[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 528 : ไร้เหตุผลสิ้นดี!
ด้วยคำสั่งของผู้อำนวยการหน่วยรักษาความมั่นคงเขตจิงฉี หัวหน้าจ้าวมีสีหน้า แววตา และท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมาทันที หลังจากรับคำสั่งแล้ว เขาจึงรีบวิ่งตรงไปยังภัตตาคารจิงฉูพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกห้านาย
ถังเทียนห่าวมาที่หน่วยงานย่อยของสำนักงานรักษาความมั่นคงในเขตจิงฉีนี้เพื่อตรวจงาน หลิวจินไล๋จึงมีหน้าที่รับผิดชอบในความปลอดภัยของถังเทียนห่าว ดังนั้นจึงต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธเฝ้าระวังความปลอดภัยอยู่รอบตัว
แต่ในเวลานี้มีนักท่องเที่ยวอยู่ริมทะเลสาบเต็มไปหมด ตำรวจทุกนายจึงไม่แสดงตัวให้รู้ว่ามีอาวุธปืนติดตัวมาด้วยเพื่อไม่ให้เกิดการแตกตื่น ทุกคนจึงวิ่งไปยังภัตตาคารโดยที่ยังไม่ชักอาวุธออกมา และพร้อมที่จะขึ้นไปยังชั้นหกเพื่อจับกุมตัวผู้กระทำความผิด แต่ถึงกระนั้นตามกฎหมายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะชักปืนออกมาได้ก็ต่อเมื่อผู้ร้ายต่อสู้ขัดขืนเจ้าหน้าที่เท่านั้น
ถังเทียนห่าวยังคงนิ่งเฉย และไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบและเย็นชา ปล่อยให้หลิวจินไล๋จัดการทุกอย่าง และตอนนี้สมองของเขาก็กำลังทำงานอย่างหนักด้วยการวิเคราะห์เรื่องราวที่เกิดขึ้น
‘ที่ผ่านมาเมืองจิงฉูก็สงบสุขดีนี่นา.. ทำไมจู่ๆถึงได้มีคนทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ จางเติงเกอเองก็เป็นพวกนักเลงเจ้าถิ่นที่ชอบข่มเหงคนอื่นไปทั่ว นี่คงจะต้องไปสะดุดตอที่ใหนเข้าอย่างแน่นอน!’
ถังเทียนห่าวสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ก็เลือกที่จะเงียบ และไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาได้แต่รอดูว่าความจริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ผู้อำนวยการหลิว.. คุณรีบพาคนของคุณสองคนขึ้นไปสอบถามเรื่องราวให้ชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วจำไว้ว่าอย่าสั่งให้คนของคุณยิงโดยเด็ดขาด..”
ถังเทียนห่าวหันไปสั่งหลิวจินไล๋ที่ตอนนี้โมโหจนแทบคลั่ง!
“ผู้อำนวยการถังครับ.. ยังจะต้องสอบถามอะไรอีก? ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันกล้าโยนคนลงมาจากชั้นหกแบบนั้น แสดงให้เห็นว่ามันเห็นชีวิตของคนอื่นเป็นผักปลา การกระทำแบบนี้เข้าข่ายเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน!”
หลิวจินไล๋ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก สีหน้าของเขาตอนนี้ดูช่างน่าขันสิ้นดี!
ถังเทียนห่าวขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้คำพูดของหลิวจินไล๋ดูจะไม่ผิดนัก แต่เขาก็พูดความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียว เพราะความจริงคนที่ถูกโยนลงมาจากชั้นหกก็ยังไม่มีใครเสียชีวิต!
“คุณไม่เคยได้ยินบ้างหรือยังไง..? ตบมือข้างเดียวไม่ดัง! ไปตรวจสอบสถานการณ์ให้แน่ใจก่อนจะดีกว่า..”
