ตอนที่ 1465

War sovereign Soaring The Heavens

เขาคือต้วนหลิงเทียน!

 

ศิษย์ฝ่ายในคนนั้นคิดว่าศิษย์ฝ่ายนอกเบื้องหน้าจะต้องแตกตื่นลนลานแล้วเสียอีก เมื่อเจอมันมาดักรออยู่แบบนี้

 

แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เพียงไม่ตื่นตระหนก ยังกล้ากล่าววาจาออกมาอย่างไม่ขลาดกลัว?

 

ไม่ทราบเพราะอะไร ทว่าตอนนี้ในใจของมันกลับบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา…

 

หรือมีใครอยู่เบื้องหลังศิษย์ฝ่ายนอกคนนี้กัน?

 

หาไม่แล้วไฉนอีกฝ่ายถึงกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับศิษย์ฝ่ายในอย่างมัน?

 

อีกฝ่ายไม่หวาดกลัวว่าจะถูกมันทุบตีจนนอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือนหรือยังไง?

 

ตอนนี้เองผู้คนไม่น้อยด้านนอกศาลาอุทิศ ก็พบว่าต้วนหลิงเทียนกับศิษย์ฝ่ายในกำลังสบตามองเขม่น คล้ายใกล้มีเรื่องกันเต็มที

 

เรื่องราวนี้มันเกิดขึ้นด้านหน้าศาลาอุทิศ ซึ่งโดยปกติแล้วสถานที่แห่งนี้ก็มีศิษย์ฝ่ายในและฝ่ายนอกแวะเวียนมาไม่ขาด ทำให้พริบตาผู้คนก็เริ่มมาห้อมล้อมจนส่งเสียงเซ็งแซ่

 

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีผู้คนกำลังจะต่อยตีกัน ย่อมเป็นเรื่องราวอันน่าสนุกสนานน่าดูแล้ว กระทั่งคนที่ตั้งแผงขายของยังเลือกจะเก็บแผงแล้วออกมาชมดูเรื่องราว

 

ทุกคนล้วนอยากชมดูเรื่องราวสนุกสนานทั้งสิ้น! ทำให้พริบตาผู้คนมากมายก็มารวมตัวกัน!!

 

“นั่นอี้หนันนี่นา”

 

ศิษย์บางคนจดจำศิษย์ฝ่ายในที่กำลังเขม่นกับต้วนหลิงเทียนได้ จึงกล่าวเย้ยออกมาเสียงดัง “เฮ่ย อี้หนันเจ้าเป็นศิษย์ฝ่ายในแท้ๆ ถึงเจ้าจะอยากลับฝีมือ แต่เจ้าก็ไม่ต้องถึงขั้นลดตัวไปรังแกศิษย์ฝ่ายนอกหรอกมั้ง! เจ้าไม่ละอาจใจบ้างเรอะ?”

 

อี้หนันพอได้ยินวาจาประโยคนี้ หน้าของมันก็ขึ้นสีเขียวปั๊ดทันใด

 

“อ๊ะ เป็นเจ้าหนุ่มยากจนนั่นนี่นา!”

 

ตอนนี้เองเจ้าของแผงขายของแบกับดินมากมายที่เร่งเก็บแผงออกมาชมดูเรื่องราว ก็กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะจดจำต้วนหลิงเทียนได้

 

พวกมันล้วนจดจำต้วนหลิงเทียนได้ดี!

 

เพราะต้วนหลิงเทียนกดราคาพวกมันเสียต่ำติดดิน!!

 

ไม่นานผู้คนมากมายที่มาชมดูเรื่องราวก็เริ่มเดินมามุงล้อมเป็นวง

 

อี้หนันเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะกลับกลายเป็นเลยเถิดเช่นนี้ ตอนนี้ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมของมันแล้ว มันทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลยเท่านั้น…

 

“อาจารย์ของเจ้าเป็นผู้ใด?”

