174 : เสี่ยวหยาน เธอเป็นผู้ช่วยที่ดีจริงๆ”

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ ตอนที่ 174 : เสี่ยวหยาน เธอเป็นผู้ช่วยที่ดีจริงๆ”

 

เจียงเฉินนั้นได้ส่งรถ Audi A3 ไปยังแผนกพาหนะรักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนเฉินเพื่อทําการดัดแปลงมัน

 

และเขานั้นก็ขับรถ Lamborghini Poison กลับไปที่เหลียงเฉิง

 

ไม่นานเล้งเสี่ยวหยานกับเจียงเฉินก็มาเจอกัน ทั้งสองต่างคิดถึงกันและกันมากจนพวกเขาขึ้นไปทํากิจกรรมเสริมสร้างความอบอุ่นกันบนรถ

 

ใบหน้าของเล้งเสี่ยวหยานแดงระหว่างที่เธอกําลังจัดเสื้อผ้าของเธอใหม่

 

เธอมองไปที่เจียงเฉินด้วยด้วยสายตาที่หลงใหล “สามีคุณยังไม่ได้กินข้าวใช้ไหม?”

 

“ข้าวจะไปอร่อยกว่าเธอได้ยังไง” เจียงเฉินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

 

“น่าเกลียด- ไปกินหม้อไฟกันดีกว่า”

 

เล้งเสี่ยวหยานพูดออกมาก่อนจะตีเจียงเฉินเบาๆ

 

“โอเค” เจียงเฉินยิ้มและพยักหน้า

 

ร้านซินติงฮอทพอทเป็นร้านหม้อไฟที่มีระดับอยู่สูงที่สุดในเหลียงเฉิน โดยเฉลี่ยแล้วการบริโภคต่อหนึ่งคนนั้นจะอยู่ประมาณ 1,000 ต่อคน แต่หากสั่งวัตถุดิบพิเศษที่ล้ําค่าก็อาจมากถึง 10,000 เลย!

 

ไม่นานเจียงเฉินก็ขับ Lamborghini Poison มาถึงร้านซินติงฮอทพอท

 

ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านก่อนจะหาที่นั่งแล้วเริ่มพูดคุยกันพลางสั่งอาหารไป

 

เล้งเสี่ยวหยานเล่าว่าด้วยการช่วยเหลือของหยางตงเหิง(อาจารย์ของเจียงเฉิน)นั้นทําให้เรื่องการเข้าเรียนของน้องชายของเธอนั้นง่ายขึ้นมา

 

และเมื่อเร็วนี้บาร์ทั้งสองก็เริ่มถูกจัดระบบใหม่ให้ดียิ่งขึ้น และเธอนั้นก็มักจะคอยลงมาจัดการเรื่องต่างๆด้วยตัวเองตลอด

 

เวลาว่างๆเธอนั้นก็มักจะนั่งคิดถึงเจียงเฉินอยู่ในออฟฟิส

 

และบางครั้งเธอก็ต้องลงไปจัดการกับความไม่สงบภายในบาร์

 

อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเจียงเฉินในตอนนี้ก็นับว่าแพร่ไปทั่วทั้งเหลียงเฉิงและหลงเฉิงแล้ว หากคนทั่วไปบังเอิญเจอเจียงเฉินตามท้องถนน พวกเขานั้นก็จะต้องเข้ามาทักทายเจียงเฉินพร้อมกับเรียกเขาว่าลูกพี่แน่นนอน

 

หลังจากที่เจียงเฉินได้ยินเรื่องทั้งหมดเขาก็ได้ดึงตัวเล้งเสี่ยวหยานเข้ามาในอ้อมแขนแล้วพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เสี่ยวหยานเธอนี่เป็นผู้ช่วยที่ดีของฉันเลยจริงๆ!”

