บทที่ 1428+1429

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1428+1429 Ink Stone_Romance

บทที่ 1428 นึกไม่ถึงว่านางจะส่งตัวมาให้ถึงประตูล่วงหน้า!

เขายังคงควบคุมตัวเองไว้ได้ คิดจะรอให้ถึงคืนพรุ่งนี้ ค่อยหาหญิงงดงามที่สุดโดดเด่นที่สุดมาทำประกอบกิจนี้

มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ หากอดกลั้นไว้ตลอดไม่กระทำเลยยังพออดทนไว้ได้ แต่ถ้ามีความคิดเช่นนี้แล้ว เมื่อไม่อาจคลี่คลายได้ในบัดนั้นก็จะค่อนข้างทุกข์ทรมาน เดิมทีเขาคิดจะนอนต่อ นึกไม่ถึงว่าเป็นตายอย่างไรก็หลับไม่ลง ทั้งหัวเต็มไปด้วยเรือนร่างขาวลออของอิสตรี…

ขณะที่กำลังทรมานคับข้องอยู่ ด้านนอกพลันมีเสียงสาวใช้เคาะประตูเบาๆ “นายท่าน บ่าวมีเรื่องจะรายงานเจ้าค่ะ…”

เสียงหวานหยาดเยิ้ม เป็นเมิ่งเถียนเอ๋อร์สาวใช้ประจำตัวเขา

เมิ่งเถียนเอ๋อร์เป็นหญิงงามนิสัยดี ปกติแล้วขี้เกรงใจยิ่งนัก ปรนนิบัติรับใช้เขาอย่างเหมาะสม ที่สำคัญกว่านั้นคือ นางเกิดมาพร้อมกับเสน่ห์เย้ายวนที่แฝงอยู่ในกระดูก ทุกอากัปกริยาล่อลวงจิตใจคนได้ ยามปกติทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมค่อนข้างสนใจนาง เพียงข่มกลั้นเอาไว้เสมอมา เขาถึงขั้นขบคิดไว้แล้วว่าสตรีที่ต้องการในคืนพรุ่งนี้ก็คือนาง…

นึกไม่ถึงว่านางจะส่งตัวมาให้ถึงประตูล่วงหน้า!

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมปรีดานัก โบกมือคราหนึ่ง ให้ประตูเปิดออกด้วยตัวเอง “เข้ามา”

ด้วยเหตุนี้ เมิ่งเถียนเอ๋อร์จึงเดินเข้ามาอย่างชดช้อย…

“เจ้ามีเรื่องใดมารายงาน?” ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเรียกนางมาที่หน้าเตียง เขาซักถามเสียงเนิบ

เมิ่งเถียนเอ๋อร์ขบริมฝีปากนิดๆ ใบหน้าพริ้มเพราแดงระเรื่อเสียสามส่วน “นายท่าน บ่าวฝันประหลาดเจ้าค่ะ ฝันว่า…ฝันว่านายท่านเรียกตัวบ่าวเป็นการด่วน…เมื่อบ่าวตื่นยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าฝันนี้ค่อนข้างมีเงื่อนงำ ดังนั้นจึงมา…”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมมองนางโดยไม่พูดอะไร เมิ่งเถียนเอ๋อร์ถูกเขามองจนค่อนข้างอึดอัดขวยอาย กระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง “ในเมื่อนายท่านไม่มีธุระสั่งการ เช่นนั้นบ่าวขอตัวลาแล้ว”

“เจ้าเข้ามาสิ” ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเอ่ยขึ้น

เมิ่งเถียนเอ๋อร์คล้ายจะอึดอัด ทว่ายังคงก้าวเข้าไปตามคำสั่ง ค้อมกายคุกเข่าลง “นายท่านมีเรื่องใดจะสั่ง…”

ประโยคนี้ของนางยังกล่าวไม่จบ ก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหวีดร้อง เนื่องจากแขนของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเหินม้วนเข้ามา พันตัวนางแล้วลากขึ้นไปบนเตียง…

เรื่องราวหลังจากนั้นก็พัฒนาไปตามลำดับ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมใช้กำลังเข้าหักหาญ เมิ่งเถียนเอ๋อร์ก็กึ่งขัดขืนกึ่งคล้อยตาม ทั้งคู่เปลือยเปล่าอย่างรวดเร็ว…

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมในที่สุดก็ได้ลิ้มรสอิสตรีแล้ว เขาโหมควบทะยาน ใช้เคล็ดร่วมคู่ที่คนในฝันถ่ายทอดให้อย่างอดใจไว้ไม่อยู่

รสชาตินั้นล้ำเลิศยิ่งนัก ทำให้วิญญาณเขาแทบหลุดจากร่าง ขณะที่กำลังดื่มด่ำเปรมปรีดิ์อยู่ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหลั่ง พุ่งกระฉูดปานสายธาร เบื้องหน้าพลันมืดมิด…

ร่างกายโคลงเคลงอย่างไม่อาจควบคุมได้ และในยามนี้เอง เมิ่งเถียนเอ๋อร์ที่อยู่ใต้ร่างเขาพลันเคลื่อนไหว วางกรงเล็บไว้บนแผ่นหลังเขาแล้วตะปบกระดูกส่วนเอวของเขาในทันใด!

