ภาคที่ 2 บทที่ 182 นักรบอารามคนสุดท้าย

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 182 นักรบอารามคนสุดท้าย

หมัดครั้งนี้ลอบโจมตีซูเฉินจากด้านหลัง หมายจะเอาชีวิตเขาในคราเดียว

แต่เมื่อจี้ลั่วอวี่ร้องขึ้น ซูเฉินก็สามารถตอบสนองได้ในทันที

เขาไม่ได้หันหลังกลับไป แต่กลับพุ่งตัวไปด้านหน้าแล้วโยนแผ่นหินกักวิญญาณขึ้นไปในอากาศ

ยามแผ่นหินกักวิญญาณถูกโยนไปเช่นนี้ ร่างของผ้าเท่อลั่วเค่อก็ลอยตามไปด้วย ปากก็ร้องเสียงแตกตื่นตกใจ

อสูรเกล็ดม่วงเงยหน้าคำรามลั่นแล้วพุ่งเข้ามาในพลัน หมายจะรับแผ่นหินนั่นไว้ก่อนจะตกลงพื้น

ซูเฉิน เจ้าอสูรกาย และตานปาจำต้องพุ่งเข้าใส่กัน

พริบตานั้นเอง

ตู้ม !

ฝุ่นหนาตลบขึ้นฟ้า เงาร่างสองเงากระเด็นออกมา

คือซูเฉินกับตานปานั่นเอง

“โบร๋ววว !” อสูรเกล็ดม่วงยืนอยู่ท่ามกลางฝุ่นหนานั่นแล้วคำรามลั่น

แลกกระบวนท่ากันเมื่อครู่ ฝ่ายอสูรเกล็ดม่วงเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบที่สุด

หากแต่ทิศทางของแผ่นหินกักวิญญาณก็เปลี่ยนไปเพราะเหตุนี้ ไม่อาจมีใครรับมันไว้ได้ ได้แต่ให้มันดิ่งลงพื้นในทันที

“ไม่ !” ผ้าเท่อลั่วเค่อร้องเสียงสิ้นหวัง

จากนั้นแผ่นหินก็ร่วงลงพื้น

ร่างมายาของผ้าเท่อลั่วเค่อภาพสะดุดไปเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าตนยังไม่ได้สลายหายไป

ไม่แตกหรือ ?

เขามองภาพนั้นด้วยความตกใจ ก่อนจะพบว่าที่ใต้แผ่นหินยังมีเส้นสายอากาศรองไว้อยู่ ไม่ได้ตกกระทบพื้นอย่างที่คิด

เมื่อมองดูดี ๆ คือมีเงาคล้ายหนวดกำลังรัดอยู่รอบแผ่นหินนั้น เป็นมันที่หยุดแผ่นหินไว้ไม่ให้ตกลงไปกระแทกพื้นจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ

“นี่……” เขาเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก

“ฝีมือข้า” ซูเฉินเอ่ยพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ

เขาวาดมือคราหนึ่ง แผ่นหินกักวิญญาณก็ลอยกลับมาอยู่ในมือเขาโดยมีหนวดอากาศคอยควบคุม

ตานปาหน้าตาทะมึนลง “เจ้าเตรียมการณ์ไว้แล้ว !”

ซูเฉินเอียงคอตน “ข้ารอเจ้ามานานแล้ว”

ตานปาทำลายแผนการซูเฉินไปแล้วถึง 2 ครั้ง ทำให้ต้องพบกับความพ่ายแพ้ถึงสองครา

หากซูเฉินยังไม่เตรียมการรับมืออีกฝ่ายไว้แล้วก็คงไม่ใช่ซูเฉิน

แม้จะไม่รู้ว่าตานปาหาที่นี่เจอได้อย่างไร แต่ซูเฉินก็เชื่อว่าตานปาจะต้องมายังห้องศูนย์กลางเช่นห้องนี้เป็นแน่

ว่าแล้วก็วาดแขนขวาออกไป หนวดอากาศคว้าแผ่นหินกักวิญญาณฟาดไปทางตานปาในพลัน

ใช่แล้ว เขาคิดใช้แผ่นหินกักวิญญาณเป็นค้อนทุบคน

“อ๊ากกก !” เสียงกรีดร้องลั่นด้วยความหวาดกลัวของผ้าเท่อลั่วเค่อดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อแผ่นหินลอยไปทางตานปา อสูรกายระดับกลางก็กระโจนเข้าไป ส่งเสียงคำรามยามกระโดดเข้าใส่ตานปา

