1/5

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep411. – รอฟ้ามืด

 

ฉินเฟิงกับซื่อฉิงสนทนากันอีกเล็กน้อย แต่ด้วยเวลาที่จำกัด และซื่อฉิงยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ การหารือของทั้งสองจึงจบลง

 

“ถ้ามีข้อมูลอะไรดีๆอีก นายสามารถติดต่อฉันได้โดยตรง คนเราก็อย่างนี้ล่ะนะ ยิ่งแข็งแกร่ง ความรับผิดชอบก็ยิ่งมาก ฉันหวังว่าจากนี้ไป นายจะไม่หย่อนยาน มุ่งมั่นขันแข็ง ยังคงตั้งใจทุ่มเททำงานหนักเหมือนเดิม”

 

ซื่อฉิงเป็นคนที่ชำนาญในการใช้คำจริงๆ บางทีอาจเป็นเพราะเขาคือตัวตนระดับสูงก็ได้ เวลาเอ่ยปาก ผู้คนเลยรู้สึกเหมือนกำลังถูกปลุกขวัญกำลังใจ

 

ความหมายจริงๆในประโยคของซื่อฉิงก็คือ เขาหวังว่าฉินเฟิงอย่าเพิ่งพักตอนนี้ แต่ให้ออกศึกต่อไป ช่วยเขารวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม

 

“รับทราบ ท่านนายพลซื่อ”

 

ฉินเฟิงมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีใครมาออกคำสั่งว่าต้องทำอะไร แต่หากฉินเฟิงสามารถตัดสินใจแบบนี้ได้ เกรงว่าทางฝั่งซื่อฉิงเองก็ไม่ต่างกัน ต่อให้ฉินเฟิงเสนออะไรไป ถ้าอีกฝ่ายคิดว่าไม่เหมาะสมหรือมีโอกาสเป็นไปได้น้อย เขาก็จะไม่ทำ

 

ฉินเฟิงเพิ่มหมายเลขสื่อสารของซื่อฉิง และทั้งสองก็แยกย้าย

 

ฉินเฟิงกลับไปที่โรงแรม ณ เวลานี้สมาชิกทหารรับจ้างเฟิงหลี ต่างได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของสงคราม

 

“ลูกพี่ เมื่อวานคุณกลับไปสำรวจในอาณาเขตที่ถูกพวกเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญายึดไปหรอ?”

 

“อืม เมื่อวานผมไปเล่นกับพวกมันนิดหน่อยแล้วกลับมา คิดว่าอีกสักพักทางพันธมิตรมนุษย์ก็น่าจะปล่อยวิดีโอออกมา แต่ผมจะอัพโหลดมันให้ทุกคนได้ดูกันก่อนเลย” ฉินเฟิงกล่าว

 

“ว่าไงนะ!” เจิ้งเฉียนตกใจ เธอไม่คาดคิดเลย ว่าเมื่อวานนี้ ฉินเฟิงจะลอบบุกเข้าสู้กับเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาอย่างกะทันหัน

 

“นิสัยของผมก็เป็นแบบนี้ ไม่ชอบอยู่เฉยๆเพื่อนั่งรอความตาย”

 

ฉินเฟิงคลิกลงบนอุปกรณ์สื่อสารสองสามครั้ง และโพสต์วิดีโอลงบนเครือข่ายนักสู้ ให้ใครๆก็สามารถรับชมได้

 

แน่นอน สมาชิกกองทหารรับจ้างเฟิงหลี คือคนกลุ่มแรกที่ได้รับข้อมูล

 

วิดีโอแรก ฉินเฟิงสังหารกริมกลุ่มเล็กๆ  พวกมันกำลังบินมุ่งตรงมายังทิศทางของสถานชุมชนที่ 3 อย่างไรก็ตาม บทสนทนาผ่านพลังสมาธิของพวกกริม ฉินเฟิงไม่คิดใส่ลงไปในวิดีโอ เพื่อป้องกันการเกิดความสับสน

