นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 482 เรื่องของดาราสาวที่คนนอกมักจะไม่เข้าใจ
“ใครนะช่างเอาใจใส่ขนาดนี้ ส่งดอกไม้มาให้ทุกวัน”
“ฉันไม่รู้ เพราะเขาไม่เคยเขียนชื่อผู้ส่งมาเลย” หลิวเสี่ยวหนิงพูดพลางหยิบช่อดอกไม้ที่สวยงามออกมาสองสามช่อแล้วจึงจัดใส่ลงในแจกัน
เธอเหลือบสายตามองไปเห็นการ์ดที่ถูกเสียบไว้ และเธอจึงหยิบมันออกมาวางบนชั้นวางหนังสือข้างๆที่มีของขวัญมากมายจากแฟนคลับที่ส่งมอบให้กับเธอ แต่เธอยังไม่มีเวลาขนของเหล่านี้กลับบ้าน
เมื่อซูฉิงมาที่สตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เธอเห็นหลิวเสี่ยวหนิงถือดอกกุหลาบขาวไว้ในมือ
เธอจึงส่งยิ้มเบาๆไปยังหญิงสาวร่างเล็กและเอ่ยถามเสียงหวาน “เสี่ยวหนิง ใครส่งดอกกุหลาบมาให้ล่ะ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เมื่อหลิวเสี่ยวหนิงเห็นซูฉิง เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่งแล้ววางดอกไม้ในมือลง
ทางด้านผู้จัดการส่วนตัวก็พูดติดตลกขึ้นมาว่า “บางทีอาจเป็นคนที่ชื่นชมและหลงใหลในตัวคุณ และตอนนี้กำลังไล่ตามคุณอยู่ก็ได้”
มือที่ถือกลีบดอกกุหลาบอยู่หยุดชะงักลงชั่วคราว หลิวเสี่ยวหนิงดูเหมือนจะขบคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มขมขื่นขึ้นมาเล็กน้อย
เธอพยายามยับยั้งความคิดทั้งหมดไว้ และรวบรวมสติหยิบเอาบทละครจากกระเป๋าถือออกมาออกมา
“มันต้องเป็นของขวัญจากแฟนคลับแน่ๆ หรือคุณจะบอกว่าการเป็นบุคคลสาธารณะไม่สามารถมีความรักได้ยังงั้นเหรอ?”
“สาวน้อย การตกหลุมรักมัน…”
“มันจะทำให้แฟนคลับของเธอหายไป” ยังไม่ทันที่ผู้จัดการสาวจะเอ่ยปากพูดจบ หลิวเสี่ยวหนิงได้พูดแทรกคำพูดที่อีกฝ่ายเคยพูดกรอกหูเธออยู่บ่อยๆ
ผู้จัดการสาวยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากปากของหลิวเสี่ยวหนิงและจึงพูดหยอกล้ออีกฝ่ายว่า “ใช่แล้ว ฉันได้เค้าโครงโฆษณาจากบริษัทแชมพูสระผมมาแล้วนะ”
เมื่อเธอเห็นข้อมูลของบริษัทที่เป็นเจ้าของโฆษณา หลิวเสี่ยวหนิงก็เกิดอาการตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “บริษัท Jiale Washing and Chemical? บริษัทนี้ดูเหมือนว่าจะจ้างแต่ดาราดังมาถ่ายโฆษณา ทำไมพวกเขาถึงเลือกฉันมาถ่ายล่ะ?”
“สิ่งที่บริษัทเลือกนักแสดงในการถ่ายโฆษณาก็อ้างอิงมาจากฐานแฟนคลับ ตอนนี้เธอก็กำลังเป็นที่โด่งดังและนิยมในแวดวงบันเทิงอยู่ไม่ใช่หรือไง” ผู้จัดการสาวยังกล่าวอีกว่า “พรุ่งนี้ดำเนินการถ่ายทำ ”
“เสี่ยวหนิง โฆษณานี้เหมาะกับเธอมากนะ สู้ๆ” ซูฉิงตบไหล่หลิวเสี่ยวหนิงและหันหลังเดินเข้าไปในห้องทำงานของเธอ
“พรุ่งนี้ถ่ายโฆษณางั้นเหรอ?”
