ตอนที่ 1424 ซักอักขระเทวะ

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1424 ซักอักขระเทวะ โดย Ink Stone_Fantasy

คู่นิ้วมือของเย่หยวนสั่นกระตุกเล็กน้อย สองมือที่ไป๋เฉินจับทวนยาวถูกปัดซัดกระเด็นออกไปโดยตรง เห็นเพียงทวนยาวควงเคว้งกลางอากาศลังกาทีสองที เย่หยวนก็รับทวนยาวอย่างเบามือ

“แม้ข้าจะไม่เคยศึกษาศาสตร์แห่งทวนมาก่อน แต่เต๋าที่แท้จริงคือทุกศาสตร์เส้นทางมุ่งสู่เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นข้าจะร่ายรำหนึ่งกระบวนทวน จงเฝ้าดูให้ดี!”

สุ้มเสียงเย่หยวนยังไม่ทันจางหาย รังศมีกลิ่นอายพลันแปรเปลี่ยนในทันใด พร้อมปราดแทงทวนยาวร่ายสะบัดออกมา สายตาของไป๋เฉินแลดูจริงจังขึ้นถนัดตาพร้อมจับจ้องทุกท่วงท่าของเย่หยวนอย่างตั้งอกตั้งใจ

เพลงทวนนี้แม้นไร้ชื่อกระบวนแต่กลับเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบระเบียบ กอปรบุ๋นบู้เข้าจังหวะทั้งความเร็วและพละกำลังผสานเป็นเนื้อเดียวสมบูรณ์แบบ ทว่าหากพินิจตั้งใจมองให้ดีที่แท้กลับเป็นเพลงทวนของไป๋เฉินฉบับปรับปรุงโดยเย่หยวนเสียมากกว่า! เพียงว่าขุมพลังของเพลงทวนนี้กลับแกร่งกล้าเสียยิ่งกว่าของเขานับหลายร้อยทวีเท่า!

บูมมม!

ทุกกระบวนร่ายรำหยุดลงทันใด ทั่วบริเวณสั่นสะเทือนรุนแรง แทรกสอดคลื่นพลังโถมกระจายสารทิศ

แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือ ทั่วทุกจุดที่ปลายหอกกรีดทำลายจนแตกละเอียดทิ้งร่องรอย ยามนี้กลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็วประดุจไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินดูตื่นตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ ขณะเอ่ยปากอุทานลั่นด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า       “นี่…เกิดอะไรขึ้นกัน?”

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “วิถีแห่งสวรรค์ มากเกินคือลดทอน น้อยไปคือชดเชย เพลงทวนหาใช่แต่ใช้กำลังเพื่อความแข็งแกร่ง อ่อนช้อยแต่ไม่งอ อ่อนโยนหาใช่อ่อนแอ ปรับกระบวนหยิบใช้ตามสถานการณ์ ทว่าเพลงทวนของเจ้ามีแต่พละกำลัง ยึดตามหลักกฎเกณฑ์มากเกินไปปราศจากความยืดหยุน เพลงทวนแตกสะบั้นต่อหน้าข้านับว่าประสบการณ์ แต่หากต่อหน้าคนอื่นเท่ากับตาย! ปฏิเสธไม่ได้ว่าขุมพลังแห่งทวนคือพละกำลังอันดุดัน แต่หากถูกศัตรูตีประชิดปิดวงโจมตี นั้นจะไร้ซึ่งพิษสงไปโดยปริยายจนไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป เมื่อใดที่เจ้าเข้าใจคำว่า มากเกินคือลดทอนน้อยไปคือชดเชยได้อย่างถ่องแท้ ยามนั้นเพลงทวนของเจ้าจักชดช้อยงดงามและแข็งแกร่งไร้เทียมทาน! ถูกตีประชิดพร้อมรับกระบวน ถูกผลักไสเว้นระยะเข้าทางเตรียมพิฆาต! จงเพียรฝึกฝนด้วยสติรู้คิดตลอดเวลา!”

ไป๋เฉินที่ยังฟังดังนั้นคล้ายยังดูงุนงงพลางเอ่ยถามขึ้นว่า “แต่…หากผสมพลังบุ๋นอ่อนโยนลงไปหนึ่งส่วน หาใช่ว่าเพลงทวนจะสูญเสียความแข็งแกร่งไปหนึ่งส่วนหรอกรึ?”