 

ต่อมา ก็เกิดการซุ่มโจมตีขึ้น มันเป็นแค่การโจมตีสังหารง่ายๆ ให้ความรู้สึกราวกับเป็นตำราจำลองการสังหาร

 

ใช้อบิลิตี้มืดบดบังศัตรู ระเบิดอบิลิตี้ไฟ และใช้พละกำลังของผู้ใช้วรยุทธโบราณ

 

ฉินเฟิงสามารถสำแดงประสิทธิภาพการต่อสู้ได้อย่างน่าประทับใจ

 

ผลลัพธ์นี้ เกรงว่าต่อให้เป็นเลเวล C บางคน พวกเขาคงไม่อาจแสดงฝีมือให้ออกมาเหมือนกับในวิดีโอได้

 

ผู้คนรับชมการต่อสู้ของฉินเฟิง แม้การต่อสู้ในครั้งนี้ จะกินเวลานานกว่า 2 – 3 ชั่วโมง แต่พวกเขาไม่อาจละสายตาไปจากมันได้เลย ยังคงจดจ่ออย่างออกรส

 

รู้จักศัตรู รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!

 

ทุกคนต่างเริ่มเก็บเกี่ยวข้อมูล

 

ที่จริง เวลานี้ไม่ใช่แค่พวกของฉินเฟิง กระทั่งเล่ยหยิง พอทราบข่าว ก็เริ่มเปิดวิดีโอต่อสู้ดูบ้างเช่นกัน

 

แม้เจ้าตัวพอจะทราบถึงความน่าเกรงขามของเผ่ากริมอยู่ก่อนแล้ว แต่ที่นี่มีเลเวล B ประจำการอยู่ ดังนั้นเขาเลยวางใจ ยังไม่จากไปทันที อีกทั้งเวลานี้ เจ้าตัวได้ติดต่อเป็นพันธมิตรกันชั่วคราวกับพวกฮั่นเฉิงหมิงและคนอื่นๆแล้ว กลายเป็นทีมใหญ่ที่มีลูกน้องนับร้อยคน ปัจจุบันคอยซุ่มอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง

 

สีหน้าของพวกเขาในตอนนี้ เผยถึงความหนักอึ้ง

 

“เจ้าฉินเฟิงมันแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลยหรือ? ถ้าวัดจากพลังโจมตีที่ถูกทดสอบโดยตึกรับรองผู้ใช้พลัง หมัดธรรมดาของเขาจะเป็นตัวเลขมหาศาลถึงขนาดไหนกัน” เล่ายี่กล่าว ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย

 

ตอนแรกพวกเขาคิดจะสู้กับฉินเฟิง แต่ตอนนี้ เจ้าตัวได้ค้นพบแล้วว่า นั่นเป็นเพียงจิตนาการเพ้อพก

 

“ไม่รู้สิ แต่ที่รู้แน่ๆ คือไอ้พวกเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา มันน่ากลัวชะมัด” หวังเจี้ยนกล่าว

 

ช่วงเวลานั้น หวังเจี้ยนและคนอื่นๆก็ได้สู้กับเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญานิดๆหน่อยๆบ้างเหมือนกัน เลยสามารถเอ่ยได้ว่า เผ่าพันธุ์นี้มีโล่พลังงานติดตัว ขณะเดียวกัน ในด้านความแข็งแกร่งทางกายภาพก็ค่อนข้างสูง

 

“อย่ามัวแต่สนใจฉินเฟิงเลย พวกเราเน้นเก็บข้อมูลของเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญานี้กันก่อนเถอะ”

 

เล่ยหยิงขัดจังหวะสนทนา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เต็มใจยอมรับความแข็งแกร่งของฉินเฟิง

 

เพราะในวิดีโอดังกล่าว ประสิทธิภาพการรบของฉินเฟิง มันชวนให้ผู้คนตกตะลึง!

