ส่วนที่ 4 ฝันสลาย ตอนที่ 46 เหตุปะทุ (8)

ปลดผนึกหัวใจหวนรัก Love and Redemption

ถ้ำแสงฉานบนยอดเขาอรุณแท้จริงลึกเท่าไร แม้แต่ฉู่เหล่ยก็บอกไม่ได้ รู้เพียงตอนนั้นที่สำนักเซวียนหยวนเข้าโจมตีขนานใหญ่ ในถ้ำแสงฉานมีคนหลบซ่อนตัวอยู่เต็มถ้ำ เหมือนว่าศิษย์ส่วนใหญ่ในสำนักเส้าหยางพากันมาซ่อนตัวได้ อาศัยพื้นที่แปลกประหลาดจึงได้พ้นภัยใหญ่ครั้งนั้นมาได้ 

 

 

กว่าหวนหยางจะนำพาศิษย์ส่วนใหญ่มารวมตัวกันที่ถ้ำแสงฉานก็ไม่ง่าย จากนั้นก็รีบนับจำนวน ดีที่คนบาดเจ็บไม่มาก น่าจะเพราะพวกฉู่เหล่ยก่อนจากเส้าหยางไปกำชับไว้หลายรอบ ในใจศิษย์ทั้งหลายต่างระวังตัวกันตลอด ดังนั้นพอมารปีศาจมาโจมตี พวกเขาจึงเคลื่อนไหวฉับไว วินาทีแรกก็มาถึงถ้ำแสงฉาน 

 

 

ไม่ถึงเวลาคับขัน ไม่อาจเข้าปะทะเป็นตายกับศัตรู นี่เป็นกฎสำนักเส้าหยางที่ไม่มีเป็นลายลักษณ์ ไม่ว่าอย่างไรศิษย์อายุน้อยก็สำคัญที่สุด พวกเขาเป็นความหวังในวันหน้าของเส้าหยาง 

 

 

ยามนี้ถ้ำแสงฉานจุดไฟสว่างแล้ว ไม่มีคนคุยกัน มีแต่เสียงหายใจ ผ่านไปครู่หนึ่ง พลันได้ยินเสียงน้ำกับเสียงพายเรือมา ศิษย์ทุกคนชักกระบี่ระวังตัว บนเรือมีเสียงคนหนึ่งดังขึ้น “อาจารย์อาหวนหยาง! อาจารย์อาหวนหยาง! มารปีศาจพวกนั้นนำนกปี้ฟางขาเดียวมา! เริ่มเผาประตูเหล็กแล้ว!” 

 

 

ทุกคนพากันตกใจ ปากถ้ำแสงฉานปิดทับด้วยประตูเหล็กนิลยักษ์ ไม่ว่าอาวุธร้ายกายเช่นไรก็ไม่อาจทำลายได้ มารปีศาจพวกนั้นเห็นชัดว่าลองคิดอยู่นานก่อนจะนึกได้ว่าลองใช้นกปี้ฟางขาเดียวเผา หากประตูเหล็กที่แข็งแกร่งที่สุดนี่ถูกทำลายลง พวกเขาก็คงได้สู้ตายสถานเดียว! 

 

 

เมื่อครู่เหอตันผิงเพิ่งประมือกับมารปีศาจมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิง ท่าทางตอนนี้ทุลักทุเลเต็มที พอได้ยินข่าวนี้ก็หน้าซีดขาวราวคนตาย สองขาอ่อนยวบทรุดลงนั่งบนเตียงหิน พูดไม่ออกเป็นนาน เหมือนนางนั่งทับอะไรอยู่ใต้ร่าง พอก้มหน้าลงมองก็เห็นของเล่นฝีมือหยาบๆ มีกลองป๋องแป๋ง มีนกไม้ ก็ไม่รู้วางอยู่ในถ้ำมากี่ปีแล้ว ผิวนอกมีคราบราหนาเป็นชั้น 

 

 