เย่หยวนส่ายหัวและกล่าวว่า “ตอนนี้ขอบเขตความเข้าใจของเจ้ายังคล้ายกับเส้นผมบังภูเขา ที่เหล็กกล้าแกร่งหาใช่โลหะล้วนแต่มีธาตุอื่นเจือผสมอยู่หนึ่งส่วน ความแข็งแกร่งที่หายไปหนึ่งส่วน กลับถูกความแกร่งกล้าเติมเต็มมากกว่าหนึ่งส่วน นั่นแหละคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง! เอาล่ะ ข้าจักแสดงให้เจ้าดูอีกครั้ง แล้วเจ้าจงตอบว่ามันแข็งแกร่งหรือไม่!”

เย่หยวนยังคงร่ายเพลงทวนเหมือนเดิมทุกอย่างอีกครั้งซ้ำสอง ทว่ารัศมีกลิ่นอายกลับมิได้รั้งรอออมือแม้แต่น้อย! ไป๋เฉินเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของเพลงทวนไม่วางตา ถึงขั้นที่ว่าทั่วกายาของเขาสั่นเทาโดยมิตั้งใจ

ในคราแรกที่เย่หยวนยังไม่ได้อธิบายชี้จุดให้เห็น ซึ่งไป๋เฉินยังคงมิได้สังเกตอันใด ทว่าคราวนี้มีคำใบ้คลำเส้นทางพอจับจุดได้ รายละเอียดยิบย่อยมากมายเผยให้เห็นตลอดทาง แถมเกินกว่าที่เย่หยวนอธิบายไปด้วยซ้ำ ไป๋เฉินเห็นสิ่งที่        เย่หยวนต้องการจะสื่อได้อย่างชัดเจน! เห็นได้ชัดว่า ท่านอาจารย์เย่หาได้ใส่แรงทั้งหมดไปกับทุกท่วงท่ากระบวนทวน แต่กลับมีลูกล่อลูกชน เพิ่มลดความเร็วตามวิถีเหวี่ยงให้เหมาะสมและสมดุล!

เมื่อควบคุมได้อย่างไหลลื่น ประดุจว่าคมทวนอันโอนอ่อนกำลังพัดผ่านไหลตามห้วงเวหานภากาศตามใจนึกความรู้สึกเช่นนี้ช่างแปลกประหลาดสุดจะบรรยายนัก

บูมมม!

ทั่วทุกพื้นที่เกิดเป็นรอยแตกเร้นแฝงพลานุภาพทำลายล้างอย่างเปี่ยมล้น เผลอแค่แวบเดียว กลับสร้างพลังทำลายล้างได้รุนแรงปานนี้! ช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!

ไป๋เฉินมั่นใจยิ่งว่า ขอบเขตความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งทวนของเขา ควรจะใกล้เคียงกับศาสตร์แห่งดาบของท่านอาจารย์เย่ แต่เมื่อเห็นเพลงทวนนี้ เขาก็ทราบทันทีว่ายังห่างชั้นไปหลายสิบขุมนัก! หากไป๋เฉินสามารถสำแดงใช้เพลงทวนระดับนี้ได้ เขาจะสามารถสังหารเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางได้อย่างง่ายดาย!

“พอเข้าใจแล้วรึยัง?” เย่หยวนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

ไป๋เฉินส่ายหัวเอ่ยตอบว่า “ข้า…ข้าทำไม่ได้!”

เย่หยวนรู้สึกใจชื้นขึ้นมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวขึ้นรวนหัวเราะไปพลาง

“หากเจ้าทำได้แล้วข้าจะสอนเจ้าไปเพื่ออันใด? จงสลักจำไว้ แข็งไปก็แค่ลด อ่อนไปก็แค่เพิ่มเท่านั้น ผสานรวมความแกร่งกร้าวและโอยอ่อนให้สมดุล นี่แหละคือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด! จงจำเพลงทวนเมื่อครู่ให้ขึ้นใจและเพียรฝึกฝนให้หนัก สักวันเจ้าจะเข้าใจอย่างถ่องแท้แน่นอน!”

ไป๋เฉินพยักหน้าตอบ สีหน้าแววตาในยามนี้เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น เขากล่าวขึ้นว่า “ท่านอาจารย์เย่ ศิษย์คนนี้เข้าใจแล้ว ขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับคำชี้แนะ!”

