บทที่ 132 แกลองยิงปืนด

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“พวกเราสงสัยว่านายเกี่ยวข้องกับคดีเจตนาทำร้ายร่างกายของเมื่อวานนี้ รบกวนนายไปกับพวกเราด้วยเถอะ!”

“เมื่อวานนี้? เจตนาทำร้ายร่างกาย?”

เย่เทียนได้ยิน นัยน์ตาที่ดำมืดมีแสงเย็นเฉียบแฉลบผ่านไปนิดๆ ยังมีความฉงนสนเท่ห์อยู่บ้างแบบคลุมเครือ

ช่วงเวลาเมื่อวานนี้เขาก็แค่เคยต่อยไปสองคน เฉินหยังไม่ต้องไปพูดถึง ภายใต้การแจ้งเตือนของเฉินชังไห่ เย่เทียนเชื่อว่าเขาไม่มีความกล้าทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้

ในเมื่อไม่ใช่เฉินหยัง คำตอบแทบจะประกาศมาแล้ว——จางเวย!

แต่ประเด็นสำคัญคือ ก่อนหน้านี้จางเวยไม่ใช่เคยลองหาตำรวจมาช่วยเหลือแล้วเหรอ ครั้งนี้ยังงี่เง่าขนาดนี้ได้อย่างไรอีก? หรือว่า……

มองผู้ชายสามสี่คนตรงหน้าที่ใส่ชุดสูทรองเท้าหนังกลับเรียกตนเองว่าตำรวจ แม้แต่หนังสือรับรองยังไม่กล้าให้ตนเองดูชัดเจน เย่เทียนอดวาดรอยยิ้มประหลาดขึ้นมาไม่ได้

“ทุกท่าน ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ เกรงว่าพวกคุณไม่ใช่ตำรวจมั้ง?”

“พวกเราใช่ไม่ใช่ตำรวจ นายไปกับพวกเราก็รู้เองแล้ว!”

ผู้ชายผมสกินเฮดหัวเราะเยาะติดกัน

เห็นว่าลูกน้องสองสามคนเชื่องช้าขนาดนี้ ชายกำยำหัวล้านทนไม่ไหวพูดเร่งว่า “มัวพูดไร้สาระกับเขามากขนาดนี้ทำไม? พากลับไปโดยตรงก็พอ!”

พอพูดจบลง เจ้าผมสกินเฮดรีบกระโจนเข้าไปทางเย่เทียนแบบห้าวหาญไม่มองกลับมาทันที

เย่เทียนจะถูกคนที่คลุมเครือพาตัวไปแบบนี้ได้ที่ไหนกัน ขยับเท้าติดต่อกัน หลบออกมาอีกครั้งอย่างฉับไว

ที่น่าเสียใจคือ เจ้าผมสกินเฮดคิดได้ที่ไหนว่าเย่เทียนจะหลบไปกะทันหัน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทันระวังตัว ไม่สามารถควบคุมสมดุลไว้ได้ ล้มหน้าคะมำโดยตรง ฟันหน้ากระแทกจนหักไปซี่หนึ่ง เลือดสดสาดกระเซ็น น่าสยองจนทนดูไม่ไหว

“แกไอ้สารเลว! กล้าปฏิเสธการจับกุม!”

ชายกำยำหัวล้านเข้ามาก็เที่ยวกล่าวหาเย่เทียนแบบไร้เหตุผลยกใหญ่ “ยังกล้าโจมตีตำรวจอย่างเปิดเผย เป็นความผิดร้ายแรงเสียจริง!”

“ลูกตาสองข้างนั้นของนายเอาไว้ใช้ประดับเฉยๆ หรือไง? ทั้งที่เป็นเขาที่ล้มหน้ากระแทกฟันหักเอง เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย!”

ชั่วขณะนั้นเย่เทียนโกรธแล้ว

“นึกไม่ถึงว่ายังกล้าสบประมาทเจ้าพนักงาน? เพิ่มอีกคดีหนึ่งเลยนะ! พวกนายยังอึ้งอยู่ทำอะไรกันเล่า? จับให้ฉัน! พากลับไปจัดการเขาให้หนัก!”

