ตอนที่ 38 มันไม่ใช่ความผิดของคุณ เข้าใจไหม?

The rise of the white lotus

ตอนที่38 มันไม่ใช่ความผิดของคุณ เข้าใจไหม?

 

เล็กซี่และอีธานถูกโยนเข้าไปในรถตู้ว่างอีกคันจากมุมที่จอดรถกว้างเหมือนกระเป๋าสัมภาระ เห็นได้ชัดว่ามือทั้งสองข้างถูกมัดไว้ข้างหลังและเท้าของพวกเขาเช่นกัน

 

“รูดซิปปากของคุณ ถ้าอยากกลับไปอย่างปลอดภัย ” ชายคนหนึ่งที่ปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งด้วยผ้าสีดำเตือนพวกเขา ดวงตาของเขาคล้ายกับสัตว์ร้ายที่มีการเคลื่อนไหวผิดแปลก แน่นอนเขาจะทําอะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่ได้คาดคิดได้แน่ๆ

 

เมื่อเห็นว่าอีธานและเล็กซี่เชื่อฟัง เขาก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะปิดประตูรถตู้

 

 

ก่อนหน้านี้เมื่อเล็กซี่และอีธานเห็นฉากที่น่าสะเทือนใจ อีธานก็ตะโกนให้เธอเข้าไปในรถ อนิจจาเล็กซี่ตกใจเกินไปและดูเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้างเธอในช่วงเวลาสั้นๆนี้ เธอพบว่ามันยากที่จะหากุญแจของเธอ แม้ว่ากระเป๋าถือที่หรูหราจะมีขนาดเล็กก็ตาม

 

ดังนั้นในขณะที่เธอคว้ากุญแจของเธอได้ ทั้งสองคนก็พุ่งเข้าใส่อีธาน เขาพยายามรั้งพวกเขาไว้ด้วยการต่อสู้กลับ แต่เนื่องจากพวกเขาทั้งสามคนเขาจึงมีกำลังเหนือกว่า

 

 

เมื่อพวกเขาปราบอีธานได้สำเร็จภายในไม่กี่วินาที ชายคนหนึ่งก็กระโดดข้ามไปหาเล็กซี่ที่กำลังตื่นตระหนกเพื่อปลดล็อกรถของเธอ ดังนั้นก่อนที่เธอจะหลบหนี เล็กซี่ก็ถูกชายคนนั้นจับตัวได้แล้ว

 

—-

 

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นทั้งคู่ก็จบลงด้วยการเป็นตัวประกันในรถตู้คันเล็กนี่ หากสิ่งใดที่พวกเขาสามารถขอบคุณได้ก็คือนอกเหนือจากการต่อยเพียงไม่กี่ครั้งที่อีธานได้รับจากการตอบโต้ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขาอีก

 

อีธานมองไปที่เล็กซี่ เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้พวกเขาง้องอนและทะเลาะกันเล็กน้อยซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาเกือบจะคืนดีกันได้แล้ว อย่างไรก็ตามมันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? พวกเขาถูกมัดไว้ในรถตู้คันเล็ก? ไม่ คำถามคือคนเหล่านี้เป็นใครกัน? และจุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร?

 

 

เนื่องจากรถตู้ที่พวกเขาอยู่นั้น อยู่ในมุมของลานจอดรถขนาดใหญ่ที่แสงค่อนข้างสลัวจากด้านนอก ซึ่งทำให้ภายในรถตู้มืดขึ้นไปอีก แม้ว่าเล็กซี่จะกลัว แต่เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังต่อสู้กับความกลัวนั้นและไม่ปล่อยให้มันครอบงำเธออีก

 

” คุณ … ” อีธานอยากถามเธอว่าเธอสบายดีหรือเปล่า อนิจจาก่อนที่เขาจะถามออกไป เขาก็รู้ว่ามันโง่แค่ไหน ในอีกด้านหนึ่งเล็กซี่รู้สึกได้ว่าไหล่ของเธอสั่นเริ่มไม่สามารถควบคุมได้ มือและนิ้วเท้าของเธอค่อยๆรู้สึกเย็นและเม็ดเหงื่อเริ่มก่อตัวบนหน้าผากของเธอ แต่เธอต้องการที่จะขจัดมันออกจากหัวของเธอให้ได้

 

 

