัดฟันกรอด พูดขึ้นว่า “คุณกล้าปฏิเสธ ผมจะฝืนใจคุณ!”
ฉีเฟยอวิ๋นมองซูมู่หรงที่แววตาแข็งกระด้างด้วยสายตาดูถูกหยามเหยียด
“หัวหน้า ถ้าคุณยังจะทำแบบนี้ ฉันทำได้เพียงตายในกำมือคุณแล้วล่ะค่ะ คุณลงมือได้เลย”ฉีเฟยอวิ๋นเชิดหน้าขึ้น ตอนนี้เธอไร้หนทางแล้ว
นึกถึงหนานกงเย่ที่เป็นคนหุนหันพลันแล่น หากเธอทำเรื่องที่ผิดต่อเขาจริง เช่นนั้นเขาต้องลงโทษเธออย่างหนักแน่นอน
แทนที่จะรอให้หนานกงเย่มาจัดการลงโทษเธอ มิสู้เธอจัดการกับตัวเองเลยดีกว่า
ซูมู่หรงพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “เพื่อเขาแล้ว คุณต้องหักหลังผมเหรอ?”
“หัวหน้า นี่ไม่ใช่การหักหลัง นี่เป็นความซื่อสัตย์ที่ฉันมีต่อเขา และเขาก็มีต่อฉันค่ะ พวกฉันเป็นสามีภรรยากันแล้ว”
“……………..”
มือของซูมู่หรงหนักอึ้ง และจากนั้นเขาเลยเอามือออกห่างจากข้างใบหูของฉีเฟยอวิ๋น
ซูมู่หรงหมุนตัวเดินออกไปด้านนอก ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ทอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและใช้มือตบที่หน้าอกอย่างแผ่วเบา ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกอ่อนแอมาก
นี่มันคือเรื่องอะไรกัน!
ข้ามผ่านเวลาไปแล้ว มีย้อนกลับมาที่ไหนกันเนี่ย?
ฉีเฟยอวิ๋นอยากเอาหนานกงเย่กลับมาด้วย เช่นนั้นเมื่ออยากต่อสู้ฆ่าฟันกันก็เป็นสิทธิของหนานกงเย่เองแล้ว
จากที่เธอรู้จักหนานกงเย่ เรื่องนี้เธอไม่จำเป็นต้องออกหน้ารับเลย ไม่นานแค่นี้ก็สามารถจัดการกับซูมู่หรงได้แล้ว
แต่ก็พูดยาก ซูมู่หรงก็ไม่ได้กระจอก
ระหว่างพวกเขา ยังไม่รู้ว่าชัยชนะจะตกอยู่ในมือของใคร
พอซูมู่หรงไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นเลยรีบเดินไปนั่งสูดหายใจลึกๆ เธอมองไปบริเวณรอบห้อง คิดว่าจะหลบหนีหรือว่าจะเอายังไงดีนะ?
ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าอยู่นี่ต่อไม่ใช่ทางออกที่ดี เธอควรจะหาที่หลบซ่อน เพื่อหลีกเลี่ยงตอนที่ซูม่หรงหาเธอเจอ แล้วทำอะไรไม่ดีขึ้นมาอีก
ถือโอกาสตอนที่ซูมู่หรงยังไม่กลับมา ฉีเฟยอวิ๋นเลยมาที่สถาบันวิจัย เพื่อหายาที่เฉินอวิ๋นเจี๋ยสามารถใช้ได้ อีกทั้งยังสามารถที่จะใส่ในหีบยาได้ด้วย
เธอแทบอยากจะเอาทุกอย่างไปด้วย
จัดการเก็บเรียบร้อยแล้วฉีเฟยอวิ๋นได้ออกมาจากสถาบันวิจัย จากนั้นเธอจึงหาสถานที่หลบซ่อน
แต่ตรงที่เธออยู่นั้นด้านล่างเป็นตรอก ตอนกลางดึกได้ยินเสียงคนวิ่ง เธอเลยลุกไปดู คนจำนวนหนึ่งกำลังวิ่งตามผู้หญิงคนหนึ่ง แต่คนเหล่านั้นพอดูแล้วเหมือนจะทำร้ายผู้หญิงคนนั้น ฉีเฟยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วย
สู้ซูมู่หรงไม่ได้ แต่สู้คนสารเลวคนสองนี้ได้อยู่แล้ว
คนสารเลวถูกตีจนวิ่งเผ่น ฉีเฟยอวิ๋นมองหญิงสาวที่หวาดผวาตกใจ เธอเลยส่งไปที่หน้าสถานีตำรวจจากนั้นเธอจึงกลับ