ชายกำยำหัวล้านสั่งอย่างไม่ลังเล ลูกน้องสองสามคนที่เหลือรีบล้อมรอบเข้าไปยังเย่เทียนโหดร้ายราวกับเสือ

เย่เทียนขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา ถ้าพูดถึงก่อนหน้านี้เขายังคงมีท่าทีสงสัยต่อคนเหล่านี้ที่เรียกตนเองว่าตำรวจ และไม่มีหลักฐานยืนยันแท้จริงออกมาแสดง แต่ตอนนี้กลับเชื่อขึ้นมาอยู่บ้างแล้ว

แบบนี้ไม่ว่าตนเองจะพูดอะไร ทำอะไร สุดท้ายล้วนถูกกล่าวหาอย่างไร้เหตุผลอยู่ดี และไม่ใช่ใครต่างครอบครองวิธีพิจารณาแบบนี้ได้

ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเย่เทียนจะยอมงอมืองอเท้าให้ถูกจับตรงนี้

มองผู้ชายหัวล้านที่หลบอยู่ด้านหลังชายชุดสูทสองสามคนนี้ ลูกตาเย่เทียนมีความหนาวเหน็บแฉลบผ่าน!

ถ้าเขาเป็นตำรวจจริง งั้นก็ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นคนชั่วช้าของวงการตำรวจ แต่ถ้าเป็นตัวปลอม งั้นก็ยิ่งเป็นโทษที่ไม่อาจอภัยให้ได้!

ในใจปรากฏความคิดสารพัดขึ้น เย่เทียนไม่ได้หยุดนิ่ง ขยับเท้าติดต่อกัน ชั่วพริบตาเดียววาร์ปไปด้านหน้าชายกำยำหัวล้าน ตบเข้าไปบนหน้าอย่างโหดเหี้ยมตรงๆ

ป้าบ!

น่าสงสารชายกำยำหัวล้านเดิมทีไม่ได้ตอบสนองเข้ามา ถูกเย่เทียนตบทีหนึ่งไปดื้อๆ ชั่วขณะนั้นที่แก้มมีรอยนิ้วมือแดงสดทั้งห้าเพิ่มออกมาแล้ว

“แก แกแม่งกล้าตบฉัน?”

รู้สึกถึงความเจ็บแสบร้อนผ่าวลอยมาจากบนแก้ม ชายกำยำหัวล้านยื่นมือลูบๆ ไปแบบหน้าดูไม่เชื่อเต็มที่

แวบเดียว สีหน้าเขาเปลี่ยนไปดุร้ายขึ้นมา ตะโกนอย่างคนชั่วช้าอำมหิต “แกไอ้สารเลวนึกไม่ถึงจะกล้าตบฉัน!”

ระหว่างที่พูด ชายกำยำที่โกรธถึงขีดสุดคลำหาปืนพกกระบอกหนึ่งออกมาจากด้านหลัง ปากกระบอกปืนที่เย็นเยือกกำมือเล็งที่เย่เทียนไปโดยตรง

“ตบฉันเหรอ! แน่จริงแกลองตบฉันดูอีกครั้งสิ!”

ชายกำยำใส่ชุดสูทสองสามคนที่เหลือตกใจกันหมด ที่นี่คือบนถนนใหญ่เลยนะ!

เดิมทีก็เป็นช่วงเวลาทานข้าว พนักงานบริษัทที่ออกมาทานข้าวมีไม่น้อย ถ้าชายกำยำหัวล้านสูญเสียสติลั่นไกปืนขึ้นจริง งั้นเรื่องนี้คงจัดการไม่ง่ายแล้ว

“พี่ฝาง พี่อย่าวู่วาม ใจเย็นๆ ใจเย็นก่อน”

เจ้าผมสกินเฮดที่ล้มหน้าคะมำฟันหน้าหักซี่หนึ่งได้สติกลับมา ไม่สนใจความเจ็บที่ปาก รีบเข้าไปปลอบขวัญขึ้นมาทันที

“กล้าพอแกก็ลองยิงปืนดูสิ”

เมื่อกลับมามองเย่เทียน นัยน์ตาที่ดำมืดกลับมีแววตาหยอกเย้าเต็มเปี่ยม ไม่ได้เห็นชายกำยำหัวล้านอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

ถึงแม้จะบอกว่าชายกำยำหัวล้านรูปร่างแข็งแรงสง่าผ่าเผย แต่เย่เทียนก็รู้ชัดเจนแต่แรกว่าเจ้าหมอนี่เดิมทีไม่ใช่นักบู๊ เป็นเพียงคนธรรมดา เขามีความมั่นใจมากพอว่าสามารถรับมือเขาได้ในชั่วขณะที่ฝ่ายตรงข้ามลั่นไกปืน

“คิดว่าฉันไม่กล้างั้นเหรอ? แกแม่งไม่อยากอยู่วอนหาที่ตายเองแล้ว งั้นฉันจะทำให้แกสมหวัง!”