เย่หยวนพยักหน้าตอบเล็กน้อย เขาตระหนักแล้วว่าไป๋เฉินในตอนนี้เข้าใจสิ่งที่เขากำลังสื่อไปแล้วจริงๆ ไม่มีเส้นทางลัดสำหรับการบ่มเพาะฝึกฝน ราคาจ่ายด้วยหยาดเหงื่อย่อมทรงคุณค่ากว่าวิธีอื่นอย่างหาเปรียบมิได้ แต่สิ่งที่เย่หยวนกำลังชี้แนะทิศทางให้แก่ไป๋เฉิน คือเขาต้องการจะช่วยไป๋เฉินย่นระยะเวลาที่ไม่จำเป็นออกไป ดั่งประภาคารส่องแสงชี้ทางกลางห้วงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เพื่อช่วยให้ไป๋เฉินไปถึงจุดหมายได้ไวขึ้น

คำกล่าวของเย่หยวนแม้ฟังดูเรียบง่าย แต่กลับต้องใช้ระยะเวลาฝึกฝนนอย่างขมขื่นนานหลายปี และไป๋เฉินก็เข้าใจดีว่า เส้นทางของเขาที่ต้องก้าวเดินยังคงอีกยาวไกลนัก อย่างไรก็ตามแต่ พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวของไป๋เฉินก็นับว่ายอดเยี่ยมมาก ไม่น่าแปลกใจที่ไหนเลยไป๋เย่ไห่ถึงเลือกเขาให้ขึ้นเป็นนายน้อยเตรียมรับสืบทอดตำแหน่งต่อไป

เมื่อพิจารณาให้ดี ยามนี้เป็นเพียงเรื่องของระยะเวลาแล้ว ในภายภาคหน้าไป๋เฉินจะเหนือชั้นเสียยิ่งกว่าเหล่าพี่ชายของเขาทุกคน

“ทะ-ท่านอาจารย์เย่…ท่านคงกำลังตามหาบางสิ่งโดยต้องการให้ข้าช่วยใช่หรือไม่?”

ทั้งสองตรงออกมานั่งพักผ่อน ณ ศาลาเรือนน้อยแห่งหนึ่ง เห็นประสบโอกาสเหมาะไป๋เฉินจึงรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไปตามตรง

เย่หยวนเองก็ไม่มีเจตนาปิดบังอันใด เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “เรื่องตัวตนของข้า เชื่อว่าเจ้าเองคงรู้อยู่แล้วจริงไหม?”

สีหน้าของไป๋เฉินแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยามนี้เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดและเอ่ยถามอย่างฉงนใจว่า

“ตัวตนของท่าน? มิใช่ว่าเป็นท่านอาจารย์ของข้าหรอกรึ? แล้วก็เป็นผู้อาวุโสสูงสุดแห่งวังเทวะรัตติกาลฉายด้วย?”

เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า “เจ้ายังกล้าเล่นลูกไม้เด็กน้อยต่อหน้าข้า? โอสถที่เคยให้ไป ต่อให้เจ้าไม่รู้จักแต่เป็นไปได้รึ โม่หยุนจะไม่รู้จักเช่นกัน?”

ใบหน้าของไป๋เฉินเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงก่ำ เขารู้สึกอับอายอย่างหาที่เปรียบไม่ และไม่คิดเลยว่าเย่หยวนจะรู้ทุกอย่างตั้งแต่แรกสุดแล้ว

“ท่านอาจารย์ข้า เอ่อ..ข้า…”

เย่หยวนยกมือหยุดไป๋เฉินเล็กน้อย เชิงสัญลักษณ์คล้ายว่าไม่จำเป็นต้องกล่าวต่อ ทันใดนั้นสีหน้าการแสดงออกของเขาพลันดูเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน พร้อมเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นชืดขึ้นว่า “แท้ที่จริงแล้ว เป้าหมายที่ข้าเดินทางมายังดินแดนนภาบรรพตนั้นง่ายมาก ทั้งหมดก็เพื่อเสาะหาศิลาชีวิตนิจนิรันดร์! และข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง!”

สีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินเปลี่ยนไปอย่างมาก กลิ่นอายอันทรงพลังที่ปลดปล่อยออกจากร่างเย่หยวนมันเข้าบดขยี้ตัวเขาจนแทบหายใจหายคอไม่ออก

“ท่านอาจารย์เย่โปรดใจเย็นลงก่อน! ภายในวังเทวะรัตติกาลฉายไม่มีศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ที่ว่า!” ไป๋เฉินกล่าวอย่างลนลาน

เย่หยวนถอดถอนกลิ่นอายที่เข้ากดดันอีกฝ่าบออกมาและกล่าวถามว่า “หรือเป็นไปได้ไหมว่า ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์จะอยู่ภายใต้การดูแลของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์?”