 

สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆฟอดหนึ่ง อี้หนันส่งเสียงผ่านปราณแท้กล่าวถามต้วนหลิงเทียนทันที

 

“อาจารย์ข้าเหรอ?”

 

ได้ยินเสียงผ่านปราณแท้ของอี้หนัน ต้วนหลิงเทียนบอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขารู้สึกสนุกสนานขึ้นมาไม่น้อย จึงยิ้มถามกลับไป “อะไร? เจ้ากลัวว่าข้าจะมีอาจารย์เป็นอาวุโสระดับสูงในสำนักหนุนหลัง จนเจ้าเผลอล่วงเกินงั้นเหรอ?”

 

อี้หนันกล่าวถามด้วยการส่งเสียงผ่านปราณแท้ แต่ต้วนหลิงเทียนกลับพูดออกมาดังๆ

 

จังหวะนี้หลายคนอดไม่ได้ที่จะหันมามองอี้หนันด้วยสายตาแปลกๆ

 

“เป็นฝ่ายมาดักรอหาเรื่องผู้คนแท้ๆ แต่กลับมาถามถึงภูมิหลังก่อนมีเรื่องเนี่ยนะ…นี่มันจะไม่สายไปหน่อยรึไง?”

 

ศิษย์ฝ่ายในหลายคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ

 

“ฮ่าๆๆๆ! อะไรกันอี้หนัน นี่เจ้ากลัวรึไงหา? ถ้าเจ้ากลัวศิษย์น้องผู้นี้ ใยไม่รีบกลับบ้านข้าเล่า มารดาเจ้ายังรอให้เจ้าไปดื่มนมอยู่บนเตียงข้านะ!?”

 

นอกจากนั้น ยังมีศิษย์ฝ่ายในที่เป็นอริของอี้หนันบังเอิญอยู่ด้วยพอดี ได้ทีจึงใส่ใหญ่…

 

“ฮัยยา…ศิษย์ฝ่ายในที่น่าเกรงขาม มีเรื่องกับศิษย์ฝ่ายนอกคนหนึ่งยังกลัวนู่นนี่นั่น นี่มันไม่น่าอายไปหน่อยรึไง?”

 

หลายคนเริ่มกล่าววาจาเย้ยเยาะอย่างสนุกสนาน

 

หน้าอี้หนันที่เดิมเขียวปั๊ดยิ่งมายิ่งมืดคล้ำ ปากมันเบี้ยวๆบิดๆไปมา โทสะในใจเองก็เริ่มลุกโหม มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสายตายังเย็นเยียบปานจะแช่แข็งผู้คน “มิว่าเบื้องหลังเจ้าจักมีผู้ใดอยู่ แต่เจ้ากลับไม่เคารพศิษย์พี่ วันนี้ข้าในฐานะศิษย์พี่ร่วมสำนักของเจ้า จักสั่งสอนบทเรียนเรื่องมารยาทให้เจ้าเอง!!”

 

วาจาของอี้หนันทั้งดังทั้งฟังดูยิ่งใหญ่ชอบธรรมนัก มันเปลี่ยนเหตุผลเดิมที่มาขวางต้วนหลิงเทียน เสียดื้อๆ

 

“ไม่เคารพศิษย์พี่?”

 

ได้ยินคำกล่าวอี้หนัน ต้วนหลิงเทียนฉีกยิ้มแสยะ “วาจานี้ฟังดูน่ากลัวจริงๆ! แต่เจ้าคิดจริงๆเหรอว่า เจ้าจะรอดตัวไปได้หากข้ามีคนอยู่เบื้องหลัง?”

 

“เจ้า!”