 

“ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว!” เล้งเสี่ยวหยานพยักหน้าอย่างมีความสุข

 

ในเวลานี้เองเจียงเฉินนั้นก็สังเกตุเห็นเด็กชายอายุประมาณ 7-8 ขวบที่โต๊ะถัดไปกําลังจ้องมองมาทางเขาอยู่

 

แต่เจียงเฉินก็ไม่ได้ใส่ใจเขาหันกลับไปคุยกับเล้งเสี่ยวหยานต่อ

 

หลังจากนั้นไม่นาน เด็กน้อยคนนั้นก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มแล้วชี้ไปที่โทรศัพท์บนโต๊ะของเจียงเฉิน “ผมอยากเล่นโทรศัพท์ คุณอาให้ผมเล่นหน่อยได้ไหม?”

เจียงเฉินงง

 

นี่ฉันรู้จักนายด้วยหรอ?

 

ของสําคัญอย่างโทรศัพท์เขาจะให้คนแปลกหน้าเล่นได้ยัง

 

และอีกอย่างในโทรศัพท์ของฉันก็เชื่อมอยู่กับธนาคารที่มีเงินฝากตั้ง 1,000 ล้านถ้าเกิดผีน้อยอย่างนายเอาไปใช้โดยที่ฉันไม่รู้มันจะเป็นยังไง?“ไม่ได้”

 

เจียงเฉินปเสธอย่างตรงไปตรงมา

 

เด็กน้อยเปลี่ยนสีหน้าทันทีแล้วพึมพัมออกมา “ขี้เหนียว”

 

เจียงเฉินไม่สนใจเรื่องนี้ต่อ เพราะเขาก็ไม่ได้อยากจะดูเด็กคนนี้ซักเท่าไหร่

 

จากนั้นไม่นานอาหารก็ถูกเสิร์ฟมาทีละจานเจียงเฉินกับเล้งเสี่ยวหยานก็เริ่มลงมือทานหม้อไฟกันทันที

 

ทั้งหอม ทั้งเผ็ดร้อน

 

ขณะที่เจียงเฉินกับเล้งเสี่ยวหยานนั้นกําลังกินหม้อไฟกัน เด็กชายตัวเล็กก็วิ่งมาถ่มน้ําลายใส่หม้อของพวกเขา!

 

“อุ้ย เจ้าคนขี้เหนียว!”

 

เจียงเฉิน “…”

 

เล้งเสี่ยวหยาน “…”

 

ทั้งสองหยุดมือทันที

 

จากนั้นดูเหมือนว่าเด็กชายยังไม่พอใจเขาถุยลงไปอีกครั้ง

 

แล้วก็ทําหน้าไม่รู้สึกรู้สามองมาทางเจียงเฉิน

 

“เจ้าคนขี้งก ขี้เหนียว!”

 

เมื่อเจียงเฉินได้เห็นเขาก็โมโหทันที!

 

ในเวลานี้เองเล้งเสี่ยวหยานก็ยื่นมือไปขวามือของเด็กน้อยไว้ ดวงตาของเธอดูเคร่งขรึมเธอดุออกมา “นายกําลังจะทําอะไร?”

 

แต่ใครจะรู้ว่าเด็กน้อยคนนี้จะตะโกนออกมา “พี่สาวคนนี้จะตีผมแล้ว พี่สาวคนนี้จะตีผมแล้ว!”

 

เสียงของเด็กน้อยดึงดูดลูกค้าและพนักงานทุกคนในร้านทันที

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ดูเหมือนเด็กจะถูกแกล้งนะ”

 

“ผู้หญิงคนนั้นดูดจัง”

 

ต้องบอกไว้ก่อนว่าเด็กนั้นเกิดมาพร้อมกับความได้เปรียบทางธรรมชาติ เพราะพวกเขาอ่อนแอจึงทําให้คนนั้นรู้สึกสงสารได้ง่าย

 

แต่สําหรับเล้งเสี่ยวหยานที่เป็นผู้ใหญ่แล้วและด้วยความที่เธอนั้นอยู่บนท้องถนนมาโดยตลอด ทําให้เธอนั้นดูเย็นชา และหยิ่งยโสจนทําให้คนธรรมดาๆเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนไม่ดีได้ง่าย

 

ในเวลานี้เองแม่ของเด็กน้อยก็วิ่งเข้ามากอดลูกตัวเองด้วยความเจ็บปวด

 

“โอ้ ลูกแม่ใครพยายามแกล้งลูกกัน?”