 

เนื่องจากเขาแข็งแกร่งเกินไป!

 

ดังนั้น ในฐานะศัตรู เล่ยหยิงจึงไม่ต้องการกล่าวถึงมัน ทั้งยังไม่อยากได้ยินอะไรที่เกี่ยวข้องกับฉินเฟิง

 

“เผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาพวกนี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก ตรงจุดนี้คล้ายๆกับพวกผู้ใช้ทักษะกายภาพจากฝั่งตะวันตก บนหน้าอกมีแก่นพลังงานฝังอยู่ บางทีนั่นอาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอวัยวะสำคัญสำหรับหล่อเลี้ยงชีวิตของพวกมัน แต่ที่น่ารำคาญที่สุดก็คือ พวกมันดันบินได้!” ดวงตาของเล่ยหยิงกลายเป็นมืดมน สักพักกล่าวว่า “พวกนายคิดว่ายังไง ถ้าจะใช้พิษโจมตี?”

 

ต้องขอชมว่าเล่ยหยิงวิเคราะห์ได้ตรงประเด็น

 

โล่พลังงานสามารถต้านทานอบิลิตี้และกระบวนท่าวรยุทธได้

 

แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันอากาศ หากอากาศสามารถเล็ดลอดเข้าไป นั่นหมายความว่าสามารถวางยาได้

 

แค่ยังไม่รู้ ว่าร่างกายของเผ่านพันธุ์ทรงภูมิปัญญาพวกนี้มีลักษณะเป็นอย่างไร และสมควรจะใช้พิษชนิดไหนถึงจะออกฤทธิ์ดีที่สุด!

 

ทั้งหมดจำเป็นต้องศึกษา หาข้อมูลเพิ่มเติม

 

ชั่วเวลานี้ เมื่อผู้คนได้ดูข้อมูลจากวิดีโอในเครือข่ายนักสู้ ทั้งหมดก็เริ่มกลายเป็นตื่นเต้น เกิดการหารือ , วิเคราะห์ และจิตนาการถึงวิธีสังหารใช้พิษพวกมัน

 

แต่เรื่องนี้ฉินเฟิงเองก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน

 

เพราะในชีวิตก่อนหน้า สถานชุมชนในเทือกเขาหลงฉวนถูกบุกเร็วเกินไป ไม่มีเวลาทันได้ทดลองอะไร เลยไม่รู้ว่าสารพิษชนิดใดส่งผลร้ายต่อเผ่ากริมได้ดีที่สุด

 

ถ้านำศพกลับมาให้ตรวจสอบได้จะเป็นการดีมากๆ แต่ฉินเฟิงดันลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย!

 

อย่างไรก็ตาม มันก็ใช่ว่าจะสายเกินไป

 

เนื่องจากถูกลอบโจมตี เลยไม่มีทางที่เผ่ากริมจะเร่งบุกโจมตีสถานชุมชนที่ 3 ในทันที พวกเขายังเหลือเวลาอยู่!

 

ฉินเฟิงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม โอบกอดไป๋หลี จมสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว

 

เขาไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ได้กังวลอะไรมากมาย ต่อให้สถานชุมชนที่ 3 ตกอยู่ในมือศัตรู ฉินเฟิงก็ไม่แปลกใจ หรือรู้สึกเสียใจใดๆอยู่ดี

 

เพราะอย่างไรเสีย สถานการณ์ในปัจจุบัน หากเทียบกับชีวิตก่อน ถือว่าดีกว่ามากแล้ว!