นางยกกลองป๋องแป๋งตี พลันรู้สึกแสบจมูกอยากร้องไห้ นึกถึงเสวียนจี นี่ต้องเป็นของเล่นที่นางทิ้งไว้ตอนที่นางถูกลงโทษมาอยู่ถ้ำแสงฉานตอนนั้นแน่นอน ตอนนี้บุตรสาวสองคนไม่อยู่ข้างกาย ตนเองอาจตายได้ตลอดเวลา วันหน้าหากตนไม่อยู่ข้างกายพวกนางแล้ว เด็กผู้หญิงที่ยังไม่รู้จักโตอย่างนั้นจะทำเช่นไร 

 

 

หวนหยางร้อนใจดังไฟแผดเผา ชักกระบี่กัดฟันกล่าวว่า “พอเถอะ! จะให้นั่งรอความตายเช่นนี้ ไม่สู้บุกฝ่าออกไปสังหารให้สะใจสักตั้ง!” 

 

 

อาวุโสผู่หยางที่นิ่งเงียบมาตลอดพลันกล่าวว่า “ไม่ได้ พวกนั้นมีมากเกินไป ไม่ควรบุกออกไปตาย” 

 

 

เขาเป็นอาวุโสที่อายุน้อยสุดในบรรดาเจ็ดยอดเขา ปกติไม่ค่อยพูด วาจาน้อยมาก แต่หากเอ่ยปากก็ย่อมมีน้ำหนักมาก หวนหยางร้อนใจกล่าวว่า “ให้ข้าทนอยู่ในถ้ำนี้ ถูกพวกเขาเผาตาย จะยอมได้อย่างไร!” ผู่หยางกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “รอ! เจ้าสำนักต้องกลับมาแน่!” 

 

 

เหอตันผิงส่ายหน้ากล่าวว่า “เขาไม่กลับมา ข้าให้เขาอย่ากลับมา มารปีศาจพวกนั้นร้ายกาจเช่นนี้ กลับมาก็มีแต่ตาย” 

 

 

ผู่หยางกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “เขาเป็นผู้นำสำนักเรา เขาต้องกลับมา” 

 

 

ในใจเหอตันผิงชาหนึบ ใจหนึ่งนางก็หวังว่าฉู่เหล่ยจะกลับมา อีกใจหนึ่งก็หวังว่าพวกเขาอย่ากลับมารนหาที่ตาย สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจ อารมณ์ความรู้สึกค่อยๆ นิ่งสงบลง กล่าวเสียงกังวานว่า “ทุกคนฟังข้า พวกเราเฝ้ารออยู่ที่นี่ หากมารปีศาจบุกเข้ามา พวกเราก็ต้องสู้ด้วยชีวิต ยอมตายไปพร้อมพวกมัน แต่ไม่อาจทิ้งศักดิ์ศรีเส้าหยาง!” 

 

 

ทุกคนรับคำพร้อมเพรียง หวนหยางกล่าวอีกว่า “ศิษย์รุ่นอักษรตวนไปยืนท้ายสุด! คนกลัวตายถอยไปได้! ที่เหลือป้องกันที่นี่ไว้! หัวขาดหลั่งเลือดก็ไม่อนุญาตให้มันเข้ามาได้แม้แต่ครึ่งก้าว!” 

 

 

ทุกคนพากันมีกำลังใจฮึกเหิม รับคำพร้อมกันราวกับคลื่นยักษ์สะท้อนดัง ดังก้องในถ้ำทำเอาแก้วหูแทบแตก หวนหยางหันกลับไปมอง แต่ละคนรวมถึงศิษย์รุ่นเล็กอักษรเหวิน ล้วนมีสีหน้าเด็ดเดี่ยวมองความตายว่าก็แค่กลับบ้าน ไม่ถอยหลังหวาดกลัวแม้แต่คนเดียว 

 

 

ในใจเขาซาบซึ้งใจยิ่ง น้ำเสียงสั่นกล่าวว่า “พวกเจ้า…เยี่ยมมาก!” 

 

 

วาจากล่าวจบ ก็ได้ยินศิษย์ที่เฝ้าดูสถานการณ์ที่ปากถ้ำ พายเรือเร่งร้อนเข้ามา เสียงดังกล่าวว่า “อาจารย์อาหวนหยาง! พวกเจ้าสำนักมาแล้ว! กำลังสู้กับมารปีศาจพวกนั้นอยู่อีกทาง!” 