ตอนนี้หลัวจ้งก็ได้พ้นจากตำแหน่ง และตกอับอย่างที่สุด หากใครยังเลือกที่จะยืนอยู่ข้างรองนายเทศมนตรี – เสียเจิ้นติง ก็คงต้องรู้สึกโดดเดี่ยวหน่อย
แต่ถึงกระนั้น.. พี่ใหญ่อย่างเสียเจิ้นติงก็นับว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจอิทธิพลหยั่งรากค่อนข้างลึก เพราะแม้แต่หลี่ยี่เฟิง และถังเทียนห่าว ยังไม่สามารถดึงเขาให้ตกลงมาได้ในระยะเวลาเพียงสั้นๆนี้
ภรรยาของเสียเจิ้นติง – จางหลาน ก็เป็นถึงคนใหญ่คนโตของโรงพยาบาลประจำเจียงหนาน และมีภูมิหลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง
และด้วยอำนาจอิทธิพลที่หยั่งรากค่อนข้างลึกนี้ ทำให้เมื่อหลี่ยี่เฟิง และถังเทียนห่าวตกต่ำ เสียเจิ้นเหยินซึ่งเป็นลูกชายของเขา จึงผยองถึงขั้นกล้าทำร้ายร่างกายถังเมิ่งจนศรีษะแตก และกระดูกหัก!
และด้วยนิสัยเลือดร้อนของถังเทียนห่าว เมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนถูกทำร้ายปางตายเช่นนั้น มีหรือที่เขาจะไม่ตั้งใจแก้แค้นให้กับถังเมิ่ง แต่หลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกับหลี่ยี่เฟิงอย่างถี่ถ้วนแล้ว ถังเทียนห่าวจึงสามารถคลายความเคียดแค้นลงได้บ้าง..
จนถึงตอนนี้ ถังเทียนห่าวยังแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้หากต้องพบเจอกับเสียเจิ้นติงในเรื่องของการงานบ้าง ถังเทียนห่าวก็ยังสามารถพูดคุย และทักทายเสียเจิ้นติงได้โดยที่ไม่ทวงถามเรื่องนี้
หลี่ยี่เฟิงได้เตือนเขาไวว่า ‘แก้แค้นอีกสิบปีก็ยังไม่สาย’ อีกทั้งตอนนี้ถังเมิ่งเองก็ได้หลิงหยุนรักษาอาการบาดเจ็บให้จนหายดีภายในเวลาแค่สองสามวัน และตอนนี้ร่างกายของถังเมิ่งกลับแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมากหลายเท่า
ยิ่งไปกว่านั้น ถังเมิ่งเองก็ได้บอกกับถังเทียนห่าวว่า ความแค้นครั้งนี้เขาจะเป็นคนชำระเอง ไม่จำเป็นต้องให้ถังเทียนห่าวออกหน้า!
ลูกชายของตัวเองปลอดภัยดีแล้ว ส่วนลูกชายของศัตรูกลับยังต้องคอยหลบซ่อนตัว ถังเทียนห่าวเพียงแค่ต้องอดทนรอคอยโอกาสที่จะมาถึงอย่างใจเย็นที่สุดเท่านั้น!
ทั้งถังเทียนห่าว และถังเมิ่งต่างก็รู้ดีว่า เหตุผลที่เสียเจิ้นเหยินต้องหนีไปหลบซ่อนตัวนั้น ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวการแก้แค้นจากถังเมิ่ง แต่เป็นเพราะความหวาดกลัวที่มีต่อหลิงหยุนต่างหาก!
และตราบใดที่มีหลิงหยุนอยู่ ถังเทียนห่าวก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น!
จางเติงเกอเป็นหลานชายของจางหลาน แม้ว่าจะไม่ใช่ญาติที่สนิทชิดเชื้อ แต่ก็นับว่าเป็นคนในตระกูลเดียวกัน ดังนั้นการที่ใครสักคนกล้าทำกับจางเติงเกอถึงขนาดนี้ ถังเทียนห่าวจึงพอคาดเดาได้อย่างมั่นใจว่า จางเติงเกอคงต้องไปทำอะไรโง่ๆ จนเจอดีเข้านั่นเอง
ส่วนหลิวจินไล๋นั้นยิ่งรู้ดีแก่ใจมากกว่าใครๆ เขาแอบมองถังเทียนห่าวพร้อมกับนึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ และได้แต่คิดอยู่ในใจว่า เขาคงต้องขึ้นไปดูเหตุการณ์ด้วยตัวเอง หากเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลอย่างไร ก็จะได้เตรียมหาวิธีรับมือ!
“ผู้อำนวยการถัง.. ถ้าอย่างนั้น.. ผมก็จะขึ้นไปดูเดี๋ยวนี้?” หลิวจินไล๋ตอบ
แต่ถังเทียนห่าวกลับเพียงแค่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย และไม่แม้แต่จะพยักหน้าตอบรับ..