ในความเป็นจริง ชั่วขณะที่ล้วงปืนออกมา ชายกำยำหัวล้านก็รู้สึกเสียใจแล้ว

เดิมทีตอนที่เจ้าผมสกินเฮดเข้ามาห้ามปราม เขาครุ่นคิดว่าจะถือโอกาสอันนี้เก็บกลับมา

เพียงแต่ เขาไม่ทันได้ตอบสนองอะไรทั้งนั้น ข้างหูกลับมีคำพูดที่เยาะเย้ยสุดขีดของเย่เทียนนั้นลอยมาอีก ไฟโกรธนั้นของเขาที่ไม่เลือนหายจึงยิ่งลุกโชนขึ้นกว่าเดิม

ที่เกินความคาดหมายของผู้คน เย่เทียนไม่เพียงไม่กังวลขอความเมตตา แม้กระทั่งยังก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง พูดจาเย็นชา “ถ้าแกกล้ายิงปืนจริง ฉันรับรองว่าจะต้องทำให้แกเสียใจแน่!”

“แกไอ้สารเลวคนนี้ยังกล้าข่มขู่ฉัน!”

ชายกำยำหัวล้านเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ ปลดเซฟของปืนพกเสียงดังแก๊กๆ อย่างไม่ลังเลสักนิด

แต่ เพียงแค่ปลดเซฟออกเท่านั้น นิ้วชี้ที่วางไว้ตรงไกปืนกลับไม่กล้ากดลงไปอยู่ดี

“เหอะ!” เย่เทียนพึมพำเย็นชาออกมาคำหนึ่ง ยืนมือขวาออกไปอย่างว่องไว กลายเป็นคีมเหล็กด้ามหนึ่ง ควบคุมมือขวาที่ถือปืนของชายกำยำหัวล้านไว้อย่างแน่น ทำให้ขยับไม่ได้โดยสิ้นเชิง

“คิดจริงเหรอว่าแค่มีปืนอยู่ในมือ ตัวเองก็ไร้ศัตรู? แกรู้จักโลกใบนี้น้อยเกินไปแล้ว!”

เย่เทียนหัวเราะเยาะไม่หยุด ในมือออกแรงบีบในทันใด

“อ๊าก!”

ชายกำยำหัวล้านทนไม่ไหวส่งเสียงร้องคำรามเจ็บปวดออกมา และจับปืนในมือไม่ไหวอีกต่อไป ร่วงหล่นลงพื้นดังตุบ

“แกไอ้ชั่ว รีบปล่อยพี่ฝางเดี๋ยวนี้!”

ชายกำยำชุดสูทสองสามคนเห็นเหตุการณ์ ต่างรีบควักปืนออกมาทันที จ่อปากกระบอกปืนไปทางเย่เทียนราวกับเจอศึกใหญ่

เรื่องราวบานปลายมาถึงปัจจุบันนี้ ถึงขั้นที่ไม่อาจควบคุมได้ในที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เดิมทีเป็นช่วงเวลาทานข้าว พนักงานบริษัทพักเที่ยงหาของกินก็ไม่น้อย ผู้มองดูแต่ละคนต่างหยุดอยู่ที่ไกลๆ เป็นการบรรยายนิสัยที่ชอบดูเรื่องน่าตื่นเต้นของคนจีนได้อย่างถึงอกถึงใจ

เห็นชายกำยำชุดสูทที่ถือปืนไว้รอบด้าน เย่เทียนอดขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาไม่ได้

ถึงแม้จะบอกว่าเขาไม่หวาดกลัว แต่ถ้าใครไม่ระวังลั่นไกผลปืนสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่แน่ว่าด้านในคนที่มุงดูเรื่องสนุกกลุ่มนั้นอาจดวงซวยโดนยิงเข้าให้

แน่นอนว่า ประเด็นสำคัญคือ อย่างไรเสียที่นี่เป็นหน้าประตูของบริษัทตระกูลเฉิน ถ้าทำให้ใครถึงแก่ชีวิตจริง แค่คิดก็รู้ว่าต้องมีผลกระทบต่อบริษัทตระกูลเฉิน

“อยากเล่นงั้นเหรอ? งั้นฉันจะเล่นเป็นเพื่อนพวกแกดีๆ ฉันอยากดูหน่อยว่าพวกแกจะเล่นออกมาอีท่าไหนกัน!”

พิจารณามาถึงตรงนี้ เย่เทียนมีแผนการในใจฉับพลัน ปล่อยมือที่ล็อกชายกำยำหัวล้านไว้แน่นออกทันใด

ตาเห็นว่าเย่เทียนปล่อยมือเอง ชายกำยำชุดสูทสองสามคนจึงโล่งอกไปมาก หัวใจที่พะว้าพะวังอยู่ผ่อนคลายลงมาแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยิงปืนฆ่าคนภายใต้สายตาสาธารณชนมากมาย เมื่อพิจารณาดูแล้วนี่ต้องดึงดูดการวิจารณ์วุ่นวายขึ้นแน่….