“ มันเป็นความผิดของฉันเอง…ฉันขอโทษ” เล็กซี่พึมพำนึกถึงการกระทำก่อนหน้านี้ของเธออย่างสะเพร่า เธอพบว่ามันน่าหัวเราะจริงๆ  เห็นได้ชัดเลยว่าเธอควบคุมสถาณการณ์ไม่ได้

 

“ไม่ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ” อีธานคิ้วขมวด เมื่อความกังวลถุกฉาดชัดไปทั่วดวงตาของเขา แม้ว่าเขาจะชอบแกล้งเล็กซี่ และเห็นท่าทางที่แตกต่างของเธอ แต่เขาก็ไม่เคยต้องการเห็นแบบนี้ เขาขยับมือที่ถูกมัดไว้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีประโยชน์ มันถูกเชือกมัดอย่างแน่นหนา แน่นอนว่าพวกนั้นเป็นมืออาชีพและจะไม่ปล่อยให้เกิดความผิดพลาดอีกโดยให้โอกาสพวกเขาหลบหนี

 

เขารู้สึกหมดหนทางขึ้นมา อีธานกัดฟันขยับเข้าไปหาเล็กซี่ด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อพินิจพิเคราะห์ใบหน้าที่สับสนของเธอ เขาก้เรียกด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและอดทน

 

“เฮ้ มองมาที่ผมสิ “

 

ถึงอย่างนั้น เล็กซี่ราวกับติดอยู่ในภวังค์กับคำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอเองโดยไม่สนใจเขา ดังนั้นอีธานจึงพยายามดึงเธอกลับมาสู่ความเป็นจริง ขณะที่น้ำเสียงของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาเรียกเธอ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ

 

“ เฮ้ คุณหนูหยาง? เล็กซี่!”

 

ด้วยการเรียกครั้งสุดท้ายของเขาในที่สุดเล็กซี่ก็หลุดจากภวังค์ได้ ดวงตาที่สับสนของเธอก็เงยขึ้นมาสบตากับเขา เธอไม่คิดมากเกี่ยวกับการที่อีธานเรียกชื่อของเธอแม้จะอยู่ไกลกันก็ตาม

 

เธอรู้สึกกลัว แม้ว่าเธออยากจะคงความสุขุมไว้ แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้…มันยากเกินไปสำหรับเธอที่จะแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้สึกอะไร มันทำให้เธอนึกถึงอดีตวัยเด็กอันมืดมน ที่ไม่ว่าจะพยายามลืมแค่ไหนก็ลืมไม่ลง

 

แม้จะมืดไปสักหน่อย แต่อีธานก็สามารถมองเห็นน้ำตาที่ก่อตัวขึ้นที่มุมหัวตาของเธอได้อย่างชัดเจนราวกับว่าถ้ามีอะไรไปกระตุ้นก็คงตกลงมาอย่างง่ายดาย

 

” มันไม่ใช่ความผิดของคุณ เข้าใจไหม? นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย ” เขาพูดซ้ำๆ อย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

 

“ถ้าฉันไม่ไปที่ลานจอดรถ … เราจะไม่อยู่ที่นี่ ” ด้วยเหตุผลบางอย่าง เล็กซี่มองเห็นแต่ความผิดพลาดของเธอ เธอเสริม “ ถ้าแค่ฉันไม่เดินออกไป -”

 

” จิ๊ ” อีธานเดาะลิ้นของเขา ซึ่งหยุดเล็กซี่จากการโทษตัวเอง “ หากเพียงผมไม่ได้แกล้งคุณจนเกินไป คุณคงไม่หนีออกมา หากผมไม่กวนประสาทคุณตลอด คุณคงไม่มาติดอยู่ที่นี่ ดังนั้นมันเป็นความผิดของผมตั้งแต่แรก ”

 

การยอมรับความผิดของเขาในสถาณการณ์แบบนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรมันทำให้ริมฝีปากของเธอหยักยิ้มขึ้นเล็กน้อย ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกัน แต่พวกเขาจ้องมองซึ่งกันและกันภายใต้แสงไฟสลัวที่พาดผ่านทางหน้าต่าง

 

” พรึ–” เมื่อตระหนักถึงคำพูดและการไตร่ตรองเล็กๆน้อยๆของพวกเขา ทั้งคู่จึงหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นพวกเขาก็เงียบลงเมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก

 

เวรเอ้ย! พวกแกทำงานพลาดได้ยังไง?! แกปล่อยให้โดนจับได้คาหนังคาเขา แล้วตอนนี้ยังกักขังพวกเขาไว้อีก แม่ง! พวกเราตายแน่…จบสิ้นแล้ว!