หลิวเสี่ยวหนิงบ่นออกมาเพียงเล็กน้อยพลางเอื้อมมือแตะไปยังผมยาวสลวยของเธอเอง “เราเจรจากับสปอนเซอร์ได้ไหม ให้เขาเปลี่ยนจากการถ่ายโฆษณาเป็นการถ่ายภาพโปรโมทแทน แล้วเราก็ให้เขาตัดต่อเปลี่ยนสีผมเอาจะง่ายกว่านะ”
“งั้นคุณก็ให้เขาตัดต่อรูปคุณใส่ในภาพไปเลยไหม คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปถ่ายแล้ว”
“ฉันก็แค่รู้สึกเสียดายสีผมสวยๆที่เพิ่งทำมา คุณไม่เห็นใจฉันบ้างเลยเหรอ?” หลิวเสี่ยวหนิงมองไปยังผู้จัดการสาวด้วยแววตาน่าสงสาร แต่ผู้จัดการสาวก็มีวุฒิภาวะทางความคิดมากพอที่จะไม่โอนอ่อนตามอีกฝ่าย
“แต่ฉันก็คิดไม่ถึงนะว่าคราวนี้ Jiale Company จะกำหนดชื่อของเธอมาโดยตรงและยังจะให้เธอเป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์อีก ถึงแม้มันจะไม่ใช่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดเป็นตัวแทนระดับประเทศก็เถอะ”
“มันน่าภูมิใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย Jiale Washing เป็นแบรนด์เก่าและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ก็ดีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาจึงสามารถสร้างชื่อเสียงที่ดีและได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำในด้านวงการแชมพูสระผมนี้
และเหล่าบรรดานักแสดงที่เคยถูกจ้างมาเป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์ก่อนหน้าเธอนั้น ล้วนเป็นดาราดังรุ่นเก่าที่ได้รับรางวัลต่างๆนาๆ คราวนี้ทางบริษัทกลับเลือกมาเซ็นสัญญากับเธอ จึงทำให้หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกปลื้มปิติไม่น้อย
แต่เรื่องเซอร์ไพรส์ก็คือเรื่องเซอร์ไพรส์ นิสัยติดตัวที่หลิวเสี่ยวหนิงมีมามันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายไปเลนสักนิด
“พวกเขาคงเป็นคนฉลาดและมีสายตาที่เฉียบแหลม เขาคงรู้ว่าฉันจะต้องเป็นที่นิยมในอนาคตอย่างแน่นอน”
“เอาล่ะ แม่ดาราดังแห่งอนาคต อย่าทำอวดอ้างมากไปหน่อยเลย” ผู้จัดการยิ้มขำให้กับท่าทางของหลิวเสี่ยวหนิง
หลิวเสี่ยวหนิงมองสคริปต์หนาๆ ในมือของเธอ และทันใดนั้นเองเธอก็หยิบปากกาขึ้นมาและวาดอิโมจิใบหน้ายิ้มแย้มลงที่มุมกระดาษ
เธอยิ้มและพึมพำกับรูปที่เธอวาดว่ามันน่าเกลียดแค่ไหน
เนื่องจากสถานที่ถ่ายทำโฆษณาเป็นสถานที่กลางแจ้ง ทำให้หลิวเสี่ยวหนิงต้องรีบเดินทางไปสถานที่ถ่ายทำตั้งแต่เช้าเพื่อแต่งหน้าทำผม หลิวเสี่ยวหนิงมองไปยังทีมถ่ายโฆษณาที่กำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก บริษัทนี้คงเป็นบริษัทใหญ่มากเพราะขนาดทำโฆษณาแค่โฆษณาเดียวยังใช้คนและอุปกรณ์ประกอบฉากเยอะขนาดนี้
หลังจากพูดคุยกับผู้กำกับเกี่ยวกับกระบวนการถ่าย หลิวเสี่ยวหนิงก็เริ่มถ่ายภาพโปรโมทและคลิปโฆษณาสั้นๆ
เดิมทีหลิวเสี่ยวหนิงคิดว่าการถ่ายทำโฆษณาขนาดใหญ่คงจะมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมาก แต่ในทางกลับกันนั้นหลิวเสี่ยวหนิงกลับถ่ายทำทุกอย่างออกมาด้วยความผ่อนคลายและสบายใจเป็นอย่างมาก จึงทำให้ในเช้าตอนนี้หลิวเสี่ยวหนิงไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป
“คัท!”