ไป๋เฉินพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวขึ้นว่า “ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์นับเป็นขุมพลังแห่งนิรันดร์ของเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้า แม้แต่ยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ายังต้องตาหมายปอง! ฟังว่าศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ทั้งหมดถูกเก็บรักษาอยู่ในวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ ทอดสายตาเสาะหาทั่วทั้งดินแดนนภาบรรพต ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์มีจำนวนน้อยมาก จึงเป็นสมบัติฟ้าดินที่หายากมากโดยธรรมชาติ”

เมื่อได้ฟังดังนั้น เย่หยวนพลันรู้สึกปวดเศียรทันควัน ในแต่ละวันที่เลยผ่าน เขามิอาจล่าช้าได้อีกต่อไป เพราะปัจจุบัน จิตใต้สำนึกในจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมู่หลินเสวียค่อยๆ หลั่งไหลออกไปทีละเล็กละน้อยแล้ว! เดิมทีเย่หยวนเคยคิดว่าภายในวังเทวะรัตติกาลฉายซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลยักษ์ใหญ่แห่งดินแดนนภาบรรพตจะมีศิลาชีวิตนิจนิรันดร์สักชิ้นเก็บรักษาอยู่ แต่คาดไม่ถึงเลยว่า มันจะเป็นของหายากปานนี้

ไป๋เฉินมึนงงอย่างมากเมื่อเห็นท่าทีอันเศร้าหมองของเย่หยวน เช่นนั้นจึงเอ่ยปากถามอย่างระมัดระวังว่า                      “เอ่อ…ท่านอาจารย์เย่ ข้าพอทราบว่าท่านมิได้ต้องการแค่ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง ผลเก้าทำนองกายาอมตะ และแร่ทรายม่วงทอง แต่ไฉนท่านต้องการเพียงหนึ่งในสามอย่างนี้เท่านั้น?”

เย่หยวนถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวว่า “ข้ามิได้เสาะหาศิลาชีวิตนิจนิรันดร์เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ แต่ข้ามีจุดประสงค์อื่นสำหรับช่วยชีวิตสหายของข้า ดังนั้นแล้ว…เพื่อศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ ต่อให้ต้องจ่ายด้วยอะไรข้าก็ยอมทั้งนั้น!”

ไป๋เฉินประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำตอบ ปรากฏว่ามันมิใช่อย่างที่เขาคิดไว้เลย ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ไฉนตอนที่เย่หยวนได้รับผลเก้าทำนองกายาอมตะไป เขาถึงดูมิได้ตื่นเต้นดีใจเท่าไหร่นัก เพียงรับมาและเก็บเอาไว้โดยแทบไม่เหลียวมอง ดูเหมือนว่า กว่าที่ท่านอาจารย์มายืนอยู่ตรงนี้ได้ท่าจะมีเรื่องราวความเป็นมาไม่น้อยเช่นกัน!

‘ท่านอาจารย์เย่ไม่เพียงช่วยชีวิตข้า แต่ยังมอบชีวิตใหม่ให้แก่ไป๋เฉินคนนี้อีก! บุณคุณที่ท่านมีต่อข้าช่างมากมายมหาศาลเกินตอบแทนแม้นตายเกิดนับสิบรอบ! ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์มีความสำคัญต่อท่านอาจารย์อย่างมาก ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องช่วยเขาให้ได้มันมา!’ ไป๋เฉินตัดสินใจได้ทันทีอย่างไม่ต้องคิดไตร่ตรองใดๆ ให้มากความนัก

“ท่านอาจารย์เย่ หากท่านต้องการศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ย่อมมีโอกาส แต่เกรงว่า…ยังต้องรอไปอีกสิบปี!” ไป๋เฉินกล่าว

ดวงตาของเย่หยวนสว่างไสวขึ้นทันใดและกล่าวขึ้นว่า “พูดมา!”

ไป๋เฉินเร่งอธิบายทันทีว่า “หลังจากนี้อีกสิบปี วังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์จะมีพิธีเปิดซากอักขระเทวะขึ้น! ซึ่งศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ล้วนถูกผลิตขึ้นจากภายในนั้น เพียงแต่ว่า…”

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ไป๋เฉินดูลังเลอยู่ครู่ใหญ่ เย่หยวนที่เห็นแบบนั้นก็เข้าใจได้ทันทีและยิ้มกล่าวว่า “ที่นั่นคงอันตรายมากใช่ไหม?”

ไป๋เฉินพยักหน้าและกล่าวต่ออย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ถูกต้องแล้ว! ภายในซากอักขระเทวะเปี่ยมล้นไปด้วยโชคดีมากมาย แต่ก็มีภัยอันตรายทุกหนแห่งเช่นกัน! นอกจากนี้เมื่อถึงเวลาดังกล่าว พวกเราเจ็ดวังเทวะแห่งดินแดนนภาบรรตจะเข้าร่วมพร้อมกันหมด ซึ่งนี่ยิ่งทวีความอันตรายเป็นหลายเท่าตัว”

เย่หยวนกล่าวตอบโดยหาได้สนใจเลยว่า “ข้าเคยกล่าวไปแล้ว ต่อให้ต้องจ่ายด้วยอะไรข้าก็ยอมทั้งนั้น!”

…………………………………