 

แม่ของเด็กน้อยถึงกับหลั่งน้ําตาออกมาเห็นได้ชัดเลยว่าเธอนั้นรักลูกของเธอมาก

 

“เป็นเธอ!” เด็กน้อยชี้ไปที่เล้งเสี่ยวหยานแล้วพูดออกมาเสียงดัง “แม่- เขาทําผมเจ็บ”

 

พอผู้เป็นแม่ได้ยินเธอก็เปลี่ยนเป็นหญิงสาวอารมณ์ร้ายทันที เธอโบกมือของเธอไปคว้าคอเสื้อของเล้งเสี่ยวหยานทันที “เธอรังแกลูกของฉันได้ยังไง?! แค่ดุเขานิดหน่อยก็พอแล้วไม่ใช่หรอ? ทําไมต้องตีเขาด้วย?”

 

เล้งเสี่ยวหยานขมวดคิ้ว “พี่สาว! ฉันไม่ได้ทําอะไรเด็กสักหน่อย แต่เจ้าเด็กนี่มาถ่มน้ําลายมั่วซั่ว ฉันกับสามีกําลังกินหม้อฟันอยู่ เขาก็มาถ่มน้ําลายใส่หม้อของพวกเราแล้วพวกเราจะไปกินอะไรกัน?!”

 

ถ่มน้ําลาย?

 

ลูกค้าในร้านต่างพากันขมวดคิ้ว

 

เดิมที่พวกเขาต่างคิดว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กแต่ปรากฏว่าเป็นเด็กที่ไปถ่มน้ําลายใส่พวกเขา

 

ทุกคนในร้านต่างคิดไปทางเดียวกันว่า หากพวกเขาโดนคนอื่นถ่มน้ําลายใส่หม้อ พวกเขาจะกินหม้อไฟกันต่อได้ยังไง?

 

น่าขยะแขยง!

 

แต่แม่ของเด็กกลับไม่สนใจ “เขายังเป็นแค่เด็กอยู่เลย เขายังไม่รู้ความด้วยซ้ํา ต่อให้เขาถ่มน้ําลายแล้วมันยังไง พวกคุณน่ะโตแล้วกลับไม่รู้ความแล้วยังจะมาถือสาเขาอีก?”

 

เจียงเฉินหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาทันทีที่เขาได้ยินประโยคที่ว่า “เขายังเด็กอยู่เลย”

 

คำๆนี้ฟังดูบุติธรรมมากเลยสินะ!

 

โดยเฉพาะประโยคหลัง “พวกคุณน่ะโตแล้วกลับไม่รู้ ความแล้วยังจะมาถือสาเขาอีก” เธอพูดราวกับตัวเองนั้นถูกต้องทุกอย่าง และเธอก็ตัดสินให้เล้งเสี่ยวหยานกลายเป็น “คนต่ําต้อย ชั่วช้าและไร้ศีลธรรม”

 

ตอนนี้ไม่ใช่แค่เจียงเฉินกับเล้งเสี่ยวหยานที่พากันหัวเราะเยาะออกมา แม้แต่ลูกค้าคนอื่นๆต่างก็พากันหัวเราะเยาะเย้ยกันออกมา

 

เจียงเฉินดันเล้งเสี่ยวหยานไปอยู่ข้างหลังของเขา “นี่คุณป้า ช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อยนะว่าพวกผมไม่รู้ความหรือลูกคุณกันแน่ที่ไม่รู้ความ? รู้ไหมว่าในน้ําลายของลูกคุณมีแบคทีเรียกี่ตัว แล้วมีโรคติดต่ออยู่บ้างรึเปล่า?”

