บทที่ 332 ไม่ใช่นั้นก็ให้ดูหน้าเจ้า

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 332 ไม่ใช่นั้นก็ให้ดูหน้าเจ้า
“เวินเส้าหยี?”

ผู้ชายคนนั้นไม่ได้หลอกได้ง่ายๆ

“พวกเขามีกี่คน?” กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม

“แค่เขาคนเดียวขอรับ”

คนเดียว? งั้นก็ยังดีหน่อย “เจ้าพาพวกเขาออกไปก่อนละกัน”

“นายหญิง เช่นนั้นท่านล่ะ”

“ตัวเข้าเองมีวิธี ฝูกวง เจ้าเปิดตาให้สว่างหน่อย หากไม่มีคนสะกดรอยตามพวกเจ้า พวกเจ้าก็เดินไปทางพื้นที่ราบระหว่างภูเขาทางทิศตะวันออก เพียงแค่พวกเจ้าไปถึงพื้นที่ราบระหว่างภูเขาทางทิศตะวันออกพวกเจ้าก็จะปลอดภัยแล้ว”

เย่จิ่งหานอยู่ตรงพื้นที่ราบระหว่างภูเขาทางทิศตะวันตก ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถล่อศัตรูที่แข็งแกร่งเข้าไปได้ แม้ว่าจะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่ไม่ได้สำคัญก็ตาม

ที่ราบระหว่างภูเขาทางด้านตะวันออก มีองครักษ์ลับของเขาอยู่ป้องกันเล็กน้อย น่าจะดีกว่าหน่อย

“แม่นางกู้ ไม่เช่นนั้นให้ข้าไปล่อพวกเขาออกไปจะดีกว่า อายุข้าปูนนี้ ร่างกายก็ใกล้จะดับมอดแล้ว ชีวิตต้อยต่ำชีวิตหนึ่ง ไม่คุ้ม……”

“ข้าไป”

เย่เฟิงดิ้นรนขึ้นมา แค่เขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย เลือดก็ไหลออกมาอีกแล้ว

ฝูกวงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง อยากขอร้องไห้กู้ชูหน่วนให้เขาไป

กู้ชูหน่วนแบะปาก “พวกเจ้าเลิกคิดเถอะ แม้ว่าจะรวมพวกเราสี่คนเข้าด้วยกัน ก็สู้นิ้วมือเดียวของเขาไม่ได้ ที่ต้องอาศัยตอนนี้คือแรงสมอง ไม่ใช่วิทยายุทธ หากพวกเจ้ายังเห็นว่าข้าเป็นเพื่อน ก็ทำตามที่ข้าบอก อย่าทำให้ข้าว่อกแว่ก”

ฝูกวงขมวดคิ้ว กวาดตามองทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้าที่สูงและอันตรายรอบหนึ่ง แล้วมองดูกู้ชูหน่วนที่ดูสงบละมั่นใจเต็มเปี่ยมแวบหนึ่ง ในที่สุดก็รับคำสั่ง

สู้เวินเส้าหยีไม่ได้ เขาทำได้เพียงพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ไม่ทำให้นายหญิงต้องคอยพะวงหลัง

“นายหญิงวางใจได้ ข้าจะพาพวกเขาไปยังที่ราบระหว่างภูเขาอย่างปลอดภัยแน่นอน และค่อยพาออกจากทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้า”

“เสี่ยวฝูกวงว่านอนสอนง่ายจริงๆ”

กู้ชูหน่วนหยิกแก้มอันใสสะอาดของเขา สูดหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง วิ่งไปข้างหน้า

ฝูกวงและคนอื่นๆมองดูเงาหลังของนางด้วยความกังวล ไม่รู้จริงๆว่านางจะออกไปจากร่างของนายน้อยหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่นอย่างปลอดภัยได้อย่างไร

“ไปเถอะ”

ฝูกวงแบกเย่เฟิง เอ่ยถาม “ฮูหยิน ท่านยังทนไหวหรือไม่?”

