ตอนที่ 341: เข้าไปในคลังอาวุธ.
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโส เจี้ยนเฉินจึงเริ่มให้ความสนใจในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น เขาต้องการที่จะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่อยู่ภายในซึ่งทำให้เซียนผู้คุมกฎทุกคนคลั่งไคล้มัน
“ผู้อาวุโส เป็นไปได้หรือไม่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีทักษะการต่อสู้ระดับเซียน ? ” เจี้ยนเฉินอยากรู้อยากเห็น
ผู้อาวุโสตอบเพียงว่า “ถ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีทักษะการต่อสู้ระดับเซียน มันก็ถือว่าน้อยไป มีทักษะการต่อสู้ระดับเซียนอยู่ที่นั่นจริง แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทั้งหมด อย่าถามเรื่องนี้อีกต่อไปเลย ข้าไม่สามารถให้คำตอบเจ้าได้”
การเดินทางต่อไปค่อนข้างเงียบ เจี้ยนเฉินเดินตามผู้อาวุโสไปยังศาลาเล็ก ๆ ซึ่งมีเส้นรอบวง 100 เมตรและมันสูง 10 เมตร. ตัวเรือนทั้งหมดทำจากไม้ไผ่และมีรอยแตกบนพื้นผิว มันแสดงให้เห็นว่ามันอยู่ผ่านมาแล้วหลายปี ด้านบนของประตูศาลามีป้ายที่เรียบง่ายแขวนอยู่ มันถูกเขียนว่า คลังอาวุธ ด้วยตัวอักษรที่มีลวดลาย
เจี้ยนเฉินมองดูศาลาด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าศาลาเล็ก ๆ แบบนี้จะเป็นที่เก็บ “คลังอาวุธ” พร้อมกับทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ เพราะมันเป็นสถานที่ที่ดูเหมือนจะไม่มีความปลอดภัยอะไรเลย
“ไผ่ชนิดนี้จะต้องไม่ใช่ไม้ไผ่ธรรมดาเนื่องจากมันไม่ผุพังหลังจากผ่านมาหลายปี หากไม่เป็นเช่นนั้น มันจะไม่มีทางทนแดดและฝนได้ยาวนานเช่นนี้” เจี้ยนเฉินครุ่นคิด
ผู้อาวุโสที่พาเจี้ยนเฉินไปที่ศาลาก็หยุดอยู่ตรงหน้าประตูทันที เขามองประตูด้วยท่าทีแปลก ๆ “ศาลาหลังนี้มีมานานหลายปี มันถูกสร้างขึ้นเมื่อผู้ก่อตั้งเมืองทหารรับจ้าง โม่เทียนหยุนตัดสินใจสร้างด้วยตัวเอง สำหรับเมืองรับจ้างของเรา สถานที่นี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ด้อยไปกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
เจี้ยนเฉินรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่นี้ทันทีเมื่อเขามองดูตัวเรือนอีกครั้ง ศาลาหลังนี้ตรงหน้าเขา โมเทียนหยุนเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง มันจึงมีความหมายพิเศษ
“ไฮ้ เวลาช่างไร้ความปรานี” ผู้อาวุโสถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าก่อนที่จะเงียบ เขาหันไปหาเจี้ยนเฉินและพูดว่า “นี่คือที่เก็บคู่มือลับทั้งหมด ข้าทำได้แค่นำทางเจ้ามาที่นี่ ส่วนที่เหลือเจ้าต้องพึ่งตัวเอง”
” ข้าขอบคุณผู้อาวุโสมาก ! ” เจี้ยนเฉินป้องมือคำนับ
“แคร่ก ! ” ทันใดนั้นประตูทางเข้าศาลาก็เปิดออกด้วยตัวเองเผยให้เห็นแสงมืดสลัวข้างใน มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านใน
“เจี้ยนเฉิน รีบเลือกรางวัลของเจ้า อย่าลืมถอดรองเท้าด้วย มันเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะสิ่งสกปรกไม่สามารถเข้าไปในคลังอาวุธได้
เมื่อได้ยินคำเตือน เจี้ยนเฉินก็นิ่งไปชั่วครู่ เขาไม่คิดว่าเขาจะต้องถอดรองเท้าเพื่อเข้าไปในคลังอาวุธ เขาคิดว่ามันเป็นคำขอที่แปลกประหลาด แต่เขาก็ไม่ลังเลและวางรองเท้าของเขาบนพื้นด้านนอกก่อนเข้าสู่ศาลาเล็ก ๆ
ภายในคลังอาวุธนั้นสว่างเป็นพิเศษ ไม่มีรอยฝุ่นปรากฏบนชั้นหนังสือ หนังสือเก่าแก่ตามอายุและวัสดุเรียบง่ายวางซ้อนกันในแต่ละชั้น ชั้นวางเหล่านี้ค่อนข้างลึกลับเพราะไม่มีการสึกหรอหรือเสียหาย หนังสือแต่ละเล่มบนชั้นหนังสือต่าง ๆ นั้นทำมาจากชิ้นส่วนของสัตว์อสูรซึ่งแต่ละเล่มก็หนาหลายนิ้ว
