หลินฟานเองก็ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่คนสำคัญเขาก็กะว่าจะไม่เข้าไปช่วย
⁠⁠⁠⁠⁠⁠⁠

แต่…

.
ในตอนที่หลินฟานได้คุยกับชายชรา เขารู้สึกว่าชายชราคนนี้เป็นเหมือนกับปู่ของเขา

และฉิวจือเฉียนเองก็เสียใจมากด้วยกับเรื่องของเด็กน้อย

ดังนั้นหลินฟานจึงได้ตัดสินใจที่จะช่วย

แต่เมื่อซุนลูกั่วที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆมาโดยตลอดได้ยินสิ่งที่หลินฟานพูด ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

เขาค่อยๆขยับปากของเขาขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าเขาต้องการจะเตือนให้หลินฟานได้ทราบถึงเรื่องบางอย่าง แต่เขาก็ไม่สามารถส่งเสียงออกไปได้เลย

ซุนลูกั่วรู้ถึงตัวตนของผู้เฒ่าคนนี้ และรู้ด้วยว่าเด็กชายที่นอนอยู่ข้างหน้าเขาในตอนนี้ ก็คือหลานของผู้อาวุโสคนนั้น

ถ้ารักษาสำเร็จก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี!

แต่ในกรณีที่รักษาแล้วเกิดข้อผิดพลาดขึ้นกับเด็กชายคนนั้นแล้วล่ะก็…

ผลที่ตามมาจะต้องแย่มาก!

ซึ่งหลินฟานเป็นเพียงแค่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยเท่านั้น

และตอนนี้อาการของเด็กน้อยก็แย่ลงมากจนแม้แต่หมอที่ใกล้ชิดกับชายชราก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย

แต่หลินฟานกลับบอกว่าเขาสามารถรักษาได้?

ในมุมมองของซุนลูกั่ว หลินฟานคิดน้อยเกินไปจริงๆ!

ชายชราชำเลืองมองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ จากนั้นเขาก็ค่อยๆหันไปมองยังหลานชาย ที่กำลังทรมารขึ้นเรื่อยๆ

และในที่สุด เขาก็หันจ้องไปที่หลินฟาน

หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาถูกชายชราคนนี้จ้อง พวกเขาจะต้องตัวสั่นและตื่นตระหนกอย่างแน่นอน

แต่หลินฟานยังสงบเงียบไม่ต่างจากเดิม

จากนั้นชายชราก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “นายเริ่มรักษาได้เลย ต่อให้มีอะไรผิดพลาดฉันก็จะไม่โทษว่าเป็นความผิดของนาย!”

หลินฟานและชายชราเพิ่งจะพบเจอกันเป็นครั้งแรก และหลินฟานก็ยังดูหนุ่มอยู่มาก

แต่ชายชรากับยอมให้เขารักษา…

ต้องบอกก่อนว่าอารมณ์ของชายชรานั้นดีกว่าคนธรรมดาทั่วไปมากจริงๆ!

คำพูดเหล่านั้น ทำให้หลินฟานถึงกับแสดงความประหลาดใจออกมา

และเมื่อหมอที่กำลังรักษาเด็กน้อยอยู่นั้นได้ยิน เขาก็เหลือบไปมองหลินฟานแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นในทันที

เนื่องจากรูปลักษณ์ของหลินฟาน ยังเด็กมากเกินไป

แพทย์เป็นผู้ที่จะต้องมีความรู้ขั้นสูงสุด

จึงต้องใช้เวลาหลายปีในการศึกษาและฝึกฝนเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ

ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหลินฟานไม่น่าจะมีคุณสมบัติอะไรพวกนี้

แต่นี่ก็เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของชายชรา เขาจึงกล่าวว่า “ฉันจะบอกคุณเกี่ยวกับอาการของเด็กน้อยให้ฟังก่อน…”

หลินฟานโบกมือและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องบอกหรอก”

จากนั้นเขาก็ใช้เงิน 10 ล้านหยวนเพื่อซื้อน้ำยาทางการแพทย์มาจากระบบในทันที ซึ่งเขาก็กำลังจะเทลงไปในปากของเด็กน้อย

แต่หมอก็ได้หยุดหลินฟานเอาไว้และถามว่า “นี่ยาอะไร”

คุณรู้ไหมว่าสถานการณ์ของเด็กน้อยในตอนนี้มันอันตรายเป็นอย่างมาก ?