ตานปารู้ดีว่าตนตกที่นั่งลำบาก รีบถอยทันที ภาพอินทรีมงกุฎเหล็กปรากฏขึ้นที่เบื้องหลัง เงื้อกรงเล็บเข้าใส่แผ่นหินกักวิญญาณที่กำลังพุ่งเข้ามา เห็นได้ชัดว่าหมายใช้การโจมตีนี้ทำลายมันทิ้ง

ผ้าเท่อลั่วเค่อร้องเสียงหลง

ซูเฉินดึงหนวดอากาศกลับมา แผ่นหินกักวิญญาณลอยกลับมา หลบกรงเล็บได้อย่างหวุดหวิด

“ย่าห์ !” ตานปาคำรามโกรธออกมา คลื่นพลังรุนแรงพุ่งทะยานใส่ซูเฉิน อสูรกายและแผ่นหิน ทันใดนั้นเวลาก็ราวกับจะช้าลง

จังหวะนั้นมีริ้วแสงหนึ่งถูกซัดเข้าใส่ซูเฉิน พริบตาต่อมาริ้วแสงอีกเส้นก็ถูกซัดออกไป หากแต่ครั้งนี้มันมุ่งหน้าไปทางตานปา

ฟ้าว !

หลังจากริ้วแสงซัดออกไปก็ตามมาด้วยหยาดเลือดสาดกระเซ็นจากร่างซูเฉินและตานปา ทั้งคู่เปลี่ยนทิศทางกลางอากาศเพราะพลันมีหอกสั้นพุ่งเข้าใส่

ไม่ห่างจากทางเข้าห้องทดลองไปเท่าไรนัก มีเผ่าคนเถื่อนอีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

เป็นนักรบอารามถือหอกสั้น

ทั่วทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยหยาดโลหิต ที่อกมีโพรงขนาดใหญ่อยู่ เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้แล้ว หากแต่การโจมตีเมื่อครู่ก็ยังสามารถทำให้ซูเฉินได้รับบาดเจ็บได้

ทว่าหอกสั้นเล่มหนึ่งก็แทงเข้าช่วงท้องตานปาเช่นกัน

หอกเล่มนี้เป็นของผีเยวี๋ยนหง

“เจ้าไม่ได้บาดเจ็บนี่ !” ตานปาคำรามลั่น ตวัดตามองผีเยวี๋ยนหง

“บาดแผลข้าเกือบจะหายดีแล้ว” ผีเยวี๋ยนหงตอบ ออกแรงเมื่อครู่ทำให้แผลเขาเปิดขึ้นอีกครา หากแต่เขากลับไม่ใส่ใจมันนัก

แม้หอกสั้นของนักรบอารามจะแหลมคมมากแต่ก็ไม่อาจเอาชีวิตได้ เมื่อผีเยวี๋ยนหงดื่มยาฟื้นพลังระดับสูงเข้าไป บาดแผลเขาก็ฟื้นตัวโดยเร็ว ทว่าซูเฉินสั่งไว้ว่าให้เขาทำทีเป็นบาดเจ็บหนักต่อไปเพื่อจะได้หาจังหวะปล่อยการโจมตีเช่นเมื่อครู่ได้

ไม่คิดเลยว่าซูเฉินจะบอกให้ผีเยวี๋ยนหงทำทีเป็นบาดเจ็บเพื่อหาจังหวะลอบโจมตี ส่วนตานปาเองก็วางแผนให้นักรบอารามหอกสั้นผู้นี้ลอบโจมตีมาเช่นกัน ผลที่ออกมาคือต่างคนต่างลอบโจมตีและถูกลอบโจมตีไปพร้อมกัน

กล่าวได้ว่าทั้งสองฝ่ายชั่วร้ายไม่แพ้กัน

พูดแล้วผีเยวี๋ยนหงก็ส่งหนึ่งหมัดออกไป ตามมาด้วยต้วนเจียงซาน และอวี๋เมิ่งหนานที่ซัดการโจมตีของตนออกมา ทำให้แม้นักรบอาราม 2 คนรวมพลังกันจะแข็งแกร่งยิ่งนัก แต่ทว่าทั้งคู่ก็บาดเจ็บอยู่ ไม่อาจโจมตีเต็มกำลังได้

จังหวะนั้นเอง เจ้าอสูรเกล็ดม่วงก็พุ่งเข้ามาอีก ก่อนอ้าปากพ่นควันสีม่วงออกมากระจายไปทั่ว

มันเป็นอสูรกายระดับกลาง ทุกคนรู้ดีว่ามันแข็งแกร่งเพียงไหน ไม่มีใครอยากถูกมันโจมตีทั้งสิ้น ผีเยวี๋ยนหงและคนอื่น ๆ ได้แต่ถอย ตานปาและนักรบอารามหอกสั้นก็เช่นกัน