………
ที่ชั้นหกของภัตตาคารจิงฉู..
ไม่รู้ว่าเพราะผู้จัดการภัตตาคารเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย หรือว่าเป็นเพราะวันนี้มีแขกมารับประทานอาหารมาก จึงมัวแต่ไปวุ่นวายอยู่ในครัว ก็เลยไม่รู้ว่าด้านนอกภัตตาคารเกิดอะไรขึ้น?
ภายในห้องดูทะเลสาบซึ่งเป็นห้องส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดนั้น หลิงหยุนกับสาวสวยทั้งสองคนกำลังนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ และอาหารที่สั่งก็ทยอยขึ้นมาเสริฟอย่างรวดเร็ว
“เร็วเข้าอาหารมาแล้ว.. รีบๆกินกันเลย ผมยังมีธุระต้องไปจัดการอีกหลายเรื่อง อีกอย่างผมก็หิวมากแล้วด้วย!”
และทันทีที่อาหารถูกนำมาเสริฟขึ้นโต๊ะ หลิงหยุนก็ไม่สนใจอะไรอีก เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปากทันที
วันนี้หลิงหยุนตั้งใจมาทานอาหาร เรื่องอื่นๆ อาจล่าช้าได้ แต่เรื่องกินไม่สามารถล่าช้าได้..
พนักงานเสริฟสาวสองคนจ้องมองหลิงหยุนตาเป็นประกาย สายตาที่มองมานั้นไม่ต่างจากกำลังจ้องมองวีรบุรุษ!
แต่เมื่อหันไปมองเด็กนักเรียนหน้าตาสะสวยสองคนที่มาพร้อมกับหลิงหยุน พนักงานเสริฟสาวทั้งสองคนก็ได้แต่ถอนหายใจ และแอบคิดในใจว่า แม้พวกเธอจะจัดว่าเป็นคนหน้าตาหมดจดสวยงาม แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับเด็กสาวสองคนนี้ได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือผิวพรรณ..
พนักงานเสริฟสาวสวยทั้งสองคนนั่งมองแขกทั้งสามคนรับประทานอาหาร และเมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครต้องการอะไรอีกแล้ว พวกเธอจึงเดินออกจากห้องไป
แต่เพียงแค่เปิดประตูออกไป พวกเธอก็พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าตาดุดัน และดูเหมือนจะโมโหอยู่ด้วย กำลังเดินออกมาจากลิฟท์ จากลักษณะท่าทางของตำรวจก็สามารถเดาออกว่าพวกเขามาเพื่อจับกุมคน
พนักงานเสริฟสาวทั้งสองคนเพียงแค่ลังเลเล็กน้อย แล้วรีบเดินกลับไปกระซิบบอกหลิงหยุนทันที
“ตำรวจกำลังมาที่ห้องนี้ค่ะ..”
หลิงหยุนรู้อยู่ก่อนแล้ว เขาเพียงแค่ยิ้มให้กับพนักงานเสริฟสาวสวยทั้งสองคนพร้อมกับพยักหน้า
“ขอโทษที่ทำให้พวกคุณต้องวุ่นวาย.. ไม่ต้องเป็นห่วงผม!”
หลิงหยุนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่มีอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารบนโต๊ะต่อ และไม่ลืมที่จะคีบอาหารใส่ถ้วยของหนิงน้อยด้วย
ระหว่างที่หลิงหยุนตอบพนักงานเสริฟนั้น หัวหน้าจ้าวก็ได้เดินนำลูกน้องตรงไปยังห้องดูทะเลสาบ และยังไม่ทันที่พนักงานเสริฟจะทันได้ปิดประตู หัวหน้าจ้าวก็เปิดประตูห้องเดินเข้ามาทันที พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกห้านายที่เดินตามมาติดๆ
หลังจากที่เข้าไปในห้อง หัวหน้าจ้าวก็จ้องมองไปทางหลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า..
“ใครเป็นคนโยนคนลงไปด้านล่าง?”
หลิงหยุนยังคงใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากเคี้ยวกินอย่างไม่สนใจ แต่หลังจากยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้ว เขาจึงตอบไปว่า
“ผมเอง..” ในที่สุดหลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าจ้าว
หัวหน้าจ้าวที่มองหลิงหยุนกำลังกินอาหารอย่างไม่สะทกสะท้านนั้น ในใจก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่าหรือเขามาผิดห้องกันแน่?! แต่เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากหลิงหยุน เขาก็โมโหขึ้นมาสุดขีด..