 

 

พอเหอตันผิงได้ยินว่าสามีนางกลับมาแล้ว ในใจก็รู้สึกยินดีปนเศร้า ไม่สนใจจะกล่าวอันใดอีก กระโดดขึ้นเรือทันที สั่งการเบาๆ “พาข้าไป!” หวนหยางจะตามไปด้วย แต่หันกลับไปกล่าวก่อนว่า “ศิษย์น้องผู่หยาง ที่นี่ฝากเจ้าดูแลแล้ว!” ผู่หยางค่อยๆ พยักหน้า ชักกระบี่กระชับไว้ในมือ 

 

 

หวนหยางรู้นิสัยศิษย์น้อง เรื่องที่เขารับปากแม้ว่าต้องตายก็ต้องทำให้ได้ พอคิดถึงว่าบางทีวินาทีถัดมาทุกคนอาจตายด้วยน้ำมือปีศาจพวกนั่น ในใจเขาก็อดปวดปลาบไม่ได้ เสียงสั่นไหวกล่าวว่า “เร็ว! พายเรือ! รีบไปปากถ้ำ!” เขาคว้าไม้พายจ้วงพายเต็มแรง 

 

 

ที่ยอดเขาเสี่ยวหยาง พวกฉู่เหล่ยใช้วิชาเซียนต่างๆ ก็ไม่อาจสังหารมารปีศาจพวกนี้ให้ราบคาบได้ สุดท้ายยังคงเป็นฉู่อิ่งหงชักกระบี่ตัดหัวพวกมันทิ้งจึงจัดการได้ พวกเขาหลายคนท่องมาทั่วยุทธภพนับสิบปี เป็นครั้งแรกเห็นว่าวิชาเซียนใช้สังหารมารปีศาจไม่ได้ ในใจก็ตกใจอย่างมาก คิดว่าพวกมันไม่เหมือนกับอินทรีกู่เตียว กำลังเซียนของมนุษย์ธรรมดาไม่อาจสู้กำลังปีศาจเช่นพวกมันได้ ดังนั้นวิชาเซียนจึงไม่อาจทำร้ายพวกมันได้ 

 

 

พวกเขาไม่กล้ารอช้า รีบเหินกระบี่ไปยังยอดเขาอรุณ ผู้ใดจะรู้ว่ามารปีศาจทั้งหมดมารวมกันอยู่หน้าถ้ำแสงฉาน ปากถ้ำเล็กๆ เต็มไปด้วยมารปีศาจชุดดำหลายร้อย พวกเขากำลังคิดหลบก็ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่เข้าต่อสู้ซึ่งหน้า 

 

 

ผู้ใดจะรู้ว่ามารปีศาจมากเกินไป พริบตาก็ตีพวกเขาแตกพ่าย หลิงหลงสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไม่ห่างจากจงหมิ่นเหยียน ทั้งสองกำลังน้อย ไม่ใช่คู่ต่อสู้พวกปีศาจ ถูกบีบถอยร่นไปเรื่อยๆ หลิงหลงกำลังจะตวัดกระบี่ฟันมารปีศาจ มือซ้ายพลันมีคนคว้าไว้แน่น นางหันกลับไปมอง เป็นจงหมิ่นเหยียน เขาปล่อยพลังกระบี่บีบให้มารปีศาจนั่นถอยหลัง ก้มหน้ายิ้มให้นาง กุมมือนางไว้แน่น 

 

 

รอดก็รอดด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน สายตาเขาราวกับกล่าวเช่นนี้ ทั้งสองกุมมือกันแน่น ฝ่ามือเริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ แต่ผู้ใดก็ไม่ยอมปล่อย หลิงหลงกัดฟันแน่นจึงกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ ก่อนตายก็ได้ลิ้มรสชาติสองใจรักเป็นหนึ่ง บางทีสวรรค์ก็ดีกับพวกนางไม่น้อย 