อสูรเกล็ดม่วงคิดจะพ่นหมอกออกมาอีกเมื่อเห็นว่าแผ่นหินกำลังพุ่งไปทางมัน ด้วยซูเฉินใช้แผ่นหินดึงความสนใจของมันไป โดยข้าง ๆ มีเยว่หลงซาที่พยายามค้นขวดยาส่งให้ซูเฉิน ส่วนจี้ลั่วอวี่ก็ดึงหอกออกจากร่างแล้วทำแผลให้ ประกอบกับเสียงกรีดร้องตกใจของผ้าเท่อลั่วเค่อดังสะท้อนไปในอากาศ จึงทำให้เกือบจะเป็นภาพที่มองแล้วน่าขันนัก

“เหล่าผี ดื่มยาแล้วสังหารมันเลย !” ซูเฉินตะโกนบอก

“เข้าใจแล้ว !” ผีเยวี๋ยนหงตอบ จากนั้นดึงยาออกมาชุดหนึ่งแล้วดื่มมันจนหมด หากแต่เขาไม่ได้ดื่มยาฟื้นพลังระดับสูง กลับโยนมันให้เยว่หลงซาให้นางส่งยาให้ซูเฉินแทน

เมื่อกระดกขวดยา 4 ขวดติดต่อกัน มันก็ทำให้พลังของผีเยวี๋ยนหงพุ่งทะยานบ้าคลั่ง เลือดในกายเริ่มร้อนผ่าว

“สังหารตานปาก่อน !” ซูเฉินตะโกนเสียงดัง

สำหรับเขาแล้ว การสังหารตานปานั้นมีค่ากว่าการสังหารเผ่าคนเถื่อน 36 คนเสียอีก

“อ๊ากกก !” ผีเยวี๋ยนหงคำรามลั่นพลางพุ่งเข้าใส่ตานปา

อินทรีมงกุฎเหล็กสยายปีกทั้งสองออกแล้วซัดกรงเล็บเข้าปะทะกับหมัดเหล็กของผีเยวี๋ยนหง ประกายแสงกระเด็นออกมาทั่วทิศ นักรบอารามอันแข็งแกร่งถูกหมัดของผีเยวี๋ยนหงซัดจนกระเด็นไป

ไม่ใช่เพราะพลังของผีเยวี๋ยนหงเพิ่มสูงขึ้นมากเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายบาดเจ็บหนักจากหอกอยู่แล้วด้วย

“ตาย !” ผีเยวี๋ยนหงคำรามแล้วพุ่งตัวเข้าไป ซัดหนึ่งฝ่ามือเข้าที่หัวตานปา

ในจังหวะที่เขาหมายจะระเบิดหัวตานปานั่นเอง นักรบอารามหอกสั้นก็พุ่งเข้ามาหมายจะสกัดการโจมตีของผีเยวี๋ยนหงไว้ พริบตาก่อนที่ทั้งคู่จะปะทะกัน ก่อนร่างของนักรบอารามผู้นั้นจะแผ่แสงสว่างวาบขึ้น

เป็นแสงคล้ายกับเมื่อตอนที่เฟ้ยลาหลัวใช้วิชาต้องห้ามก่อนจะสิ้นใจ

“หลงเท่อเอ่อร์ !” ตานปาร้องขึ้น

นักรบอารามหอกสั้นเหลือบมองตานปาแล้วตะโกนขึ้น “ไป !”

ตานปากดแผลที่หน้าท้องไว้แล้วร่นถอยไป

“อย่าคิดหนีเชียว !” ผีเยวี๋ยนหงขัดขึ้น หมายจะไล่ตามสังหารตานปาให้ได้

นักรบอารามหอกสั้นร่างกายกลับมามีกำลังขั้นสุดหลังจากใช้วิชาต้องห้ามไปเมื่อครู่ บาดแผลทั่วร่างไร้ความเจ็บปวดชั่วขณะ แม้ผีเยวี๋ยนหงจะดื่มยาเข้าไปทั้งชุด หากแต่กำลังของนักรบอารามในตอนนี้ก็เกือบจะเทียบเท่าเขาได้แล้ว หากแต่นักรบอารามผู้นี้เชี่ยวชาญด้านความว่องไว หากจะทำให้มั่นใจว่าตานปาจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยเขาย่อมไม่อาจหลบการโจมตีนี้ได้ อีกทั้งทำอย่างไรเขาก็ไม่อาจเอาชนะผีเยวี๋ยนหงในตอนนี้ได้เช่นกัน

อีกทั้งอวี๋เมิ่งหนานและต้วนเจียงซานเองก็อยู่ไม่ไกล ดังนั้นมนุษย์ 3 คนจึงเริ่มผสานกำลังกันในทันที

นักรบอารามหอกสั้นขวางทางออกไว้ไม่ยอมถอย

ตู้ม ตู้ม ตู้ม !