ผู้กำกับเคาะฉากถ่ายทำในมือและประกาศสิ้นสุดการถ่ายทำในตอนเช้า หลิวเสี่ยวหนิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและเดินไปที่จอภาพเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพในงานถ่ายของเธอ
“การแสดงออกทางสีหน้าดีมาก เอฟเฟกต์ก็ดีมาก ฉันจะเริ่มถ่ายทำวิดิโอในตอนบ่าย ตอนนี้เธอก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
ผู้กำกับซึ่งเป็นชายวัยกลางคนส่งรอยยิ้มอบอุ่นใจมายังหลิวเสี่ยวหนิง เธอจึงเอ่ยกล่าวขอบคุณทีมงานทุกคนและเดินไปที่ห้องพักส่วนตัว
“คุณคงเหนื่อยมากสินะ”
ขณะที่หลิวเสี่ยวหนิงกำลังดูโทรศัพท์ของเธออยู่นั้นก็มือแก้วน้ำผลไม้แก้วหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าของเธอ เธอคิดว่าคนที่นำมันมาให้เธอจะเป็นพนักงานในกองถ่าย แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเพื่อจะเอ่ยขอบคุณ เธอก็พบกับใบหน้าที่แสนคุ้นเคยนั้นทันที
“คุณมาที่นี่ทำไม?” หลิวเสี่ยวหนิงกระพริบตาด้วยความประหลาดใจและส่งยิ้มให้กับจินจิ่นหรานที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ฉันได้ยินมาว่าวันนี้มีการถ่ายทำโฆษณาจากตัวแทนผลิตภัณฑ์คนใหม่เลยแวะมาดูสักหน่อย” จินจิ่นหรานนั่งลงข้างๆเธอ
หลิวเสี่ยวหนิงที่กำลังถือน้ำผลไม้อยู่นั้นกลับไม่ได้เอะใจกับคำพูดของจินจิ่นหรานเลย
เมื่อเห็นท่าทางงุนงงและนิ่งงันของหลิวเสี่ยวหนิง จินจิ่นหรานจึงเอ่ยปากพูดกับอีกฝ่ายอย่างลึกลับว่า “ฉันจะบอกความลับกับคุณให้ว่าประธานบริษัท Jiale Washing Chemical มีนามสกุลว่าจิน”
จิน?” หลิวเสี่ยวหนิงพึมพำ และเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของจินจิ่นหรานที่ปรากฎขึ้นมา เธอก็ตระหนักได้ในทันทีว่าชายหนุ่มพยายามจะบอกใบ้อะไรเธอ
“คุณ…คุณคือ…”
“พ่อของฉันเป็นประธานจางกรุ๊ป”
จินจิ่นหรานผลักแว่นตาที่ค้างอยู่ที่จมูกออกเล็กน้อย แม้ว่าคำพูดของชายตรงหน้าฟังดูแล้วค่อนข้างน่าสงสัย แต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นกลับไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกรำคาญ
ในความประทับใจของหลิวเสี่ยวหนิงนั้น จินจิ่นหรานทำให้เธอรับรู้ถึงความอ่อนโยนและสง่างาม มองดูแล้วเขาเปรียบเสมือนคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์
ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ ชายหนุ่มร่ำรวยเงินทองมหาศาล
“ในเมื่อครอบครัวของคุณคือ Jiale Group ทำไมคุณถึงเป็นหมอ?”
หลิวเสี่ยวหนิงกระพริบตาด้วยความสับสน หรือว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเรื่องราวคล้ายๆกับในนิยายที่ถูกเขียนขึ้น
“อันที่จริง พ่อของฉันต้องการให้ฉันสืบทอดธุรกิจของครอบครัวมาตลอด และถึงกับบังคับให้ฉันเรียนการเงินในวิทยาลัย แต่ฉันไม่ชอบการทำธุรกิจห้างสรรพสินค้า”
จินจิ่นหรานพูดอย่างเฉยเมย “ฉันก็เลยแอบเปลี่ยนใจไปเรียนแพทย์ แล้วก็มาเป็นหมอ แต่ด้วยเหตุนี้พ่อของฉันก็เกือบไล่ฉันออกจากบ้าน”
ในขณะที่พูด จินจิ่นหรานก็แสดงท่าทีน่าสงสารซึ่งทำให้หลิวเสี่ยวหนิงหัวเราะออกมา
แต่ในใจของหลิวเสี่ยวหนิงนั้นก็เกิดความประทับใจต่อจินจิ่นหรานไม่น้อยแล้ว
แม้สิ่งที่เขาทำจะขัดกับความประสงค์ของผู้ใหญ่ แต่เขาก็เต็มใจทำงานหนักเพื่อสิ่งที่เขารัก ซึ่งเธอคิดว่าสิ่งนี้มันก็เป็นแรงขับเคลื่อนที่มากพอแล้ว
“ฉันแอบดูคุณตอนที่คุณกำลังถ่ายทำอยู่ เมื่อคุณอยู่หน้ากล้องมันแตกต่างกับตัวตนของคุณอย่างสิ้นเชิญ” จินจิ่นหรานกล่าวชมเชย
“คุณได้ดูมันด้วยเหรอ?” หลิวเสี่ยวหนิงรีบครุ่นคิดว่าเธอได้ทำอะไรแปลกๆต่อหน้ากล้องออกไปหรือเปล่า
“ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อกี้” จินจิ่นหรานยิ้มและดันแก้วน้ำผลไม้ไปตรงหน้าเธอ “สำหรับอาหารคุณคงต้องรอสักครู่ ตอนนี้คุณดื่มน้ำรองท้องไปก่อนแล้วกันนะ”
เมื่อมองดูน้ำผลไม้ที่สดใสในแก้ว หลิวเสี่ยวหนิงกระพริบตาแล้วจึงเอ่ยปากปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ ช่วงนี้ฉันลดน้ำหนักอยู่ และในน้ำผลไม้ก็มีน้ำตาลสูงมากด้วย”
ถึงตอนนั้น ดวงตาของหลิวเสี่ยวหนิงยังคงจับจ้องอยู่ที่น้ำผลไม้ และจินจิ่นหรานที่กำลังจ้องมองท่าทีตื่นตระหนกของอีกฝ่ายนั้น เขาก็รู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นน่าสนใจและน่าค้นหามากๆ
“คุณจะลดน้ำหนักเหรอ? คุณไม่เห็นอ้วนเลยสักนิด”
“คุณไม่เข้าใจเรื่องของนักแสดงหญิงหรอก” หลิวเสี่ยวหนิงพึมพำเบา ๆ