 

อี้หนันไม่คิดเลยว่าวาจาเพียงไม่กี่คำของต้วนหลิงเทียนก็ทำลายความคิดหาทางรอดของมันหมดสิ้น

 

ตอนนี้มันยังสัมผัสได้ถึงสายตาแปลกๆ จากโดยรอบที่กำลังมองมา

 

“อันที่จริงแล้วเจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก…ข้าจะบอกเจ้าตรงๆเลยแล้วกัน ข้าไม่มีใครอยู่เบื้องหลังหรอก ดังนั้นเจ้าไม่ต้องคิดอะไรวุ่นวายให้มากความ ถ้าจะเอาก็เข้ามา…ถ้าไม่แล้วก็รีบๆถอยไป ข้าจะได้รีบกลับไปบ่มเพาะ เพราะข้าไม่ได้มีเวลามาเล่นไร้สาระกับเจ้าหรอกนะ!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงดังฟังชัด ในน้ำเสียงยังแฝงความรำคาญอยู่บ้าง

 

“ฮ่าๆๆ! อี้หนัน อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเจ้าปอดแหกขึ้นมาแล้ว…นี่เจ้ากลัวจริงๆงั้นเรอะ?”

 

“อี้หนัน ศิษย์น้องเขาก็บอกแล้วว่ามิมีผู้ใดหนุนหลัง…เจ้ายังลังเลอันใด หรือเจ้าไม่กล้าลงมือแล้ว?”

 

“น่าเบื่อยิ่ง! ข้าก็คิดว่าจะมีเรื่องสนุกๆให้ดูชมเสียหน่อย ไม่คิดเลยว่าอี้หนันมันกลับขี้ขลาดถึงเพียงนี้!”

 

……

 

ศิษย์ฝ่ายในหลายคนกลัวโลกวุ่นวายไม่พอ เร่งกล่าวน้ำมันราดรดกองไฟกันสนุกปาก

 

ทุกวาจาถ้อยคำดูแคลนล้วนดังเข้าหูอี้หนันทั้งหมด ทำให้หน้าของมันเริ่มแดงคล้ำด้วยโทสะยากระงับ มันถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างโกรธแค้น “วันนี้ข้าในฐานะศิษย์พี่ จักสั่งสอนบทเรียนเรื่องสัมมาคารวะพึงปฏิบัติต่อศิษย์พี่ให้เจ้า!!”

 

ต้วนหลิงเทียนแฉความคิดอี้หนันครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้อี้หนันหัวเสียถึงขีดสุด

 

“คิดสั่งสอนบทเรียนให้ข้า ก็ต้องดูพลังสามารถของเจ้าด้วย ว่ามีปัญญาไหม…”

 

เห็นอี้หนันหัวร้อนเป็นฟืนไฟ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งสนุกสนานนัก ยิ้มกว้างกล่าวออกเสียงเย็น

 

“เจ้ามันรนหาที่เอง!”

 

อี้หนันคำรามเสียงดังสนั่น ปราณแท้หลังไหลทั่วกาย เท้ากระพืบพื้นดีดตัวพุ่งไปปานมหาพายุ ไม่นานก็ตัดระยะเจียนบรรลุถึงต้วนหลิงเทียน!

 

ขวับ!

 

ระหว่างทางในมือยังสะบัดเรียกหอก 7 ฉื่อเล่มหนึ่ง ควงไม่กี่รอบก็ง้างไปด้านหลังค่อยเสือกแทงออกมาเต็มแรง!

 

หอกพุ่งทะลวงแหวกอากาศฉับไว เงาหอกพร่างพราวมองไปคล้ายอสรพิษหมายฉกกัดเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!

 

ต้องบอกเลยว่าในฐานะศิษย์ฝ่ายในขอบเขตสู่เซียนขั้นต้น อี้หนันผู้นี้ก็นับว่ามีพลังฝีมือพอตัว

 

อย่างน้อยๆอานุภาพของกระบวนท่านี้ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเฝิงฟ่านที่ไม่ได้เปิดใช้อาคมเซียนพันทวีบนดาบใหญ่!!

