ตอนที่ 328 คุณเฉิง
ตอนที่ 328 คุณเฉิง

 

โจวหมิ่นวางสายโทรศัพท์แล้วก็หันมองเวลา หล่อนยกโทรศัพท์ขึ้นมาตามสัญชาตญาณที่คิดไว้ว่าจะโทรหาเย่หมิงเป่ย แต่แล้วมือของหล่อนก็หยุดลงอีกครั้ง ยิ้มเยาะตัวเองเพราะลืมไปว่าตอนนี้ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ ความเคยชินที่โทรศัพท์ที่ทุกที่เวลาก่อนหน้านี้คงเปลี่ยนไม่ได้หรอก

 

เย่หมิงเป่ยในตอนนี้กำลังดูสถานที่จัดแฟชั่นโชว์ นับตั้งแต่งานแฟชั่นโชว์ครั้งก่อนที่เขาทำเองจนสำเร็จ หลังจากนั้นโจวหมิ่นก็มอบหมายให้เขาทำเรื่องประเภทนี้ทั้งหมด

แม้งานแฟชั่นโชว์จะมีขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็เป็นงานที่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า เย่หมิงเป่ยไม่อยากให้ถึงเวลานั้นแล้วเกิดความกระชั้นชิดมากเกินไป ดังนั้นจึงเริ่มดูสถานที่ตั้งแต่ตอนนี้ น่าเสียดายที่ดูไว้หลายแห่งแล้วแต่ก็ยังไม่พอใจ หากไม่ใช่เพราะราคาที่สูงเกินไปก็เป็นเพราะสถานที่ไม่เหมาะกับความต้องการภายในใจของเขา ยกตัวอย่างเช่นที่อยู่ตรงหน้าแห่งนี้ก็มีราคาสูงเกินไปแล้ว

 

“ถูกลงอีกสักหน่อยได้ไหมครับ?” เย่หมิงเป่ยพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย

คนที่รับผิดชอบเป็นผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าปี หล่อนมีชื่อว่าคุณเฉิง

 

คุณเฉิงกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “คุณเย่ ราคานี้ถูกที่สุดแล้วค่ะ สถานที่ใหญ่ขนาดนี้ ฉันกล้าพูดได้เลยว่าคุณหาที่ไหนที่ราคาถูกกว่าที่นี่ไม่ได้แล้ว คุณจะจัดงานแฟชั่นโชว์ ฉันเลยคิดว่าหาที่ที่สามารถรองรับคนได้มากสักหน่อยถึงจะดี ที่นี่สามารถรองรับคนได้หนึ่งพันกว่าคนเลยนะคะ ราคาแพงนิดหน่อยแต่ก็คุ้มค่า”

เย่หมิงเป่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้มาจนชินแล้ว ไม่เหมือนกับตอนแรกที่คิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นเรื่องที่ถูกต้อง หากปฏิเสธคนที่เสียหายก็คือตัวเอง นอกจากนี้อีกฝ่ายก็กระตือรือร้นขนาดนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีที่จะปฏิเสธ อีกอย่าง การปฏิเสธก็คล้ายกับตัวเองไม่มีเงิน ซึ่งมันดูเสียหน้าอย่างมาก แต่ตอนนี้แตกต่างจากตอนนั้นแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอย่างไรก็ทำให้เขาอ่อนไหวไม่ได้

 

“คุณเฉิงพูดถูกครับ แต่พวกเรามีงบจำกัดจริง ๆ ถ้าถูกกว่านี้ไม่ได้ก็คงต้องขอโทษด้วย ไว้ผมไปดูที่อื่นก็แล้วกันครับ” เย่หมิงเป่ยพูดด้วยความเกรงใจ

คุณเฉิงก็แสดงออกว่าเสียดาย หล่อนก้มมองนาฬิกา “นี่ก็ถึงเวลาอาหารแล้ว เอาแบบนี้นะคะ ฉันขอเลี้ยงข้าวคุณเย่สักมื้อได้ไหมคะ? ต่อให้คุณเย่ยุ่งกว่านี้ก็ต้องกินข้าว อีกอย่าง ต่อให้คุณเย่ไปดูสถานที่อื่น คนเหล่านั้นก็ยังต้องกินข้าวอยู่ดี”

 

เย่หมิงเป่ยย่อมปฏิเสธอยู่แล้ว ไม่รู้จักจะให้ไปกินข้าวอะไรล่ะ!