เพียงแค่ความผิดพลาดเล็กน้อยของคุณ ก็อาจจะทำให้เขาเสียชีวิตได้ทันที

และคุณก็ยังไม่ได้รู้หาอาการของเด็กน้อยเลยแม้แต่นิดเดียว

มาถึงก็จะเทยาเข้าปากทันที

แล้วจะไม่ทำให้คนเป็นหมอเป็นห่วงได้อย่างไร?

หลินฟานไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น เขาเพียงแค่มองย้อนกลับไปที่ชายชรา

จากนั้นชายชราก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “หมอหวง คุณมีวิธีอื่นงั้นหรอ ให้เขารักษาไป!”

ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น!

ชายชราให้หลินฟานใช้ยารักษาได้

ปล่อยให้เขาทำการรักษาไป ห้ามไปขัดเด็ดขาด!

หัวใจของหมอสั่นกลัวเป็นอย่างมาก และเขาก็ไม่กล้าที่จะขัดหลินฟานอีกต่อไป

จากนั้นหลินฟานก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาค่อยๆเทน้ำยาทางการแพทย์ลงไปในปากของเด็กน้อย

ซึ่งในตอนนี้ ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็มุ่งความสนใจไปที่เด็กน้อยคนนั้น

ชายชรา ฉิวจือเฉียน และคนอื่น ๆ ล้วนแต่กังวลเป็นอย่างมาก

พวกเขาหวังว่าเด็กน้อยจะต้องไม่เป็นอะไร!

แต่ในตอนนี้ซุนลูกั่วกลับรู้สึกกลัว

เขากลัวว่าอาการของเด็กน้อยจะแย่ลงไปกว่าเดิม!

“หือ!”

ผ่านไปได้ไม่นาน ดวงตาของเด็กน้อยก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ

และฟองในปากของเด็กน้อยก็ค่อยๆหยุดลง

จากนั้นการเต้นของหัวใจและการหายใจของเด็กน้อยก็เริ่มกลับมาคงที่ ราวกับว่าเขาแค่หลับอยู่บนพื้นเพียงเท่านั้น

ดูนี่…

เมื่อเห็นอาการที่ดีขึ้นของเด็กน้อย ใบหน้าของทุกคนก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

ดูเหมือนว่าเด็กน้อย…จะไม่เป็นไรแล้ว!

ชายชราถาม “สถานการณ์ของหยูห่าว ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

หมอรีบไปตรวจและพูด “ผ่าน…ผ่านพ้นอันตรายแล้วครับ”

หลังจากที่หมอพูดจบ เขาก็หันไปมองหลินฟานด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ

ในฐานะแพทย์ประจำตัวของชายชรา เขารู้ดีว่าสภาพร่างกายของเด็กน้อยนั้นแย่ขนาดไหน

โดยเฉพาะอาการก่อนหน้านี้ ถ้าเด็กน้อยหยุดหายใจในวินาทีถัดมา เขาก็จะไม่แปลกใจเลย

แต่แค่ยาเพียงขวดเดียวกลับทำให้อาการดีของเด็กดีขึ้นมาได้ยังไงกัน?

นี่ไม่ใช่ยาวิเศษนะ!

จากนั้นหมอก็เปิดปากของเขาขึ้น เขาต้องการถามหลินฟานว่ามันคือยาอะไร แต่เขาก็ตัดสินใจไม่ถามออกไป

ที่หลานชายของเขารอดมาได้ก็เป็นเพราะหลินฟานช่วยไว้ ชายชราเข้าใจทั้งหมดดี

“ขอบคุณที่ช่วยหยูห่าว!” ชายชราพูดอย่างจริงจัง

ทันทีที่ได้ยินคำขอบคุณจากชายชรา หมอกับชายฉกรรจ์ทั้งสี่ที่ยืนอยู่รอบ ๆ รวมถึงซุนลูกั่วที่อยู่ถัดไปจากเขาก็ถึงกับตกตะลึงในทันที!

ชายชราผู้นี้… ขอบคุณเป็นการส่วนตัว!

ช่างเป็นเกียรติอะไรอย่างนี้!