เมื่อมองไปรอบ ๆ เขาก็รีบไปพบผู้อาวุโสที่สวมเสื้อคลุมสีเทาอย่างระมัดระวัง เขากำลังทำความสะอาดชั้นหนังสืออย่างขยันขันแข็งราวกับว่าหนังสือแต่ละเล่มเป็นสมบัติที่ต้องทำความสะอาดอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้มีเศษฝุ่นหลงเหลือ
เจี้ยนเฉินยืนเงียบ ๆ อยู่ข้างหลัง เขาไม่พูดอะไรกับผู้อาวุโส จากรูปร่างหน้าตาผู้อาวุโสดูไม่เหมือนกันคนที่มีวรยุทธ์ แต่เจี้ยนเฉินรู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ในคลังอาวุธที่เต็มไปด้วยทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ไม่มีทางที่ผู้พิทักษ์สถานที่แห่งนี้จะเป็นคนที่ธรรมดาเช่นนั้น
เกือบจะเหมือนกับว่าผู้อาวุโสไม่รู้สึกถึงการมาถึงของเจี้ยนเฉิน เขายังคงตั้งใจจดจ่อที่จะนำหนังสือแต่ละเล่มออกจากชั้นวางหนังสือก่อนที่จะทำความสะอาดแต่ละหน้าอย่างระมัดระวัง ทันทีที่หนังสือสะอาด เขาจะนำมันกลับมาวางที่เดิมและเริ่มทำความสะอาดหนังสือเล่มต่อไป
ผู้อาวุโสไม่ได้ปล่อยให้เจี้ยนเฉินต้องรอนาน เมื่อเขาทำความสะอาดเสร็จทั้งชั้น เขาก็หันหลังกลับมาและเริ่มเดินไปหาเจี้ยนเฉิน
“ข้าเจี้ยนเฉินขอคารวะท่านอาวุโส ! ” เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสหันมาหา เจี้ยนเฉินรีบป้องมือคารวะ
ผู้อาวุโสยังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่มองเจี้ยนเฉินและพูดว่า ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์อยู่อีกทาง ตามข้ามา
“ขอรับ” เจี้ยนเฉินรีบตามผู้อาวุโสไป
“เจ้าควรระมัดระวังและอย่าทำให้อะไรที่นี่เสียหาย” ผู้อาวุโสพูดด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง แต่มีพลังจำนวนมากที่เปล่งประกายออกมาจากเขา
เจี้ยนเฉินรีบตอบผู้อาวุโส เขารู้ว่าผู้อาวุโสรักทุกอย่างในศาลาแห่งนี้ หากเขาทำให้เกิดความเสียหายเพียงเล็กน้อย เขาคงต้องเจอกับเรื่องน่าปวดหัวมากมาย
เจี้ยนเฉินติดตามผู้อาวุโสเข้าไปด้านในอย่างระมัดระวัง เขาไม่กล้าเดินกระทืบเท้าแรง ๆ เพราะกลัวมันจะเสียหาย
ไม่นานต่อมา เจี้ยนเฉินพบว่าตัวเองอยู่กับผู้อาวุโสบนชั้นสูง ที่นี่มีเพียง 4 ชั้นวางหนังสือ แต่ละชั้นมีความแตกต่างกันเนื่องจากปริมาณของหนังสือ บางชั้นมีหนังสือสองสามร้อยเล่ม บางชั้นมีเพียงไม่กี่โหล
ทันใดนั้นผู้อาวุโสก็หยิบหนังสือเล่มเล็กเล่มหนึ่งขึ้นมาและมอบให้เจี้ยนเฉิน “หนังสือเล่มนี้มีรายละเอียดของทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์และวิธีบ่มเพาะระดับสวรรค์ เจ้าลองเลือกดู”
เจี้ยนเฉินหยิบหนังสือจากผู้อาวุโส เขาเริ่มเปิดทีละหน้า แน่นอนสิ่งที่อาวุโสพูดนั้นถูกต้อง หนังสือเล่มนี้เป็นรายชื่อของทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์หรือวิธีบ่มเพาะ สิ่งนี้น่าประหลาดใจอย่างยิ่งสำหรับเจี้ยนเฉิน เนื่องจากเขาเห็นทั้งทักษะการต่อสู้และวิธีบ่มเพาะมากมาย เขาถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเริ่มอ่าน
ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์เป็นสมบัติของโลกปัจจุบัน แต่ละชิ้นมีค่าเท่ากับเงินจำนวนมหาศาล แต่ในคลังอาวุธนี้ ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์นั้นแทบจะเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนการกินข้าว หากจำนวนของทักษะการต่อสู้เหล่านี้ถูกประกาศไปทั่ว ทั้งโลกจะต้องตกตะลึง
“ผู้อาวุโสที่นี่มีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์มากมาย เคยมีใครพยายามขโมยมันมาก่อนหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินรีบถามทันที
ผู้อาวุโสมองอย่างดูถูกเหยียดหยามเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น แต่เขาปฏิเสธที่จะตอบโต้
เมื่อมาถึงจุดนี้ เจี้ยนเฉินก็รู้ทันทีว่าเขาถามคำถามที่โง่มาก เมืองทหารรับจ้างเมืองนั้นไม่มีใครที่โลภมากอยากได้ทักษะการต่อสู้เหล่านี้หรือมีความสามารถในการขโมย
เจี้ยนเฉินไม่มีคำถามอีกต่อไป เขาเริ่มมองทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์และวิธีบ่มเพาะ
ไม่นานหลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ตัดสินใจเลือกทักษะการต่อสู้และวิธีบ่มเพาะ ผู้อาวุโสไม่พูดอะไรมาก เขาเดินไปที่ชั้นวางหนังสือสองแห่งที่แตกต่างกันและหยิบหนังสือสองเล่มออกมาก่อนที่จะส่งไปให้เจี้ยนเฉิน ” นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการ”
เจี้ยนเฉินหยิบหนังสือสองเล่มด้วยมือที่สั่นเทา เขาไม่อยากเชื่อว่าวัตถุทั้งสองที่เขาเพิ่งได้รับนั้นเป็นทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์และวิธีบ่มเพาะ
เจี้ยนเฉินเลือกทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ที่เรียกว่า ย่างก้าวนวเมฆา นี่เป็นทักษะการต่อสู้ที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้และไม่ต้องการคุณลักษณะเฉพาะของพลังเซียนหรือเงื่อนไขที่เข้มงวดอื่น ๆ
ย่างก้าวนวเมฆานั้นมีทั้งหมด 9 รูปแบบ โดยแต่ละรูปแบบแข็งแกร่งกว่าเดิม มีข่าวลือว่ารูปแบบสุดท้ายสามารถทำลายสวรรค์และทำให้โลกสั่นสะเทือน
เจี้ยนเฉินออกจากคลังอาวุธ เขาตามผู้อาวุโสที่นำทางเขามาก่อนหน้านี้ไป
ระหว่างทางผู้อาวุโสพูดกับเขาว่า “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะเปิดในอีกสามวัน ในเวลานั้นจะมีคนมาหาเจ้า ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่เจ้าจะไม่ออกจากเมืองทหารรับจ้างก่อนหน้านั้น”
“ขอรับผู้อาวุโส”
เจี้ยนเฉินและผู้อาวุโสกลับไปที่ห้องโถงซึ่งประตูมิติเปิดอยู่ สำหรับให้เจี้ยนเฉินเดินผ่านไป
เมื่อเจี้ยนเฉินเห็นประตูมิติ เขาก็รู้สึกสับสน เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาไม่ได้อยู่ในเมืองทหารรับจ้างแต่อยู่ในถุงมิติ ?
เจี้ยนเฉินเดินผ่านประตูโดยไม่ลังเลและพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในตลาดของเมืองทหารรับจ้าง ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือสังเวียนขนาดใหญ่ไม่มีให้เห็น เหลือเพียงพื้นที่ว่างเปล่า
ผู้คนจำนวนมากที่แออัดอยู่ตรงนั้นกระจัดกระจายหายกันไปหมดแล้ว การแข่งขันเสร็จสิ้นเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน การประกาศผลสำหรับสิบอันดับแรกนั้นได้ถูกประกาศโดยธงขาวขนาดใหญ่พร้อมกับชื่อของผู้เข้าแข่งขันสิบอันดับแรกบนท้องฟ้า
อันดับหนึ่งคือเจี้ยนเฉิน อันดับสองคือซาร์เอี้ย และอันดับสามคือหมิงตง
“เฮ้ ดูสิ ! เขาคืออันดับหนึ่งของการแข่งขันในงานชุมนุมทหารรับจ้าง เจี้ยนเฉิน..! ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเห็นเจี้ยนเฉินและร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของชายหนุ่ม ทุกคนในพื้นที่ก็หันกลับมามองเจี้ยนเฉินที่สวมเสื้อคลุมสีขาว ความอิจฉาริษยาและความชื่นชมปะปนใปบนใบหน้าของทุกคนที่จ้องมองเขา และหญิงสาวมากมายต่างเปิดเผยความชื่นชอบที่มีให้เขา
เจี้ยนเฉินเป็นคนที่มีใบหน้าหล่อเหลา เขาจึงเป็นที่หมายปองของหญิงสาวด้วยรูปร่างหน้าตา ตอนนี้ด้วยความรุ่งโรจน์ของการเป็นราชาของทหารรับจ้างพร้อมกับการแสดงความแข็งแกร่ง เขาได้กลายเป็นอัศวินขี่ม้าขาวที่ส่องประกายสำหรับหญิงสาว