“ทน……ทนไหว”

แม้ว่าจะทนไม่ไหว นางก็จะพยายามอดทนต่อไป

เย่เฟิงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร ดวงตาคู่นั้นไม่เปล่งประกายเหมือนที่ผ่านมา นิ่งเงียบจนทำให้คนหวาดกลัว

ไม่มีใครรู้ว่าเย่เฟิงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่แววตาของเขาต่างจากไปจากเมื่อก่อนมาก

อีกด้านหนึ่งของภูเขาน้ำเต้า

กู้ชูหน่วนเอนพิงบนกำแพงหิน มือทั้งคู่กอดอก ผิวปากอย่างเกียจคร้านอยู่บ่อยๆ ด้วยท่าทางอิสระสบายใจ

เวินเส้าหยีสวมชุดสีขาวทั้งตัว ไม่เปื้อนฝุ่นสักน้อย ราวกับเทพเซียนที่เพิ่งจะลงมายังโลก เป็นผู้มีความสามารถสูงล้ำ ลึกลับมหัศจรรย์ ทุกช่วงการเคลื่อนไหวล้วนสง่างามยากที่จะอธิบาย

เขาสวมหน้ากากผีเสื้ออันหนึ่ง มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ราศีของเขาโดดเด่น ผมสีหมึกทั้งศีรษะของเขาใช้เพียงผ้าไหมสีขาวเส้นหนึ่งผูกไว้อย่างหลวมๆ ลมอ่อนพัดพา ผมสีหมึกพลิ้วไหว งดงามเกินคนธรรมดา

กู้ชูหน่วนผิวปากทีหนึ่ง สังเกตดูเขาอย่างละเอียดทั้งตัวด้วยสายตาที่ไม่มีการปิดบัง ยิ้มแล้วกล่าวหยอกล้อ “สุดหล่อ เราเจอกันอีกแล้ว ช่างบังเอิญจริงๆ”

เวินเส้าหยีเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย มุมปากมีรอยยิ้มจางๆ

เขาสังเกตดูกู้ชูหน่วนอย่างละเอียดนิดหน่อย

ทั้งตัวของกู้ชูหน่วนสวมเสื้อผ้าหลวมและใหญ่ของฉีโส่วเผ่าปีศาจ ทำให้รูปร่างโค้งเว้าวิจิตรสวยงามน่ามองถูกกลืนหายไป

บนหน้าของนางไม่ได้สวมหน้ากากหัวกะโหลก ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาบนสวรรค์จุติบนโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน

โดยเฉพาะรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง สดใส ไร้พิษสง บริสุทธิ์ เหมาะสมกับใบหน้าที่งดงามจนพลิกฟ้าล้มแผ่นดินได้ของนาง ไม่ว่าผู้ใดมองแล้วก็ล้วนสบายใจเป็นอย่างมาก

แต่เขารู้ กู้ชูหน่วนไม่ได้ไร้พิษสง บริสุทธิ์เหมือนรูปภายนอกนั่น

กลับกัน นางใจดำมาก เจ้าเล่ห์ หน้าเนื้อใจเสือ

“บังเอิญมากจริงๆ”

เสียงของเวินเส้าหยีนุ่มนวลน่าฟัง มีความนัย

คนอื่นไม่อยู่ในเหตุการณ์ ก็ราวกับว่าคาดเดาได้ล่วงหน้าแล้ว

“ในเมื่อเรามีวาสนากันเช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าถอดหน้ากาก ให้ข้าดูว่าหน้าตาเจ้าหล่อเหลาน่าดูหรือไม่จะดีกว่า”

“เหอะ……เจ้าหลอกบรรดาลูกน้องทุกคนของข้าจนหัวหมุน ยังจะกล้าให้ข้าถอดหน้ากากอีกรึ?”