แต่คำพูดหลังจากนั้นของคุณเฉิงกลับทำให้เขาใจสั่น “คุณเย่ อันที่จริงราคานี้พวกเรายังเจรจากันได้นะคะ เราไปกินข้าวแล้วคุยกันไปพลาง ๆ ดีกว่านะคะ”

เย่หมิงเป่ยไปดูสถานที่มาเยอะมากแล้ว และเขาก็ชอบที่นี่จริง ๆ สถานที่ใหญ่ การเดินทางสะดวก จัดกิจกรรมเกี่ยวกับธุรกิจที่นี่ทำให้คนรู้สึกได้ว่ามีรสนิยมที่สูงมาก งานแฟชั่นก็ต้องมีสภาพแวดล้อมที่ส่องแสงสีทองระยิบระยับแบบนั้นแหละถึงจะดี

นี่เป็นสิ่งที่โจวหมิ่นบอก เขารู้สึกว่าที่นี่เหมาะกับความต้องการของโจวหมิ่น ดังนั้นเมื่อได้ยินคุณเฉิงพูดแบบนี้ จึงเกิดความลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะตกปากรับคำกลับไป

“ให้ผมเลี้ยงคุณเฉิงก็แล้วกันนะครับ” เย่หมิงเป่ยกล่าว เขาเองก็รู้สึกไม่ดีที่จะให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าวตัวเอง

คุณเฉิงยิ้มและตอบตกลง “งั้นฉันหาร้านเองค่ะ”

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารตะวันตกที่บรรเลงเพลงบลูส์

เย่หมิงเป่ยกวาดตามองไปรอบ ๆ ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือ กังวลว่าเงินในกระเป๋าจะไม่พอ

“คุณเย่มากินอาหารที่นี่เป็นครั้งแรกเหรอคะ?” คุณเฉิงหาที่นั่งติดหน้าต่างพลางเอ่ยถาม

“ก่อนหน้านี้ผมเคยมากับ…คนรักครั้งหนึ่งครับ” เดิมทีเย่หมิงเป่ยอยากบอกว่ามากับภรรยา แต่เมื่อคำพูดมาถึงปากก็เปลี่ยนคำพูดไป

  

“คุณเย่แต่งงานแล้วเหรอคะ? ดูไม่ออกเลยจริง ๆ” คุณเฉิงประหลาดใจ

“ลูกสาวจะหนึ่งขวบแล้วครับ” เย่หมิงเป่ยพูดพลางรับเมนูอาหารมาจากบริกร

  

เขามองดูราคาที่อยู่บนนั้น ก็พบว่าแพงชนิดวัวตายควายล้มจริง ๆ!

“คุณเฉิงกินอะไรดีครับ คุณสั่งก่อนเถอะครับ” เย่หมิงเป่ยยื่นเมนูอาหารให้คุณเฉิง

 

คุณเฉิงพลิกเมนูดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็สั่งอาหารที่หล่อนต้องการ เย่หมิงเป่ยก็สั่งเสร็จแล้วเช่นกัน หลังจากบริกรจดรายการอาหารก็เดินออกไป

  

“คุณเย่อายุน้อยขนาดนี้ก็แต่งงานมีภรรยามีลูกแล้ว ครอบครัวต้องมีความสุขมากแน่ ๆ เลยค่ะ” คุณเฉิงกล่าวเคล้ารอยยิ้ม

เย่หมิงเป่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ภายในใจแอบมีความคิดเล็ก ๆ แต่งงานมีลูกตั้งแต่วัยรุ่นเกี่ยวอะไรกับครอบครัวต้องมีความสุข?

 

“ได้ยินสำเนียงของคุณเย่แล้วไม่เหมือนคนในเมืองหลวงเลยนะคะ” คุณเฉิงเป็นคนช่างพูด หล่อนจึงยิงคำถามต่อไป

เย่หมิงเป่ยกล่าว “ผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ มาอยู่เมืองหลวงเกือบสองปีแล้ว”

“ไม่ทราบว่าบ้านเกิดของคุณเย่อยู่ที่ไหนเหรอคะ?” คุณเฉิงแสดงท่าทางอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก

หลังจากนั้นก็เป็นความประหลาดใจอย่างเหนือความคาดหมายของคุณเฉิง สวรรค์ คุณเย่เป็นคนต่างจังหวัด มองไม่ออกเลยจริง ๆ ใช่เหรอ คนรักของคุณเย่เป็นยุวปัญญาชน แถมยังเป็นนักศึกษาด้วย พวกคุณมีลูกกันแล้ว โรแมนติกจัง!

ระหว่างที่คุยก็กินอาหารตะวันตกไปด้วย เย่หมิงเป่ยถือมีดและส้อมด้วยท่าทางเงอะงะ ทำให้คุณเฉิงถึงกับหัวเราะ

 

“แค่เห็นก็รู้แล้วว่าคุณเย่กินอาหารตะวันตกไม่บ่อย”

เย่หมิงเป่ยยอมรับอย่างใจกว้าง “ผมไม่คุ้นกับรสชาติ แล้วก็กินไม่อิ่มด้วย มีดกับส้อมก็จับไม่ถนัดเท่าไร”

คุณเฉิงหัวเราะเบา ๆ “กินให้บ่อย ๆ อีกสักสองสามครั้งก็ดีขึ้นแล้วค่ะ”

เย่หมิงเป่ยกลับไม่คิดจะคุยเรื่องไร้สาระกับหล่อนแล้ว จึงถามเกี่ยวกับเรื่องราคาของสถานที่ คุณเฉิงตอบว่า “ไม่ทราบว่าคุณเย่รับราคาไหวอยู่ที่เท่าไรเหรอคะ?”