แต่เธอถูกคนจ้องมอง คิดไม่ถึงว่าคนเหล่านั้นจะหาคนมาฆ่าเธอ ครั้งนี้ได้คนเก่งมา นานมากแล้วที่ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายสนิทเขรอะหมดแล้ว พอมาอย่างนี้เธอก็สู้ไม่ไหว
ฝั่งตรงข้ามมีมีด พอฟาดมีดออกมาก็หมายจะเอาชีวิตของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นหลบไม่ทัน คิดว่าจะถูกแทงจนได้ละ
ผลสรุปมีคนคนหนึ่งกระโจนออกมา ถีบฝั่งตรงข้ามหลบไป
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นยืน ก็ได้เห็นซูมู่หรงสู้กับฝ่ายตรงข้าม ฝั่งตรงข้ามสู้ไม่ไหวล้มพับไป
ซูมู่หรงเดินไปด้านหน้า หยิบไม้ที่อยู่บนพื้นคืนให้กับฝ่ายตรงข้าม ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้สึกหวาดกลัว ถึงอย่างไรอย่าว่าแต่กับศัตรูหรือว่าคนของตัวเองซูมู่หรงก็ทำอย่างนี้เป็นประจำอยู่แล้ว
โยนเศษต่างๆลงแล้วซูมู่หรงเลยหมุนตัวมา กล่าวพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “คุณหนีเหรอ?”
“……….”ฉีเฟยอวิ๋นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกพูดว่า”ฉันออกมาเดินเล่นเฉยๆค่ะ”
“อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปแล้ว ถ้าคุณไม่เชื่อฟัง อย่ามาโทษผมล่ะกันนะ”ซูมู่หรงเดินมาจูงมือลากฉีเฟยอวิ๋นกลับไป
ฉีเฟยอวิ๋นถูกพากลับไป เธอรู้สึกจนปัญญาเป็นอย่างมาก
พอมาถึงที่หอพักฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก เป็นอย่างนี้ต่อไปก็ไม่ใช่หนทางที่ดี!
แต่คิดวิธีที่จะไปแล้วไปที่นั่นได้เหรอ?
“เข้าไปนอนด้านใน เตียงนี้คุณนอนด้านในผมนอนด้านนอก แค่คุณไม่หนี ผมก็ไม่แตะต้องคุณหรอก!”
ซูมู่หรงพูดอย่างคนใจกว้าง ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีทางเลือกเลยเข้าไปนอน
แต่เธอนอนหลับไม่ลง คำพูดของผู้ชายเชื่อไม่ได้ เชื่อก็โง่เต็มทนแล้ว
แต่เธอก็เป็นคน ไม่นานก็ง่วงแล้ว พอง่วงก็อยากจะนอน พอหลับลึกแล้วฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่ามีบางสิ่งอยู่บนร่างกายเธอ เธอเบิกตากว้าง ก็เห็นซูมู่หรงวุ่นวายอยู่ข้างกายเธอ ฉีเฟยอวิ๋นตกใจเป็นอย่างมาก รีบลุกขึ้นนั่ง
“อย่าตื่นตระหนก ผมแค่นอนไม่หลับ”ซูมู่หรงพูดด้วยน้ำเสียงสยิวเบาหวิว เธอตกใจเขามาก ใบหน้าที่อ่อนโยนของเขา แววตาที่หลากหลายความรู้สึกของเขา แต่พอฉีเฟยอวิ๋นมองแล้วรู้สึกกลัว ยิ่งมองยิ่งอยากจะหนี
ตอนที่ซูมู่หรงเอื้อมมือมาดึงฉีเฟยอวิ๋น มีคนหนึ่งออกมาทางหน้าประตู ในมือยังกอบกุมปืนไว้ด้วย เพ่งเล็งยิงมาที่ซูมู่หรง ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีเวลาคิดอะไรมาก เอาตัวเองไปขวางไว้ ผลสรุปลูกปืนของฝั่งตรงข้ามยิงเข้ามาในตัวเธอ
เธอเจ็บปวด แล้วล้มพับอยู่ในอ้อมกอดของซูมู่หรง!