พลังซัดครั้งแล้วครั้งเล่ากระหน่ำปะทะร่าง ส่งผลให้เขากระอักเลือดออกมาไม่หยุด

หากแต่เขายังคนฝืนทนต่อไป ร่างเตี้ยของเขาเริ่มแผ่แสงจ้าออกมา โทเทมวานรวิญญาณปรากฏขึ้นเหนือหัวเป็นครั้งสุดท้าย

“ย่าห์ !” ต้วนเจียงซานร้องขึ้นขณะใช้ดาบทลายขุนเขาผ่าร่างนักรบอารามจนเลือดกระฉูดออกมาเปรอะใบหน้า

หลงเท่อเอ่อร์ยังคงตวัดหอกในมือซัดการโจมตีออกไปราวกับไม่รับรู้ถึงบาดแผลบนร่างตนแม้แต่น้อย

ผัวะ !

ตู้ม !

พลังยังถูกซัดเข้ามาไม่หยุดหย่อน หลงเท่อเอ่อร์รับหมัดสามหมัดจากผีเยวี๋ยนหง สองฝ่ามือจากอวี๋เมิ่งหนาน ก่อนที่อักขระโทเทมบนร่างของเขาเริ่มแผ่แสงอ่อนลงยามหยาดโลหิตเริ่มไหลออกจากร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ จนชุ่มไปทั้งตัว

ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมถอย ต้วนเจียงซานกู่ร้องแล้วตวัดดาบเข้ามาอีกครา หลงเท่อเอ่อร์ไม่คิดหลบ แทงหอกออกไปเป็นการโต้กลับ ปลายหอกพลันปล่อยแสงสีดำออกมายามแทงทะลุอกต้วนเจียงซาน c]tดาบของต้วนเจียงซานเองก็แทงลึกเข้าร่างหลงเท่อเอ่อร์เช่นกัน

ผีเยวี๋ยนหงส่งอีกหนึ่งหมัดเล็งเข้าที่หัวหลงเท่อเอ่อร์ อีกฝ่ายถูกหมัดจนหน้าหงายดังกร๊อบ ส่งผลให้เกิดรอยบุ๋มใกล้ขมับ แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมสิ้นใจ แขนข้างที่เหลืออยู่ยังคงส่งการโจมตีออกไปไวดั่งสายฟ้าฟาด ซัดเข้าที่กลางแผลเก่าของผีเยวี๋ยนหง แม้ผีเยวี๋ยนหงจะดื่มยาหนังเหล็กเข้าไป แต่พลังซัดครานี้ก็ทำเขาเจ็บปวดจนโค้งงอไปทั้งร่าง

อวี๋เมิ่งหนานรีบพุ่งเข้ามา ส่งหนึ่งฝ่ามือเข้าที่อกหลงเท่อเอ่อร์ เสียงซี่โครงหักดังขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน ซี่หนึ่งหักแล้วทิ่มเข้าไปยังหัวใจ แต่ด้วยพลังจากวิชาต้องห้ามทำให้เขายังไม่อาจสิ้นใจ ยังคงส่งการโจมตีโต้กลับไป

การแลกการะบวนท่ากันระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้น อวี๋เมิ่งหนานมีพละกำลังด้อยกว่าหลงเท่อเอ่อร์ ดังนั้นจึงถูกแรงกระแทกจนกระเด็นไป หากแต่ยามที่ร่างกำลังลอยไปนั้นพลันมีด้ายเงินปรากฏขึ้นในมือ ใช้รัดแขนหลงเท่อเอ่อร์ไว้ และเมื่อนางกระตุกอย่างแรงทีหนึ่ง แขนข้างนั้นของหลงเท่อเอ่อร์ก็ถูกกรีดจนขาดลอยจามนางมาด้วย

หลังจากเสียแขนทั้งสองข้างไปแล้ว หลงเท่อเอ่อร์ก็เงยหน้าขึ้นกู่ร้องลั่นแล้วพุ่งตัวเข้ามา ดีดตัวขึ้นส่งลูกเตะคู่ออกไปสุดแรงเป็นครั้งสุดท้าย

หากแต่ยังไม่ทันปะทะร่างใคร ลูกเตะก็ถูกหยุดไว้เสียก่อน

ผีเยวี๋ยนหงคว้าเท้าอีกฝ่ายไว้แล้วเอ่ยเสียงเย็น “ไม่ยอมตายหรือ ? ดูสิว่าเจ้าจะรอดหรือไม่”

จากนั้นเขาก็ใช้แขนทั้งสองจับขาทั้งสองข้างอีกฝ่ายแน่นแล้วออกแรงฉีกร่างหลงเท่อเอ่อร์ออกเป็นสองส่วน