 

 

ขณะกำลังซาบซึ้งใจอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงคนมากมายที่ถ้ำแสงฉานร้องดังขึ้นว่า “เจ้าสำนัก! พวกเรามาช่วย!” ทุกคนหันกลับไปมอง เห็นศิษย์รุ่นอักษรเจิน น่าจะยังไม่ทันได้หนีเข้าถ้ำแสงฉาน ยังดีที่ไม่ถูกมารปีศาจทรมาน ด้านหน้าพวกเขาทุกคนมีหน้าไม้เหล็กยักษ์สามสี่แท่น คิดว่านำออกมาจากคลังอาวุธ ยามนั้นวางหน้าไม้เหล็กยักษ์ลง กล่าวพร้อมกันว่า “ยิง!” 

 

 

เสียง เฟี้ยว ดังแหวกอากาศขึ้นหลายเสียง ลูกดอกหลายสิบยิงพร้อมกัน พริบตาก็ยิงปักมารปีศาจมากมายร่วงลงพื้น ฉู่เหล่ยดีใจกล่าวว่า “ทำได้ดี! ไม่เสียทีที่เป็นศิษย์เส้าหยางเรา!” คนเหล่านั้นไม่ทันได้ตอบก็รีบขึ้นลูกดอกใหม่ ยิงติดต่อกัน การโจมตีที่คาดไม่ถึงถึงกับได้ผลดี มารปีศาจที่ล้อมทุกคนไว้ลดลงไปมาก มารปีศาจพากันหนีไปรวมเหนือปากถ้ำ คิดจะทำลายหน้าไม้เหล็ก บรรดาศิษย์ขึ้นลูกดอกไม่ทัน ได้แต่ร้องตะโกนดังคว้าเอาก้อนหินข้างกายปาใส่แทน 

 

 

ฉู่เหล่ยแตะปลายเท้าเล็กน้อยกำลังจะเข้าไปบังหน้าพวกเขา พลันได้ยินคนในถ้ำร้องดังขึ้นว่า “ท่านพี่ !” น้ำเสียงแสนเศร้า เขาชะงักทันที ในใจปวดปลาบ แต่ไม่หันกลับไปมอง ได้แต่กล่าวดังขึ้นว่า “พวกเจ้าเฝ้าถ้ำแสงฉานให้ดี! อย่ากังวลที่นี่!” 

 

 

กระบี่เขาวาดวงรัศมี กระบี่ส่องแสงจู่โจมออกไป พริบตาก็ฟันใส่มารปีศาจพวกนั้นล้ม ได้ยินเสียงหวนหยางตะโกนขึ้นว่า “เจ้าสำนัก! มารปีศาจจะใช้นกปี้ฟางขาเดียวเผาประตู!” เขาตกใจยิ่ง รีบหันกลับไปมอง ดังคาด หน้าประตูเหล็กมีมารปีศาจสิบกว่าตนไปรวมตัวกันอยู่ ในมือทุกตนมีนกปี้ฟางขาเดียวสีเขียวประหลาดเหมือนแม่ไก่ ปากพึมพำพูดอะไรไม่เข้าใจ สั่งให้พวกมันเผาประตูเหล็ก ประตูเหล็กยักษ์ถึงกับถูกพวกมันเผาจนหลอมละลายไปครึ่ง สถานการณ์คับขันยิ่ง 

 

 

เขาร้องเรียกขึ้นเสียงหนึ่ง “เหอหยาง!” เหอหยางรีบสะอึกกายเข้าไป ตวัดกระบี่ต้อนพวกมารปีศาจให้ถอย มือพวกเขามีปี้ฟาง แตะโดนไฟนิดหน่อยก็ตายอนาถอย่างแน่นอน ร่างเขามีแสงสีเขียวทะลุผ่าน คนที่เห็นพากันหายใจสะอึกอยู่ที่ลำคอ เกรงว่าพริบตาเขาจะถูกเผาหายวับไป! 