 

เผชิญหน้ากับหอกที่พุ่งทะลวงเสือกแทงแหวกอากาศมาอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมเงาพลังหอกมากมายปานอสรพิษร้าย สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังไม่เปลี่ยน ยืนสงบนิ่งกับที่ปานภูผายากสั่นคลอน

 

ทว่าในขณะที่ศิษย์ฝ่ายในทั้งหลายกำลังระทึกใจเพราะหอกเจียนบรรลุถึงตัวเต็มที จนบางคนก็ลอบหลั่งเหงื่อเย็นด้วยกลัวจะเกิดเรื่องเลวร้ายกับต้วนหลิงเทียน ในที่สุดร่างในชุดม่วงก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่ในมือต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏดาบใหญ่เล่มเขื่อง ปราณแท้ควบแน่นหลั่งไหลสู่ตัวดาบจนทอประกายคมกล้าน่ากลัว ยังมีกลิ่นอายพลังลึกลับขุมหนึ่งที่พาลให้ตัวดาบคล้ายจะหนักหน่วงขึ้นนับพันเท่าเผยออก!

 

ควบคุมดาบใหญ่อาศัยเคล็ดถ่ายแรงเป็นหลัก! เอวต้วนหลิงเทียนจึงบิดไวปานพายุหมุน ส่งแรงทั้งตัวเหวี่ยงฟาดดาบใหญ่ออกไปอย่างเกรี้ยวกราด!

 

‘ประทับไท่ซาน!’

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวในใจ ใช้ออกด้วยเคล็ดความวรยุทธ์ที่พึ่งรับทราบมาก่อนหน้า นำพาให้ดาบใหญ่ที่ตบฟาดออกไปคล้ายแฝงกลิ่นอายขุนเขามหึมาถล่มทับ!

 

ดาบใหญ่ฟาดมาไวปานพายุด้วยสภาวะคล้ายขุนเขาหนักถล่มโถมเร็วรี่ ทำให้มวลอากาศแตกระเบิดเสียงดังไม่หยุด!

 

เสียงระเบิดดังปานฟ้าผ่าหลายคำรบ ทั้งคลื่นลมรุนแรงกวาดซัดออกไปทั่วทิศทาง!

 

“เฮ่ย! ไม่ผิดแน่! นั่นมันอาคมพันทวี!!”

 

ศิษย์ฝ่ายในที่สายตาแหลมคมผู้หนึ่งกล่าวโพล่งออกมาเสียงดัง เห็นชัดว่ามันจดจำอาคมเซียนที่จารึกอยู่บนดาบใหญ่ของต้วนหลิงเทียนได้

 

พอได้ยินเสียงโพล่งอุทานของศิษย์ฝ่ายในคนนั้น อี้หนันที่เสือกหอกแทงออกไปหน้าเปลี่ยนสีทันที มันพลันตระหนักได้ว่าศิษย์ฝ่ายนอกคนนี้สมควรมีภูมิหลังไม่ธรรมดาแล้วจริงๆ!!

 

ล้อกันเล่นหรือไร!

 

นั่นมันอาคมเซียนระดับ 2 ดาว อาคมพันทวี!!

 

ศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนระดับ 2 ดาวจารึกเอาไว้แบบนี้ อย่างน้อยๆต้องจ่ายให้ศาลาอุทิศถึง 200,000 คะแนนอุทิศ!

 

ผู้ที่ใช้ศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนระดับ 2 ดาวจารึกอยู่ ยังเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกธรรมดาๆได้หรือไร!?

 

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้!

 

จังหวะนี้อี้หนันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความเสียใจ

 

อย่างไรก็ตามหอกนี้มันลงมือออกมาสุดตัว คิดกลับใจถอยหลังก็สายเกินกาลแล้ว!

 

ทว่าครู่ต่อมาใจมันก็ตระหนักได้ว่าจะอย่างไรก็ต้องห้ามทำอันตรายศิษย์ฝ่ายนอกคนนี้ถึงขั้นบาดเจ็บหนักเด็ดขาด! สภาวะดุร้ายของหอกกลับกลายเป็นลดลงหลายส่วน!!

