คนที่เป็นผู้นำเป็นชายหนุ่มรูปหล่อสวมชุดลำลองสีดำ ถึงแม้ว่าเขาเดินอยู่ท่ามกลางลูกเศรษฐีเหล่านี้ บนใบหน้าของเขานั้นยังมีความรู้สึกเหนือกว่าเล็กน้อย ชายหนุ่มคนอื่น ๆ ล้วนรายล้อมอยู่รอบตัวเขาด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ และเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นใหญ่ในกลุ่ม

“คุณชายกงซุน คราวนี้เฉินไต้ซือได้เชิญคนดังจากทั่วมณฑลฮ่านหยางมาที่นี่ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร? คุณสันทัดเรื่องเช่นนี้ คุณได้รับข่าวลืออะไรบ้างหรือเปล่า?”

กงซุนหลีเหลือบมองชายหนุ่มคนนั้น ยิ้มเล็กน้อยและแสดงสีหน้าภูมิใจ “ความจริงคราวนี้การที่เฉินไต้ซือเชิญคนดังจากทั่วทิศมาที่นี่ เพราะมีเรื่องใหญ่จะประกาศ”

ชายหนุ่มที่เหลือแสดงความอยากรู้อยากเห็น มองกงซุนหลีและถามว่า “คุณชายกงซุน คุณสามารถเปิดเผยออกมาเล็กน้อยได้ไหม?”

กงซุนหลีมองไปทางซ้ายและขวา ลดเสียงลง และกล่าวอย่างลึกลับว่า “น้ำชีวิต!”

ชายหนุ่มที่เหลือต่างตกตะลึง

ชายหนุ่มที่ถามคำเมื่อสักครู่ มองกงซุนหลีและกล่าวเบา ๆ ว่า “หรือว่าเฉินไต้ซือเห็นยอดขายของน้ำชีวิตกำลังเฟื่องฟู เลยคิดจะแย่งชิง?”

กงซุนหลีกลอกตาใส่เขาและด่าว่า “ไอ้โง่ เฉินไต้ซือเป็นคนที่คิดค้นน้ำชีวิตขึ้นมาเอง แล้วยังต้องแย่งชิงอีกเหรอ?”

“อะไรนะ! เฉินไต้ซือเป็นคนที่คิดค้นน้ำชีวิตขึ้นมาเหรอ?” ชายหนุ่มคนนั้นอุทาน แล้วทันใดนั้นเขาก็พูดกับตัวเองว่า “จริงสิ ในโลกนี้นอกจากเฉินไต้ซือแล้ว จะยังมีใครอีกบ้างที่สามารถสร้างยาวิเศษที่สามารถรักษาโรคภัยทั้งหมดและยืดอายุได้อีกล่ะ?”

ชายหนุ่มกลุ่มนี้รู้สึกปลงเล็กน้อย ใบหน้าของพวกเขามีอารมณ์แตกต่างกัน และมีร่องรอยของความเลื่อมใสอยู่ในดวงตา

กงซุนหลีมองกลุ่มคนที่ตกตะลึงเพราะคำพูดประโยคเดียวของตนเอง สีหน้ายิ่งภูมิใจมากขึ้นไปอีก

“คุณชายกงซุน ในเมื่อน้ำชีวิตเป็นของเฉินไต้ซือเอง งั้นคราวนี้เขาเชิญทุกคนมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร?”

กงซุนหลีส่ายศีรษะและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อีกสักครู่รอให้เฉินไต้ซือมาถึงก็จะรู้เอง”

กลุ่มคนเดินไปคุยไป และบังเอิญเดินไปยังทิศทางที่เฉินโม่และคนอื่น ๆ อยู่

ทันใดนั้น ดวงตาของกงซุนหลีเป็นประกาย สายตาของเขาจับจ้องไปที่เอียนชิงเฉิงที่นั่งอยู่ข้างเฉินโม่

“สาวสวย!” กงซุนหลีแอบตกใจ แล้วสายตาที่มองเอียนชิงเฉิงก็เร่าร้อนขึ้นมา

ชายหนุ่มที่เหลือก็เห็นเอียนชิงเฉิงเช่นกัน สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความทึ่ง และยืนอยู่ที่เดิมด้วยความอึ้ง

หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาถึงได้ตื่นจากความตกใจ แต่พวกเขาไม่สามารถทนเดินจากไปได้ และยืนอยู่ที่เดิมมองเอียนชิงเฉิงด้วยสายตาเร่าร้อน

กงซุนหลีกระซิบกับชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ “ไปสอบถามว่าเจ้าเด็กที่อยู่ด้านข้างนั่นเป็นใคร”

ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้า และกำลังจะจากไป ทันใดนั้นก็ได้เสียงหัวเราะของผู้หญิงเบา ๆ ดังมาจากข้างหลัง “พวกคุณอยากรู้สถานะของพวกเขาใช่ไหม?”

ชายหนุ่มกลุ่มนี้รีบหันไปมอง เห็นหญิงสาวที่มีตาสีดำโตกำลังยิ้มบาง ๆ ให้พวกเขา

กงซุนหลีเริ่มสนใจขึ้นมาทันที มองสำรวจหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า และถามด้วยรอยยิ้มว่า “เธอเป็นใคร?”

หญิงสาวโค้งคำนับกงซุนหลีเล็กน้อยและกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ “ฉันชื่อเจิ้งซิ่วลี่ คุณอาจไม่รู้จักฉัน แต่ฉันมีลูกพี่ลูกน้องเป็นคนของตระกูลกัวในมณฑลซีไห่ ฉันรู้ว่าคุณชื่อกงซุนหลี เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลกงซุนแห่งมณฑลซีไห่”

กงซุนหลีจ้องเจิ้งซิ่วลี่ชั่วขณะหนึ่ง เจิ้งซิ่วลี่มองเขาโดยไม่แสดงอาการอ่อนแอแม้แต่น้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่ง กงซุนหลีถึงได้ยิ้มเล็กน้อย “ที่แท้เธอเป็นญาติของตระกูลกัวมิน่าเธอถึงได้รู้จักผม”

เจิ้งซิ่วลี่โค้งคำนับอีกครั้ง สีหน้าเต้มไปด้วยความชื่นชม “คุณชายกงซุนมีสถานะสูงส่ง คุณไม่เพียงเป็นคุณใหญ่ชายของตระกูลกงซุนเท่านั้น แต่คุณอาของคุณยังแต่งงานกับท่านสามจินของตระกูลจินในฮ่านหยาง คุณเป็นทายาทสายตรงของสองครอบครัวใหญ่ คนทั่วฮั่นหยางและซีไห่ จะไม่รู้จักคุณได้อย่างไร?”  

นับตั้งแต่เจิ้งซิ่วลี่ถูกเฉินโม่โจมตีหลายครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะเปลี่ยนไป ตอนนี้เธอพูดประจบสอพลอได้ลื่นไหลมาก จนทำให้กงซุนหลีรู้สึกดีใจจนตัวลอย และรู้สึกมีความมั่นใจมาก