 

 

ฉู่อิ่งหงเห็นสามีเข้าสู่กองเพลิงนกปี้ฟางก็ตกใจมาก ไม่ทันได้คิดอะไร ยามนั้นรีบพุ่งตามเข้าไป พลางยกมือขึ้นยิงมังกรน้ำหลายสายออกมาจากในแขนเสื้อทันที เห็นลมพัดหอบม้วนเอาฟองน้ำกระจายรอบทิศ ล้อมปี้ฟางกับพวกมารปีศาจไว้ 

 

 

ฉู่เหล่ยกลัวนกปี้ฟางขาเดียวพวกนั้นไม่กลัวน้ำ กำลังจะเข้าไปช่วย พลันได้ยินหลิงหลงด้านหลังร้องตกใจ ที่แท้มารปีศาจพวกนั้นเห็นพวกฉู่เหล่ยและเหล่าอาวุโสยากรับมือ จึงพากันไปจัดการรุมพวกหนุ่มสาวอายุน้อยแทน หลิงหลงกับจงหมิ่นเหยียนถูกบีบถอยร่นไปหลายก้าว ถอยจนหลังชนกำแพงหินด้านหลัง ไม่มีทางให้ถอยอีก ตู้หมิ่นหังกับศิษย์ข้างๆ จะเข้าไปช่วยก็ไม่ได้ พวกเขายังถูกมารปีศาจพันพัว ไม่ทันระวังก็อาจมีภัยถึงชีวิต 

 

 

ปิ่นบนศีรษะหลิงหลงถูกฟันหัก บางทีอาจโดนหนังศีรษะด้วย เลือดไหลอาบ ดูแล้วน่ากลัวมาก จงหมิ่นเหยียนกระชากนางออกมากอดไว้ในอ้อมกอด กอดนางไว้แน่น หลับตารอความตาย อาวุธสิบกว่าชิ้นพากันพุ่งตรงมาที่ร่างพวกเขา แม้ฉู่เหล่ยจะเข้าไปช่วยก็สายไปเสียแล้ว ชั่วเวลาแสงกะพริบนั้นเอง พลันได้ยินมารปีศาจที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเหล็กร้องดีใจ ประตูเหล็กนิลถูกหลอมละลายแล้ว! พวกเขากระชากทีเดียวก็เปิดทางออก มารปีศาจทะลักเข้าถ้ำราวกับกระแสน้ำทะลักเข้าไป 

 

 

หวนหยางกับเหอตันผิงกำกระบี่แน่น คนหนึ่งฟันสองคนทิ้ง เหอหยางบุกขึ้นหน้า คว้าประตูเหล็กนิลจะปิดกลับคืน ผู้ใดจะรู้ว่าพอมือคว้าประตู ยามนั้นก็ร้องเจ็บปวดดัง ทั้งฝ่ามือพริบตาไหม้กลายเป็นเถ้าดำ! ที่แท้ประตูเหล็กนิลถูกนกปี้ฟางขาเดียวเผาทั้งบานแล้ว เขาคว้าลงไปก็เท่ากับลวกมือ เหอหยางเหงื่อผุดเต็มหน้า ตอนนั้นได้แต่ตวัดกระบี่ตัดมือที่ไหม้ดำของตนเองทิ้ง ฉีกเสื้อออกมาพันข้อมือที่ขาดไว้ น้ำเสียงแหบพร่ากล่าวว่า “รักษาปากถ้ำ!” 

 

 

ทันทีที่กล่าวจบ พลันได้ยินเหนือศีรษะมีน้ำเสียงเย็นเยียบกล่าวว่า “มกร สังหารมารปีศาจพวกนี้ให้หมด ไม่ให้รอดแม้แต่ตนเดียว” 

 

 

ทุกคนทั้งตกใจและดีใจ เงยหน้ามอง ดังคาด เสวียนจีกลับมาแล้ว สีหน้านางไร้ความรู้สึก เหินกระบี่หยุดอยู่กลางท้องฟ้า มกรด้านหลังสบายกางปีกเพลิง รอยยิ้มมีไอสังหารคุกรุ่น เผยรอยยิ้มบางมองมายังกลุ่มด้านล่างที่กำลังวุ่นวายไปหมด