ตอนที่ 503

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ถ้ายอมแพ้ก็จ่ายมา

ข้างกายหลิงฮันคือเหวินอีเจี้ยนและจิตวิญญาณศิลา

เหวินอีเจี้ยนทรงพลังเป็นอย่างมาก เมื่อตอนที่เขายังอยู่ในระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเขาสามารถโค่นล้มหยานจุนฮ่าวได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้เขาบรรลุระดับบุปผาผลิบานแล้ว เขาสามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานได้พร้อมกันสิบคนเป็นอย่างน้อยด้วยตนเอง

จิตวิญญาณศิลายิ่งน่ากลัวกว่านั้น มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าสัตว์อสูรราชันในระดับเดียวกันเพราะมันคือจิตวิญญาณแห่งธาตุทั้งห้า สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากเจตจำนงสวรรค์!

ทั้งสามร่วมมือกันและสามารถรับมือกับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานยี่สิบกว่าคนได้

“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม!” เมื่อได้เริ่มต่อสู้ เหวินอีเจี้ยนก็ลืมทุกสิ่งและกวัดแกว่งดาบอย่างบ้าคลั่ง เขาอ้ามือซ้ายออกและควบแน่นตราประทับแปลกประหลาดขึ้นมา “ในเมื่อพวกเจ้าต้องการทักษะลึกลับของสิบสองพระราชวังขนาดนั้น งั้นข้าก็จะให้พวกเจ้าได้ลิ้มลอง!”

เขากระแทกมือซ้ายออกไปด้านหน้า แมงป่องสีดำขนาดมหึมาปรากฏออกมาและโจมตีทุกคนด้วยก้ามของมัน ในขณะเดียวกัน มันยกหางที่เป็นเหล็กในของมันขึ้นและกระหน่ำทิ่มแทงออกไป

แมงป่องตนนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมาจนแม้แต่หลิงฮันยังต้องชะงัก

พลังลึกลับของพระราชวังราศีพฤศจิก?

พวกเขาทั้งสามคนเป็นฝ่ายได้เปรียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยิ่งมีพลังลึกลับแมงป่องของเหวินอีเจี้ยนเพิ่มเข้ามา จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานยี่สิบกว่าคนก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง

หยานจุนฮ่าวและคนอื่นๆอ้าปากค้าง

นี่พวกมันเป็นอัจฉริยะของรุ่นเยาว์ในยุคสมัยนี้จริงๆรึ? ลองดูเหวินอีเจี้ยนที่มีอายุเพียงสิบแปดปีสิ พลังต่อสู้ของเขาสามารถบดขยี้เหล่าอัจฉริยะรุ่นก่อนๆได้ทั้งหมด เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขายังมีหน้าจะเรียกตนเองว่าอัจฉริยะแห่งยุคอยู่อีกรึ?

“หลิงฮันจะต้องฝืนเพิ่มพลังบ่มเพาะด้วยเม็ดยาแน่ๆ เขาไม่ใช่ระดับบุปผาผลิบานที่แท้จริง”

“ใช่แล้ว อย่าที่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานก่อนหน้านี้พูด พลังต่อสู้ของหลิงฮันเทียบได้กับระดับบุปผาผลิบานขั้นสองหรือสามเท่านั้น”

“แต่ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ดูเหมือนว่าพลังต่อสู้ของหลิงฮันในตอนนี้จะอยู่ที่สิบดาวเป็นอย่างน้อยสินะ?”

“ไม่ใช่แค่หลิงฮัน เหวินอีเจี้ยนเองก็น่ากลัวไม่แพ้กัน”

จอมยุทธที่ดูการต่อสู้อยู่ด้านข้างพูดคุยกัน พวกเขาคิดว่าถ้าตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณไม่มา คงไม่มีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานคนใดสามารถจับกุมหลิงฮันและเหวินอีเจี้ยนได้แน่ๆ

อ้าวเฟิงและจอมยุทธระดับบุปาผาลิบานคนอื่นๆเริ่มหมดแรงทรุดตัว

ที่จริงแล้วพวกมันก็มียันต์อาคมหรือม้วนคำสั่งที่ได้รับมาจากผู้อาวุโสระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่พวกมันก็ใช้สมบัติเหล่านั้นไปหมดแล้วเมื่อตอนที่อยู่ในเขตแดนลี้ลับ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังเหลือสมบัติเช่นนั้นอยู่