หลินฟานโบกมือไปมาก่อนจะพูด “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมทำได้”

และในเวลานี้ เด็กน้อยก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา

จากนั้นเขาก็เอามือมาขยี้ตาและพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง

เมื่อหมอหันไปเห็น เขาก็รีบวิ่งไปช่วยพยุงในทันที

ซึ่งตอนนี้เด็กน้อยกำลังมองไปรอบๆด้วยดวงตาที่ไม่ได้หม่อนหมองเหมือนเมื่อก่อน ดวงตาของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ทันใดนั้นเอง เมื่อเด็กน้อยได้หันไปเห็นชายชราที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเขาก็พูดขึ้นมา: “คุณปู่ พวกเราอยู่ที่ไหนหรอครับ”

คุณปู่!

เขาเรียกฉันว่าปู่!

ตั้งแต่ที่เขาล้มป่วยไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เขาก็ไม่เคยเรียกฉันว่าปู่อีกเลย!

ตอนนี้… ทำไม!

จากนั้นรอยยิ้มแห่งความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชรา

มีความสุขและดีใจ!

ในตอนที่หลานชายล้มป่วยลงกะทันหัน ชายชราก็ได้ไปหาหมอมานับไม่ถ้วน

แต่มันก็ไม่ได้ผลเลย

ชายชรากังวลเรื่องความเจ็บป่วยของหลานชายมาโดยตลอด และเมื่อไม่กี่วันก่อน จู่ๆ เขาก็ฝันว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับที่วัดในบ้านเกิดและทรงรักษาความเจ็บป่วยของหลานชายให้

แต่คนเฒ่าคนแก่ส่วนใหญ่มักจะไม่เชื่อในพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว

แต่หลังจากที่ใช้เวลามานานหลายปีในเมืองหลวง เขาก็รู้สึกเบื่อเล็กน้อย

มันก็ไม่เลวที่จะพาหลานชายกลับบ้านมาพักผ่อน

เมื่อเขาคิดอย่างนั้น เขาจึงมาที่นี้ในวันนี้

อย่างไรก็ตาม ชายชรายังไม่อยากจะเชื่อว่าหลานชายของเขาได้หายเป็นปกติแล้ว!

“ดี ดีมาก!” ชายชราตะโกนอย่างตื่นเต้น “หยูห่าว คุณหายดีแล้ว!”

หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่หลินฟานอีกครั้งและพูดว่า “ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองสินะ ฉันชื่อฉินเว่ยหมิง! แล้วน้องชายล่ะ ชื่ออะไร”

ทุกคนรอบตัวถึงกับช็อกในทันที!

ฉินเว่ยหมิง เป็นคนเริ่มแนะนำตัวเองกับชายหนุ่ม? !

นี่…

นี่…

ซุนลูกั่วได้มองไปที่หลินฟานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา!

และในเวลาเดียวกัน เขาก็ตัดสินใจว่าจะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินฟานในอนาคตให้ได้

ฉินเว่ยหมิง?

ทันทีที่ได้ยิน ใบหน้าของหลินฟานก็มีลักษณะแปลก ๆ

เขาจำได้เลือนลางว่าระหว่างทางมาที่วัดพู มีอนุสาวรีย์วีรบุรุษตั้งอยู่

และชื่อบนป้ายใต้อนุสาวรีย์วีรบุรุษ ก็ดูเหมือนจะมีชื่อฉินเว่ยหมิงสลักเอาไว้ด้วย

“ผมชื่อหลินฟาน”

“โห!”

ตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีเฮลิคอปเตอร์สีเขียวลายทหารบินเข้ามาจากบนฟ้า

เมื่อฝูงชนที่มองดูอยู่ตอนแรก ได้เห็นว่าเด็กน้อยได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากอันตรายแล้ว พวกเขาก็กำลังจะแยกย้ายกันออกไป

แต่ทันทีที่เฮลิคอปเตอร์ปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า พวกเขาก็หยุดเดินและเงยหน้าขึ้นไปมอง

ซึ่งในตอนนี้เฮลิคอปเตอร์ได้เข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ

และในไม่ช้า ชายที่ใส่เครื่องแบบทหารสองคนก็เดินลงมาจากเฮลิคอปเตอร์

พวกเขารีบมาหาฉินเว่ยหมิง และยืนนิ่งทำความเคารพแล้วตะโกนว่า “ท่านผู้นำ!”