 

เสียงดาบแหวกอากาศด้วยสภาวะปานขุนเขาถล่ม ไม่นานก็ปะทะกับหอกที่จ้วงแทงมาของอี้หนันอย่างแรง! ความว่าง ณ จุดปะทะคล้ายจะแตกออก!!

 

เปรี๊ยง!!

 

คลื่นกระแทกอันรุนแรงจากพลังสะท้อนกวาดซัดออกไปอย่างน่าเกรงขาม บังเกิดเป็นสายลมอันรุนแรงปานใต้ฝุ่น!

 

ลมแรงดังกล่าวพัดฝุ่นธุลีหน้าศาลาอุทิศให้คละคลุ้ง เสื้อชุดศิษย์ทั้งหลายถึงกับโบกสะบัดวุ่นวาย

 

หากแต่พวกมันไม่นำพาฝุ่นดินชุดเสื้อ สายตาเพียงมองแหวกธุลีคลีจับจ้องไปยังการปะทะกันระหว่างต้วนหลิงเทียนและอี้หนันเขม็ง!

 

หลังอากาศแตกระเบิดเสียงดัง ท่ามกลางสายตาผู้คน ดาบใหญ่ของต้วนหลิงเทียนก็กระเด็นผงะไปคอนไว้ด้านหลัง ร่างคนยังย่ำเท้าก้าวถอยไป 2 ก้าว

 

ตรงกันข้าม ด้านอี้หนันที่จ้วงแทงออกมาด้วยใจที่โลเล จึงแพ้พ่ายและถูกซัดเขาอย่างจัง!

 

หอกในมือของมันกระเด็นหลุดมือไปควงหมุนติ้วกลางอากาศ ยังไม่ทราบว่าจะลอยไปตกที่ใด!!

 

ส่วนตัวอี้หนันที่ถือหอกก่อนหน้า ด้วยถูกพลังสะท้อนจากการปะทะหอกดาบเข้าไปอย่างจัง ไม่เพียงแค่ง่ามมือฉีกแตกโลหิตพุ่งฉูด ตัวมันยังปลิดปลิวละลิ่วเป็นวงโค้งกลางอากาศ พ่นโลหิตเป็นสายลากยาวกลางฟ้า ก่อนที่จะร่วงตกพื้นไถลไปนับ 10 หมี่!

 

‘ประทับไท่ซานกับอาคมพันทวีนับว่าเข้าคู่กันได้ลงตัวนัก ยอดเยี่ยมจริงๆ!’

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้เลือดลมในร่างต้วนหลิงเทียนจะปั่นป่วนจากพลังสะท้อนอยู่บ้าง หากแต่ใบหน้ากลับเผยความสดใสยินดีนัก!

 

เขายังไม่ได้เริ่มต้นฝึกฝนวรยุทธ์เซียนเผิงทองถาโถมเคล็ดประทับไท่ซานแต่อย่างไร เขาเพียงใช้ออกตามแนวทางคร่าวๆ จึงยังผลให้มีกลิ่นอายของประทับไท่ซานจางๆเท่านั้น ทว่าแม้จะบางเบาเพียงใดยามผสานเข้ากับอาคมเซียนพันทวี…

 

ตัวดาบก็เปี่ยมไปด้วยสภาวะดุดันเกรี้ยวกราดประหนึ่งขุนเขาใหญ่ถล่มทับลงมาจริงๆ!

 

ความรู้สึกของการได้ซัดศัตรูจนปลิวด้วยพลังดิบเถื่อนแบบนี้ ทำให้เลือดลมในร่างต้วนหลิงเทียนสูบฉีดพุ่งพล่าน ความรู้สึกเดิมๆเริ่มหวนคืนมา!

 

ตอนนี้เขารู้สึกสะใจ แทบอดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมาดังๆ!

 

“ศิษย์พี่ฝ่ายในงั้นเหรอ?”

