สหรัฐอเมริกา , เพรสตัน

มีเสียงหัวเราะดังมาแต่ไกล

“ศาสตราจารย์เอ็ดดี้ น่าเสียดายที่คราวนี้คุณไม่ได้ไปที่ประเทศจีน!” เจฟฟรีย์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

เอ็ดดี้วางหนังสือในมือลงแล้วถาม “เจฟฟรีย์ คนจีนคนนั้นแก้ไขการคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่ได้จริงหรือเปล่า?”

ก่อนขึ้นเครื่องบินกลับมา เจฟฟรีย์ได้โทรมาบอกข่าวดีกับเอ็ดดี้กก่อนแล้ว

เนื่องด้วยความเร่งรีบ เจฟฟรีย์จึงพูดอธิบายอย่างรวบรัด เลยทำให้เอ็ดดี้ยังไม่รู้สถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงมากนัก

เรื่องนี้ทำให้พวกเขาสองคนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

เจฟฟรีย์พูดออกมาอย่างตื่นเต้น “มันมากกว่าการแก้ไขได้ซะอีก! เขาแก้ปริศนานี้ในงานบรรยายต่อหน้าคนจำนวนมากเลยนะ!”

“คุณรู้หรือเปล่าว่า มิสเตอร์หลินฟานอายุเพียงแค่ยี่สิบเท่านั้น!”

“โอ้ พระเจ้า! ในตอนนั้น ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าวิชาคณิตศาสตร์ได้มาไกลถึงขนาดนี้แล้ว!”


เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ น้ำเสียงของเจฟฟรีย์ก็ดูตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก

เมื่อเขานึกถึงฉากเหล่านั้นทีไร เจฟฟรีย์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นทุกที

หลังจากที่ได้ยินเจฟฟรีย์พูดจบ ใบหน้าของเอ็ดดี้ก็เผยให้เห็นถึงความหลงไหล

เอ็ดดี้ถอนหายใจออกมา “ฉันว่า ฉันน่าจะต้องหาเวลาไปเที่ยวที่ประเทศจีนบ้างแล้ว!”

หลังจากหยุดชั่วคราว เขาก็ถามขึ้นอีกครั้ง “ว่าแต่ ทำไมนายถึงไม่อยู่ที่จีนต่ออีกสักหน่อยละ แล้วหาเวลาไปคุยเรื่องนี้กับ…มิสเตอร์หลินฟาน?”

นักคณิตศาสตร์ที่ไขปริศนาของโจวและการคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่ได้ในเวลาเดียวกัน ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาได้ศึกษาคณิตศาสตร์ไปไกลแค่ไหนแล้ว!

มันจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ถ้าได้พูดคุยเกี่ยวกับคณิตศาสตร์กับคนแบบนี้!

จากนั้นเจฟฟรีย์ก็พูดอย่างหมดหนทาง “ฉันก็อยากไปคุย… แต่เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ และฉันก็… พูดภาษาจีนไม่ได้”

เอ็ดดี้พยักหน้าทันที

อุปสรรคทางภาษา เป็นเรื่องที่ลำบากมาก

เจฟฟรีย์พูด “เพราะอย่างนั้นไง ฉันจึงวางแผนที่จะเริ่มเรียนภาษาจีน เมื่อฉันเจอมิสเตอร์หลินฟานครั้งต่อไป ฉันจะได้สามารถสื่อสารและพูดคุยกับเขาได้”

เจฟฟรีย์พูดต่อ “ศาสตราจารย์เอ็ดดี้ คุณอยากมาเรียนด้วยกันไหม”

เอ็ดดี้เปิดปากของเขาและทำลังจะพูด แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ลืมมันไปเถอะ ภาษาจีนเป็นหนึ่งในภาษาที่ยากที่สุดในโลก”

“ฉันแก่แล้ว เกรงว่าตอนนี้ฉันจะไม่มีพลังเหลือพอที่จะศึกษามันแล้ว”

“แต่หลินฟานยังเด็กอยู่ บางทีอีกไม่นาน เขาน่าจะเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษได้”

…………

วันถัดไป

เมื่อแสงแดดอันอบอุ่นส่องลงมาที่ระเบียง หลินฟานก็ค่อยๆลืมตาขึ้น

เขาเหลือบมองไปที่ข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างสบายๆ

“เงินเข้าบัญชี 1,410,000 หยวน เมื่อเวลา 0:00 น.”