เมื่อถูกสถานการณ์บังคับ คนที่ยังมีสมบัติเหลืออยู่ก็เริ่มนำออกมาใช้ทีละคน

พวกมันไม่อยากถูกกล่าวโทษว่าลงมือสังการนักปรุงยาระดับสวรรค์ แต่พวกมันก็ไม่ต้องการถูกผู้คนประนามว่าเป็นตัวโง่งมถูกพ่ายแพ้ต่อรุ่นเยาว์เพียงสองคนเช่นกัน พวกมันจะต้องจับกุมทั้งสองคนให้ได้

‘ตูม’ ม้วนคำสั่งลอยสูงขึ้นท้องฟ้าและเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านทันที จากนั้นก็มีภูเขาสองลูกอันสูงสง่าสีดำปรากฏออกมา มันปลดปล่อยกลิ่นอายของปฐพีอันไร้ที่สิ้นสุด

ร่างของเหวินอีเจี้ยนหยุดชะงักและเกือบจะล่วงหล่นสู่พื้น

อำนาจของตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณยังแข็งแกร่งเกินไปสำหรับเขาในตอนนี้ แม้จะเป็นเพียงอำนาจจากม้วนคำสั่ง แต่กลิ่นอายของมันก็ยังน่าสะพรึงกลัวอยู่ดี

“ก็แค่ม้วนคำสั่งของระดับตัวอ่อนวิญญาณ!” เหวินอีเจี้ยนค้นหาสิ่งของบางอย่างในแหวนมิติและทันใดนั้นบนฝ่ามือของเขาก็ปรากฏเปลือกหอยสังข์อันหนึ่ง “ในเมื่อพวกเจ้าอยากจะเล่น ข้าก็จะเล่นกับพวกเจ้า!” เขาโยนเปลือกหอยสังข์ในมือออกไป

‘หวู่!’ เสียงหอนแห่งบรรพกาลดังก้อง ราวกับกำลังร้องเรียกต่อสวรรค์และปฐพี

ร่างสีฟ้าครามทะยานออกมาจากเปลือกหอยสังข์ ครึ่งบนของมันเป็นร่างกายของบุรุษส่วนครึ่งร่างเป็นหางปลา ในมือของมันถือฉมวกสามง่าม ‘ฟึบ’ มันทิ่มแทงฉมวกสามง่ามเข้าใส่ภูเขาสีดำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

‘ปัง!’

ภูเขาสีดำระเบิดออกกลายเป็นเศษหินเศษดินทันที ผู้คนที่มองอยู่กลายเป็นหวาดกลัว ภูเขานั่นคือการโจมตีของตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณ แม้จะเป็นแค่เศษเสี้ยวที่แตกกระจายออกมาก็สามารถสังหารจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณได้ภายในพริบตา

โชคดีที่ด้วยการทิ่มแทงของเงือกชายตนนั้น ภูเขาสีดำก็สูญเสียอำนาจของมันไปทำให้เศษหินหรือดินที่กระจัดกระจายไม่หลงเหลือพลังทำลายอยู่อีกต่อไป

“สิ่งนั้นช่างยอดเยี่ยมนัก!” สายตาของหลิงฮันส่องประกายและพูด “ศิษย์น้องเหวิน ให้ข้ายืมมันไปเล่นสักสองสามวันจะได้รึไม่?”

เหวินอีเจี้ยนกรอกตาและรีบเก็บเปลือกหอยสังข์อย่างรวดเร็ว “ฝันไปเถอะ!”

หลิงฮันหัวเราะ “ศิษย์น้องเหวิน สังหารพวกมันซะ!”

เหวินอีเจี้ยนไม่กล่าวตอบ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าหอยสังข์เมื่อครู่เป็นสมบัติที่เขาได้มาโดยบังเอิญและสามารถใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งต่อเดือน หากยังไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้วเขาฝืนกระตุ้นใช้งานเปลือกหอยสังข์ สิ่งที่ต้องใช้เป็นค่าตอบแทนก็คืออายุขัยของตัวเขาเอง ฝืนกระตุ้นใช้งานหนึ่งครั้งจะต้องเสียอายุขัยสิบปี ฝืนใช้สองครั้งเสียอายุขัยร้อยปี… ถึงแม้เขาจะเป็นระดับบุปผาผลิบานแล้ว แต่ก็ไม่อาจใช้งานมันได้บ่อยครั้งนัก

แต่คนอื่นๆไม่รู้ข้อจำกัดในด้านนี้ พวกมันรู้เพียงแค่ว่าม้วนคำสั่งของพวกมันถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย

“พวกเราไม่ขอสู้ต่อแล้ว!” พวกมันเริ่มพูดขึ้นมาทีละคน ถ้าพวกมันยังดื้อรั้นสู้ต่อไปก็มีเพียงจะทำให้ตนเองขายหน้าเท่านั้น

“ไม่สู้แล้ว?” สายตาของหลิงฮันกวาดมองทุกคน “พวกเจ้าเป็นคนเริ่มการต่อสู้เอง และตอนนี้พวกเจ้าจะมาบอกว่าไม่ต้องการสู้แล้ว… พวกเจ้าคิดจะล้อเล่นกับข้าและศิษย์น้องเหวินรึไง?”

‘บัดซบ ทำไมต้องเอาข้าไปร่วมด้วยอีกแล้ว?’

เหวินอีเจี้ยนบ่นในใจ แต่เขาเองก็คนที่มีความภาคภูมิในในตนเองสูง การถูกผู้คนเหล่านี้รุมโจมตีทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเช่นกัน

“เช่นนั้นแล้วปรมาจารย์หลิงต้องการสิ่งใด?” อ้าวเฟิงเปิดปากพูด

หลิงฮันยิ้มอย่างเย็นชาและพูด “พวกเจ้าจู่โจมข้าที่เป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์อย่างไร้เหตุผลและทำให้ข้าหวาดกลัว เรื่องนี้จำเป็นต้องมีเบี้ยทำขวัญ! แถมพวกเจ้ายังข่มขู่พรรคพวกของข้าเมื่อตอนอยู่ในเขตแดนลี้ลับอีก พวกเจ้าคิดจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ?”

อ้าวเฟิงและจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานคนอื่นๆมีสีหน้ามืดมน จริงอยู่ที่พวกมันต้องการใช้หลิวอู๋ตงและคนอื่นๆในการขู่หลิงฮัน แต่พวกมันก็ถูกรูปแบบอาคมวิญญาณหยุดเอาไว้เสียก่อน แต่ตอนนี้พวกมันกลับต้องจ่ายเบี้ยทำขวัญ?

“ไม่ต้องการจ่ายค่าชดเชย? งั้นก็มาสู้กันต่อ!” หลิงฮันพูด

คำขู่ของหลิงฮันทำให้อ้าวเฟิงและคนอื่นๆกลายเป็นไร้คำพูด

“แล้วพวกเราต้องชดใช้อย่างไร?” อ้าวเฟิงกัดฟันเอ่ยถาม

“แค่ให้กล่าวคำขอโทษนั้นมันไม่มีความหมาย ใครจะรู้ว่าในขณะที่ปากของพวกเจ้าพูดขอโทษ แต่ในใจนั้นคิดอะไรอยู่…” หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะพูดขึ้นมา “จ่ายค่าชดใช้ด้วยผลึกก่อเกิดหนึ่งพันผลึกต่อหนึ่งคน”

หนึ่งพันผลึก? ทุกคนถอนหายใจโล่งอก ผลึกก่อเกิดหนึ่งพันผลึกเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน

“หนึ่งพันผลึกก่อเกิดสามดาวต่อหนึ่งคน!” หลิงฮันพูดเสริม

‘พรวด!’

อ้าวเฟิงและคนอื่นๆสำลักออกมา ทำไมเจ้าไม่พูดว่าจะปล้นพวกข้าเลยล่ะ? ผลึกก่อเกิดสามดาวจำเป็นต้องใช้จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขึ้นไปในการหลอมสร้าง หนึ่งเดือนจะสามารถหลอมได้เพียงหนึ่งผลึก แต่เจ้ากลับพูดว่าต้องการผลึกก่อเกิดสามดาวถึงหนึ่งพัน?

“คิดให้ดี ใครก็ตามที่ปฏิเสธเป็นคนแรก ข้าจะจับตัวมันเอาไว้ที่นี้!” หลิงฮันหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม

เหล่าจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ตอนนี้พวกมันอยากจะรีบกลับไปยังนิกายเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสระดับตัวอ่อนวิญญาณ ดังนั้นพวกมันจึงอยากรีบหลบหนีจากเงื้อมมือของหลิงฮันให้เร็วที่สุด พวกมันเริ่มโยนแหวนมิติออกมาทีละคน

บางคนที่มีผลึกก่อเกิดสามดาวไม่ถึงหนึ่งพันผลึกได้ใช้วัตถุดิบหายากหรือสมุนไพรต่างๆแทน