 

หันหน้าไปไม่รีบไม่ร้อน เหลือบมองร่างอี้หนันที่ถูกซัดปลิดปลิวจนสภาพคล้ายสุนัขป่วยใกล้ตายไกลตา ต้วนหลิงเทียนเพียงแสยะยิ้มกล่าวเยาะออกมาคำหนึ่ง ค่อยสะบัดมือเก็บดาบใหญ่และเดินมุ่งหน้ากลับฝ่ายนอกไปท่ามกลางสายตายำเกรงของศิษย์ฝ่ายในโดยรอบ

 

อี้หนันที่ได้ยินวาจาถ้อยคำหยันหยามของต้วนหลิงเทียน เดิมทีอาการมันก็มิสู้ดีอยู่แล้ว เลือดลมพลันปั่นป่วนกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่อีกรอบ สุดท้ายก็ทนพิษบาดแผลกับโทสะไม่ไหวเป็นลมสิ้นสติไป…

 

มองส่งจนแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนหายลับไปกับตา ศิษย์ฝ่ายในที่มาชมดูการต่อสู้ค่อยได้สติกลับคืนเข้าร่าง พวกมันต่างหันมองสบตาแลกเปลี่ยนความเห็นกับคนอื่นๆทันที

 

“ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ฝ่ายนอกมีศิษย์ร้ายกาจขนาดนี้?”

 

“ศิษย์ฝ่ายนอกผู้นั้นกลับเอาชนะอี้หนันได้ง่ายดายเพียงนี้…สมควรเป็นยอดฝีมือแนวหน้าของศิษย์ฝ่ายนอก และต้องเป็นผู้ที่ติดอันดับในรายนามปฐพีเป็นแน่! ในฝ่ายนอกสมควรมีเพียง 5 คนที่มีพลังฝีมือระดับนี้”

 

“เจ้าผิดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงสี่! เฝิงฟ่านนั่นตกตายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว!”

 

“ข้าไม่ผิด เฝิงฟ่านนั่นถูกฆ่าตายไปแล้วเช่นนั้นตำแหน่งมันก็ต้องถูกแทนที่..เจ้าอย่าได้ลืมไป ว่าหลังจากที่ฆ่าเฝิงฟ่านแล้ว ศิษย์ฝ่ายนอกอันร้ายกาจที่พึ่งมีชื่อเสียงขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้ ก็ต้องขึ้นมาแทนที่อันดับในรายนามปฐพีของเฝิงฟ่าน!!”

 

“ใช่ๆ ดูเหมือนศิษย์ฝ่ายนอกที่ร้ายกาจนั่นจักเรียกว่าต้วนหลิงเทียน!”

 

……

 

ศิษย์ฝ่ายในเริ่มสนทนากันระงม ไม่นานทั้งหมดก็นึกถึงนามที่เป็นที่กล่าวขานอยู่ช่วงนี้

 

“เฮ่ เมื่อกี้พวกเจ้าบอกว่า…ศิษย์ฝ่ายนอกผู้นั้นคือต้วนหลิงเทียนงั้นเหรอ?”

 

ทันใดนั้นมีเสียงไถ่ถามเสียงหนึ่งดังขึ้น

 

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจนะ แต่ดูแล้วสมควรเป็นเช่นนั้น…ดาบใหญ่ในมือศิษย์ฝ่ายนอกคนนั้น ดูแล้วเหมือนดาบใหญ่ที่เฝิงฟ่านใช้ไม่มีผิด อีกทั้งยังมีอาคมเซียนพันทวีจารึกอยู่เหมือนกันอีกด้วย”

 

หลังจากที่นึกถึงข้อมูลเรื่องนี้ ความจำทั้งหมดคล้ายถูกกระตุ้นเตือน

 

ในที่สุดทั้งหมดก็สามารถยืนยันได้แน่ชัด

 

ศิษย์ฝ่ายนอกเมื่อครู่ สมควรเป็นสัตว์ประหลาดอันร้ายกาจที่พึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือขึ้นมาในฝ่ายนอกได้ไม่นาน ต้วนหลิงเทียน!