 

“โรคติดต่อ?” แม่ของเด็กรู้สึกอับอาย “ลูกฉันจะไปมีโรคติดต่อได้ยังไง?”

 

เจียงเฉินเยาะเย้ย “เรื่องนั้นไม่สน แต่ที่ผมสนตอนนี้คือ คุณจะจ่ายค่าอาหารของผมที่ลูกของคุณทําลายไป หรือจะให้ผมเรียกตํารวจ?”

 

ด้วยเรื่องแบบนี้เจียงเฉินไม่อยากจะใช้ตราตําราวจอาชญากรรมของเขาสักเท่าไหร่

 

เมื่อแม่ของเด็กได้ยินเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างขมขื่น “หนุ่มน้อย ฉันว่านายก็ไม่ใช่คนจนนะ แม้ว่าคนเราจะร่ํารวยแต่ก็อย่าไร้เมตตาแบบนี้ หนุ่มน้อยฉันจะบอกในฐานะคนที่อาบน้ําร้อนมาก่อนนะ นายต้องรู้จักให้อภัยผู้อื่นบ้าง!”

 

เจียงเฉินหัวเราะอย่างโมโห “คนรวย? ต้องรู้จักให้อภัยคนอื่น?”

 

บอกตามตรงถ้าเด็กคนนี้ไม่ทําตัวแบบนี้และแม่ของเด็กไม่พูดกับเขาแบบนี้เขาก็คงไม่คิดมากเรื่องเงินแค่นี้หรอก

 

แต่…..

 

สองแม่ลูกกลับทําแบบนี้ดังนั้นเขาจึงไม่ปล่อยผ่านไปอย่างแน่นอน!

 

เจียงเฉินโบกมือ “พนักงานเสิร์ฟ ช่วยมาคิดเงินหม้อนี้หน่อยครับ”

 

ผู้จัดการร้านที่เฝ้าดูมานานแล้วก็วิ่งออกมาพร้อมกับเครื่องมือของเขา “คุณครับ โต๊ะของคุณรวมแล้วอยู่ที่ 13,678 หยวนครับ”

 

“อะไรนะ? มากกว่า 10,000?” แม่ของเด็กชายกระโดดขี้นด้วยความโกรธ “ก็แค่หม้อไฟไม่ใช่รึไง? ทําไมราคามันถึงพุ่งไป 10,000 หยวนได้กัน? ร้านนี้โกงแน่ๆ โกง!”

 

ใบหน้าของผู้จัดการร้านเปลี่ยนเป็นสีดําคล้ําทันที!

 

“คุณผู้หญิง โปรดอย่าใส่ร้ายร้านของเรา ร้านของเรานั้นมีชื่อเสียงด้านคุณภาพและราคาที่สมเหตุสมผล ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองตรวจสอบดูได้เหตุผลที่ค่าอาหารของลูกค้าสองคนนี้สูงถึง 13,000 หยวนก็เพราะว่าลูกค้าทั้งสองท่านนี้สั่งอาหารที่มีราคาแพงหลากหลายอย่างและที่สําคัญมันเป็นของสดที่ถูกนําเข้าและมีราคาที่แพง…”

 

ลูกค้าคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆก็เริ่มพูดคุยกัน

 

“ควรโทรแจ้งตํารวจให้มาจับเธอได้แล้ว!”

 

“ใช่แล้ว ยิ่งเป็นแม่ยิ่งห้ามตามใจตัวเองมากเกินไป!”

 

“รถของฉันเคยโดนเด็กบ้าขูดจนเป็นรอย สุดท้ายพ่อแม่ของเด็กคนนั้นก็ไม่ชดใช้ให้ฉัน คิดแล้วฉันก็โมโหแทบตาย!”

 

เจียงเฉินที่ได้ยินก็คิดว่ามันสมเหตุสมผล เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ก่อนที่เขาจะกดโทรออกไป

 

ก็มีตํารวจสี่นายเดินเข้ามาในร้านเพื่อทานอาหารหลังเลิกงานพอดี