หัวหน้าจ้าวไม่พูดไร้สาระอีกต่อไป เขาตรงเข้าไปยืนข้างหลิงหยุนพร้อมตำรวจอีกห้านาย และร้องสั่งว่า “จับตัวเขาไป!”
หลิงหยุนเริ่มรู้สึกรำคาญ เขาขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ข้อหาอะไรไม่ทราบ..?”
หัวหน้าจ้าวตอบกลับทันที “คุณถูกจับกุมข้อหาเจตนาฆ่า แต่ถ้าต้องการจะอธิบายอะไร ก็เก็บไว้ไปพูดกันที่สถานีตำรวจ..”
น้ำเสียงของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที “คุณอย่ามายัดเยียดข้อหาเจตนาฆ่าให้ผม! ตอนนี้มีใครตายหรือยัง? แล้วคุณได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นบ้างหรือไม่?”
หลิงหยุนรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมาก ตำรวจพวกนี้ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี! ไม่ว่าจะเป็นหลัวจ้ง หรือแม้แต่หลินเมิ่งหานเอง เอะอะก็จะพาตัวไปที่สถานีตำรวจอย่างเดียว!
ตำรวจพวกนี้จะทำงานไม่ได้เลยหรืออย่างไร หากไม่พาตัวกลับไปที่สถานีตำรวจ? หรือที่ต้องการพาไปเพื่อจะได้ทำอะไรอย่างที่ต้องการได้ตามอำเภอใจ?
หลิงหยุนรู้สึกว่าช่างไร้เหตุผลสิ้นดี! แต่หากเปรียบเทียบกับเรื่องดีๆ หลายเรื่องในเมืองจิงฉูนี้ เรื่องตำรวจก็นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก หลิงหยุนจึงไม่อยากหงุดหงิดใจ และแอบคิดว่าในวันข้างหน้าเขาคงต้องจัดการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ด้วย..
หลิงหยุนคร้านที่จะคุยกับตำรวจพวกนี้ต่อ และไม่อยากที่จะมีเรื่องด้วย เขาจึงหันไปหยิบตะเกียบคีบอาหารเข้าปากต่ออย่างไม่สนใจ
“อืม.. รสชาติอาหารของที่ภัตตาคารจิงฉูนี่ไม่เลวเลยจริงๆ”
หลิงหยุนกินไปก็ชมไป และไม่ใส่ใจกับตำรวจห้าหกนายที่กำลังยืนมองอยู่
ในเวลานี้อย่าว่าแต่หัวหน้าจ้าวเลย แม้แต่ตำรวจห้านายก็ไม่อยู่ในสายตาของเขา!
“จับตัวไปเดี๋ยวนี้!”
ไม่รู้ว่าเสียงใครพูดขึ้นมา แต่ตำรวจทั้งห้าคนก็เข้าไปล้อมหลิงหยุนไว้
“ยังไม่ไสหัวไปอีก!”
สายตาของหลิงหยุนเย็นชา เขาวางตะเกียบในมือลง และใช้หมัดชกเข้าที่ตำรวจทีละนาย
สาวเสริฟทั้งสองคนต่างก็กรีดร้องออกมาพร้อมกัน และร่างของตำรวจก็กระเด็นลอยห่างออกไปจากหลิงหยุน!
จากนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้นในห้อง ตำรวจทั้งห้าคนกับหัวหน้าจ้าว ต่างก็ถูกหลิงหยุนชกจนกระเด็นกลิ้งออกไปราวกับลูกฟุตบอล ทุกคนต่างก็กรีดร้องออกมา!
แต่ภาพที่ทำให้สาวเสริฟทั้งสองคนตกใจมากกว่านั้นก็คือ หลังจากที่ทั้งหกคนกระเด็นไปกองกับพื้นแล้ว หลิงหยุนก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบผักเข้าปากต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น..
พนักงานเสริฟคนสวยถึงกับตกใจสุดขีด และอ้าปากหวอด้วยความตกใจ!
“แย่แล้ว.. นั่นใครกันที่กล้าทำร้ายตำรวจ!”
“ดูนั่นสิ!”
ตอนนี้แขกเหรื่อในร้านต่างก็พากันวิ่งกรูมาดูเหตุการณ์ที่หน้าห้องหลิงหยุนอย่างตื่นเต้น!