 

 

สี่ชั่วโมงต่อมา ฉินเฟิงนอนหลับเต็มอิ่ม เขาลุกจากเตียงโทรสั่งอาหาร แต่สักพักก็เริ่มรู้สึกตัว ว่าพนักงานของโรงแรมได้อพยพออกไปกันหมดแล้ว

 

ฉินเฟิงเลยพาไป๋หลีเดินลงไปชั้นล่าง ใช้ห้องครัวของโรงแรม เริ่มทำอาหารจานเด็ดด้วยตัวเอง

 

ก่อนเกิดใหม่ ชีวิตช่างแร้นแค้น แต่นั่นก็เป็นการเปิดโอกาสให้ฉินเฟิงได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆมากมายจนเชี่ยวชาญ การทำอาหารช่วยให้จิตใจสงบได้เป็นอย่างดี และอาหารถือเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ดังนั้นฉินเฟิงเลยตั้งใจเรียนรู้มัน

 

“หัวหน้า”

 

เฉินเซี่ยงตรงมาหยุดข้างฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว เขาก้มมองฉินเฟิงทำอหารอย่างสบายอารมณ์ แต่น้ำเสียงของตน บ่งบอกชัดว่าแทบอดรนทนไม่ไหว

 

“ทำไม? เกิดอะไรขึ้นหรอ?”

 

“พวกเราเพิ่งได้รับข้อความ ว่าพวกเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!”

 

นอกเหนือไปจากการตรวจสอบของฉินเฟิง สถานชุมชนหลงฉวนที่ 3 แน่นอนไม่คิดอยู่เฉยเช่นกัน โดรนสังเกตการณ์นับไม่ถ้วนถูกปล่อยออกมา

 

แต่ความเร็วในการบินของโดรนเชื่องช้ามาก ไม่เพียงมีโอกาสถูกพวกเผ่ากริมทำลายกลางทาง แต่ยังมีโอกาสโดนสัตว์ร้ายทำลายเช่นกัน

 

ดังนั้นการที่รายงานถูกส่งมาช้า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

“เห~ ที่ว่าเคลื่อนไหว หมายถึงตรงมายังสถานชุมชนที่ 3 ใช่ไหม” ฉินเฟิงถาม

 

“เอ่อ .. ดูจากทิศทางแล้วคิดว่าไม่น่าจะผิดพลาด เทียบกับสถานชุมชนที่ 4 แล้ว พวกเราอยู่ใกล้กว่า ดังนั้นมีโอกาสเป็นไปได้สูง ว่าที่นี่อาจกลายเป็นแนวหน้า อีกอย่างพวกมันมีปีก ย่อมเคลื่อนที่ได้เร็ว”

 

ฉินเฟิงพยักหน้า ตักอาหารใส่จาน จากนั้นก็วางมันลงบนโต๊ะ

 

ไป๋หลีเริ่มรับประทานด้วยความสุขใจ

 

เฉินเซี่ยงกล่าวอีกครั้ง “อ้างอิงตามความเร็วของพวกมัน คาดว่าวันมะรืนน่าจะมาถึงสถานชุมชนที่ 3 ที่ โชคยังดีที่พวกมันไม่ได้คิดเดินทางตลอดทั้งคืน”

 

ฉินเฟิงพยักหน้า “แล้วฝั่งพันธมิตรมนุษย์มีแผนการอะไรบ้าง?”

 

“ในตอนนี้ยังไม่มี”

 

คิ้วของฉินเฟิงเริ่มย่นเข้าหากัน

 

“นายพลซื่อไม่มีท่าทีว่าจะออกคำสั่งให้ซุ่มโจมตีเลยหรือ?”

 

เฉินเซี่ยงส่ายหัวอีกครั้ง “ไม่มี”

 

ก็อย่างที่บอกไป ต่างคนต่างความคิด ซื่อฉิงบังคังฉินเฟิงไม่ได้ เขาก็บังคับซื่อฉิงไม่ได้เช่นกัน

 

“เข้าใจแล้ว พวกเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาน่าจะหยุดพักกันตอนกลางคืนใช่ไหม งั้นฟ้ามืดเมื่อไหร่ ผมจะออกไปเล่นกับพวกมันเอง”

 

แม้ปากจะกล่าวว่าไปเล่น แต่ความหมายย่อมไม่พ้นเป็นการลอบโจมตีเผ่ากริม!