  

เย่หมิงเป่ยครุ่นคิดดูแล้วก็บอกตัวเลขไป

คุณเฉิงคิดอยู่สักพักก็ตอบมาว่า “ราคานี้แอบต่ำไปหน่อยนะคะ”

เย่หมิงเป่ยยิ้มด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คุณเฉิงช่วยสักหน่อยนะครับ คนจากต่างจังหวัดแบบพวกเรามาทำธุรกิจที่ในเมืองหลวงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย”

เย่หมิงเป่ยพูดเองก็แอบรู้สึกหน้าแดงอยู่เหมือนกัน

 

คุณเฉิงยิ้ม “คุณเย่เอาแต่บอกว่าเป็นคนต่างจังหวัด แต่ฉันดู ๆ แล้วไม่คล้ายเลยสักนิด คนต่างจังหวัดที่ไหนมาทำงานแฟชั่นล่ะคะ”

 

“จริง ๆ นะครับ” เย่หมิงเป่ยพูดอย่างจริงใจ “เรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นต้องโกหกคุณเลย”

คุณเฉิงจิบกาแฟหนึ่งคำ “คุณเย่เป็นคนจริงใจมากเลยค่ะ คนจากต่างจังหวัดที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนต่างจังหวัดแบบคุณมีไม่มาก คนต่างจังหวัดที่ฉันเคยเห็นมา ต่างก็กลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าเป็นคนต่างจังหวัดกันทั้งนั้น”

เย่หมิงเป่ยส่ายหน้า “อยู่ที่ไหนก็คือที่นั่นแหละครับ เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบัง อีกอย่างผมเองก็ไม่คิดว่าคนต่างจังหวัดไม่ดีและอยู่ต่ำกว่า ถ้าพูดให้ติดตลกก็คือ หากไม่มีคนต่างจังหวัดทำนาทำสวน จะมีคนในเมืองหลงตัวเองเหรอครับ?”

คุณเฉิงหัวเราะ “คุณเย่เป็นคนอารมณ์ขันมากจริง ๆ ค่ะ”

“นี่เป็นคำพูดจากใจจริงนะครับ คนเราต้องกินข้าว มีแค่กินอิ่มถึงจะคิดและอยากได้สิ่งอื่นได้” เย่หมิงเป่ยพูดอย่างใจกว้าง

 

ต่อให้ตอนแรกที่เย่หมิงเป่ยมาถึงเมืองหลวงจะรู้สึกว่าการเป็นคนต่างจังหวัดเป็นเรื่องน่าขายหน้าก็ตาม ตอนนี้กลับยิ่งเป็นไปไม่ได้ เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลย ทำไมคนต่างจังหวัดมาอยู่ในเมืองหลวงต้องเป็นปมด้อยด้วย

“คุณเย่พูดถูกค่ะ แต่มีคนจำนวนมากไม่ได้คิดแบบนี้ เป็นเรื่องง่ายมากที่คนเราจะลืมกำพืดตัวเอง ฉันกล้าพูดได้เลยว่าคนในเมืองหลวงสามชั่วอายุคนขึ้นไปต่างก็เป็นคนทำนาทำสวนกันทั้งนั้น น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ทำนากันแล้ว ก็เลยดูถูกการทำนา” คุณเฉิงส่ายหน้า

“ความหมายของคุณเฉิงคือ บรรพบุรุษของคุณก็ทำนาทำสวนเหมือนกันเหรอครับ?” เป็นเพราะอยากได้สถานที่ในราคาถูก เย่หมิงเป่ยจึงต้องพูดด้วยความอดทน

“แน่นอนอยู่แล้ว!” คุณเฉิงพูดอย่างมั่นใจ “จนถึงตอนนี้คุณปู่ของฉันก็ยังทำนาอยู่เลยนะคะ!”

 

เย่หมิงเป่ยมองชุดที่คุณเฉิงสวมใส่ เขาทำเสื้อผ้ามานานขนาดนี้ ย่อมเข้าใจเกี่ยวกับเสื้อผ้าไม่มากก็น้อย เสื้อผ้าที่คุณเฉิงสวมใส่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ธรรมดาแม้แต่น้อยเลย ยึดตามวิธีพูดของโจวหมิ่นก็คือ หรูหราแบบไม่ให้เป็นที่สนใจ

………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จะต่อรองราคากับคุณเฉิงได้สำเร็จไหมนะ เอาใจช่วยค่ะ

ไหหม่า(海馬)