หลังจากที่อ่านข้อความนี้จบ หลินฟานก็ค่อยๆลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก

ในเวลานี้ มีบะหมี่หอม ไข่ต้ม นม เค้กไข่ และอาหารอื่นๆ วางรออยู่บนโต๊ะมากมาย

ฉิวจือเฉียน ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวก็ยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น “ที่รักตื่นแล้วหรอ?”

“ลองชิมดูเร็ว ฉันอยากรู้ว่ามันถูกปากคุณหรือเปล่า?”หวงหลิงโผล่หัวออกมาแล้วพูด

หลินฟานกินบะหมี่เข้าไปและอุทาน “อร่อยจัง!”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หวงหลิงและฉิวจือเฉียนก็รู้สึกเหมือนได้กินผลไม้แสนหวานเข้าไป หัวใจของพวกเธอเต็มไปด้วยความดีใจ

และหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จ

ฉิวจือเฉียนก็พูดขึ้น “ที่รัก ฉันได้ยินมาว่าวัดพูบนภูเขาหยิงเซียงกำลังจะจัดพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในวันนี้ พวกเราไปสักการะกันใหม?”

เมื่อหวงหลิงได้ยินสิ่งที่ฉิวจือเฉียนพูด เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลินฟานด้วยสายตาคาดหวัง

แน่นอนว่าเธอเองก็อยากไปเช่นกัน

แต่หลินฟานเหมือนกับคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าและพระพุทธเจ้า

แต่วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ และเขาก็ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกกับฉิวจือเฉียนและ หวงหลิงสักเท่าไหร่ด้วย จะใช้โอกาศนี้ออกไปเที่ยวพักผ่อนบ้างก็ดีเหมือนกัน

หลินฟานพยักหน้าแล้วพูด “โอเค งั้นเราก็ไปกันเถอะ”

เมื่อฉิวจือเฉียนและหวงหลิงได้ยินคำพูดของหลินฟาน พวกเธอก็เต็มไปด้วยความสุข

รถปากานีเฟิงเชินที่หลินฟานขับมานั้นนั่งได้แค่สองคนเท่านั้น ดังนั้นวันนี้พวกเขาจึงตัดสินใจใช้รถมินิของฉิวจือเฉียนแทน

วัดพูตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของจังหวัดเจียงเป่ย มันค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมือง

แต่ต้นไม้และดอกไม้ตามทางก็สวยงามและน่ามองมากเช่นกัน

เมื่อใกล้จะถึงวัดพู พวกเขาก็เริ่มสังเกตเห็นรถที่ขับไปมามากขึ้น

ในตอนนี้ ถนนมีรถแออัดอยู่จำนวนมาก

เพราะทุกคนต่างก็อยากมาชื่นชมงานเทศกาลในที่แห่งนี้

ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา หลินฟานก็มาถึงลานจอดรถและลงเดินเข้าไปในวัดพูด้วยกัน

หลังจากนั้นไม่นาน อนุสาวรีย์วีรบุรุษก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลินฟานและคนอื่นๆ

ว่ากันว่าที่แห่งนี้เคยถูกเรียกว่าภูเขาวีรบุรุษมาก่อน ชื่อนี้ได้มาเพราะเมื่อสมัยก่อนเคยมีวีรบุรุษคอยปกป้องหมู่บ้านและได้ช่วยชาวบ้านในช่วงสงคราม

หลินฟานหยุดและเหลือบไปที่แผ่นหินก่อนจะเดินต่อไป

เมื่อเข้ามาในวัด เห็นได้ชัดว่ามีคนมาสักการะเป็นจำนวนมาก

บางคนก็ดูเคร่งศาสนา บางคนก็พูดคุยหรือหัวเราะ… พวกเขาทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังวัดพู

ภายในวัดพูนั้นงดงามและมีบรรยากาศดีอย่างมาก

มีพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างใน และพระภิกษุหลายรูปนั่งอยู่ข้างใต้กำลังสวดมนต์พระไตรปิฎกและเคาะปลาไม้อยู่เป็นระยะๆ เสียงนี้ช่วยเพิ่มบรรยากาศและความลึกลับให้กับวัด

หลังจากที่หลายคนได้ไหว้ครบสามครั้งแล้ว พวกเขาก็เอาธูปไปปักลงในกระถางธูปขนาดใหญ่

ฉิวจือเฉียนและหวงหลิงก็ซื้อธูปสูงและมาถึงยังหน้ากระถางธูปแล้ว

และตอนนั้นเอง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านข้าง

“หลินฟาน?”

หลินฟานค่อยๆหันกลับมา เขาแปลกใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ซุนลูกั่ว ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอนายที่นี่”

เขาคือซุนลูกั่ว ผู้ที่แพ้การแข่งรถให้กับหลินฟาน เขาเคยเอาเห็ดหลินจือร้อยปีมามอบให้แก่หลินฟานด้วย

ซุนลูกั่วยิ้มแล้วพูด “ฉันเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน!”

ทันใดนั้น สาวสวยที่ควงแขนของซุนลูกั่วอยู่ก็พูดขึ้นมา “ซุนลูกั่ว คนนี่คือ…”

“อ๋อ เขาคือหลินฟาน ที่ฉันบอกเธอครั้งก่อนไง ที่เล่นหมากรุกเก่งๆน่ะ” ซุนลูกั่วแนะนำ “หลินฟาน นี่คือแฟนของฉัน ฟ่านเหวินเซียง”

ฟ่านเหวินเซียงมองประเมินหลินฟานหลินฟานจากบนลงล่างดูอย่างสนใจ

“งั้นคุณก็คือหลินฟานคนนั้น? ลูกั่วมักจะพูดถึงคุณให้ฉันฟังอยู่บ่อยๆ” ฟ่านเหวินเซียงยิ้ม

หลินฟานยิ้มแล้วพูดว่า “สวัสดี ฉันชื่อหลินฟาน”

หลังจากหยุดชั่วคราว เขาก็เตรียมที่จะแนะนำฉิวจือเฉียนกับหวงหลิง

แต่หลังจากคิดอยู่สักพัก หลินฟานก็ไม่รู้ว่าจะแนะนำพวกเธอยังไงดี

เป็นไปได้ไหมที่จะบอกว่าพวกเธอทั้งสองคนเป็นแฟนของตัวเอง?

ฉิวจือเฉียนและหวงหลิงเองก็ดูเหมือนจะรู้ถึงความลำบากใจของหลินฟานเช่นกัน

ดังนั้นพวกเธอจึงริเริ่มแนะนำตัวเอง

“ฉันเป็นเพื่อนของหลินฟาน ชื่อหวงหลิง”

“ฉันฉิวจือเฉียน”

เมื่อพวกเธอแนะนำตัวเสร็จ บรรยากาศก็เริ่มอึดอัดขึ้นมา

แต่หลังจากเปิดหัวข้อพูดคุยอื่นๆ ทุกคนก็เริ่มพูดคุยและหัวเราะไปด้วยกัน บรรยากาศก็ผ่อนคลายและน่ารื่นรมย์ขึ้นมาก

ด้านข้างของวัดพู มีทางเดินยาวๆและเต็มไปด้วยการ์ดคำอวยพรต่างๆที่เขียนโดยนักท่องเที่ยวมากมาย

พวกของหลินฟานก็ซื้อการ์ดความปรารถนาและเขียนความปรารถนาของเช่นกัน

ฉิวจือเฉียน: ขอให้คนที่ฉันรักและคนที่รักฉันมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย!

หวงหลิง: ขอให้เราทุกคนมีความสุข!

หลินฟาน ถือปากกาแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเขียนประโยคที่ว่า: ขอให้ทุกคนอยู่ด้วยกันตลอดไปและเจริญรุ่งเรืองขึ้นกว่านี้อีกหลายพันเท่า!

สง่างามและเรียบง่าย!

ตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงคนพูดขึ้นมาข้างๆเขา “เขียนได้ดี!”