ตรงกระดูกช่วงบั้นเอวของมนุษย์มีกระดูกสันหลังชิ้นหนึ่งอยู่ ถ้าใช้วิธีพิเศษจะสามารถตะปบให้หักได้ ทำให้คนเสียชีวิตได้ทันที

เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหัน ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเพียงรู้สึกว่าบั้นเอวตนปวดแปลบขึ้นมาอย่างฉับพลัน

เขาตอบสนองอย่างว่องไว เรือนกายพลันวูบไหว ถึงแม้เล็บแหลมคมของเมิ่งเถียนเอ๋อร์จะแทงเข้าไปในเนื้อเขาแล้ว ทว่าตะปบไม่ถูกกระดูกสันหลังช่วงเอว…

จะอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่าเมิ่งเถียนเอ๋อร์จะลอบทำร้ายตน ย่อมเดือดดาลขึ้นมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรโผเข้าซัดทันที เมิ่งเถียนเอ๋อร์ก็ต่อต้านอย่างสุดกำลัง

ไม่ง่ายเลยกว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมจะได้ลิ้มรสกามา เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ความพิโรธจึงแทบพุ่งทะลุฟ้า

ยามนี้เขาไม่มีเวลาทันใส่เสื้อผ้า ย่อมไม่คิดร้องเรียกคน ฝืนข่มเพลิงโทสะไว้แล้วต่อสู้กับเมิ่งเถียนเอ๋อร์ ตัดสินใจจะจับกุมอีกฝ่ายมาไต่สวนอย่างเข้มงวด

พลังวิญญาณของเมิ่งเถียนเอ๋อร์บรรลุขั้นแปดแล้ว เป็นแขนเป็นขาให้เขา แต่ถึงอย่างไรก็ยังสู้เขาไม่ได้

หลังจากต่อสู้กันอยู่ครู่หนึ่ง เมิ่งเถียนเอ๋อร์ก็มีแนวโน้มว่าจะพ่ายแพ้

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเร่งโจมตี ขณะที่คิดอยู่ว่าอีกไม่ถึงหนึ่งเค่อก็สามารถโค่นอีกฝ่ายลงได้แล้ว พลันมีเงาร่างสามสายพุ่งเข้ามาจากนอกประตู…

—————————————————————-

บทที่ 1429 ล่อนจ้อน 1

เรือนร่างของเงาสามสายนี้เพรียวบาง เป็นเหล่าสาวใช้ที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไว้ใจที่สุด สามคนนี้ไม่รอให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเอ่ยซักถาม ก็เข้าร่วมการต่อสู้ทันที จู่โจมเขาอย่างไร้สุ้มเสียง!

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตกตะลึง

นัยน์ตาเขาฉายแววเหี้ยมเกรียม จะอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าคนใกล้จะก่อกบฏ เห็นได้ชัดว่ามีการสมคบวางแผน มีคนวางกับดัก ต้องการเอาชีวิตเขา!

สมองของเขาคนนี้ยังคงปราดเปรื่องยิ่ง แทบจะนึกถึงสาระสำคัญได้ในทันที สูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง เขาจะต้องจับสาวใช้ตัวแสบสี่คนนี้ ไต่สวนให้ถึงที่สุด เขาต้องควานตัวมือมืดที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้!

เขาสำแดงกระบวนท่าออกไปอย่างเต็มกำลัง ยามนี้เขาบรรลุพลังวิญญาณขั้นสิบแล้ว เมื่อแสดงพลังออกมาย่อมดุดันยิ่งนัก เขารู้สึกว่าด้วยวรยุทธ์ของเขา ต่อให้สี่คนนี้เข้ามาพร้อมกันก็ทำอะไรเขาไม่ได้!

แต่หลังจากต่อสู้ไปได้ครู่หนึ่งเขาก็พบว่าตนคิดผิดแล้ว!

วรยุทธ์ที่เขาภาคภูมิใจถดถอยลงไม่น้อยเลย พลังยุทธ์ดั้งเดิมที่มีอยู่สิบส่วนสำแดงออกมาได้ไม่ถึงหกส่วนด้วยซ้ำ

และสาวใช้ทั้งสี่ปกติแล้วเห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเงอะงะงุ่มง่าม ยามนี้กลับสำแดงพลังยุทธ์ออกมาอย่างเต็มที่ โจมตีเขาอย่างดุเดือดปานลมฝนโหมกระหน่ำ ทำให้เขาแทบไม่ได้พักหายใจ

ระหว่างการต่อสู้ที่ชุลมุนเขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “พวกเจ้าเป็นคนที่ผู้ใดส่งมากันแน่?!”

สามใช้ทั้งสามยังคงเงียบงัน ส่วนเมิ่งเถียนเอ๋อร์กลับหัวเราะหยันคราหนึ่ง “เมื่อเจ้าตายก็จะรู้เอง!”

ยามปกติสาวใช้ทั้งสี่ดูงามหยาดเยิ้มไร้พิษสงอย่างสิ้นเชิงนึกไม่ถึงว่าพอลงมือขึ้นมากลับโหดเหี้ยมไร้ปรานีดุจมือสังหาร ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมถูกพวกนางต้อนให้ถอยหลังไปเรื่อยๆ ดังเรือลำน้อยที่ลอยเคว้งอยู่ในทะเลที่มีพายุถาโถม พร้อมจะอับปางลงได้ทุกเมื่อ…

เขาก็หวาดกลัวแล้วเช่นกัน หมายจะพุ่งออกไปอยู่หลายครั้ง แต่สาวใช้ทั้งสี่กลับเตรียมการกันมาแล้ว อีกทั้งคุ้นเคยกับผังการตกแต่งของเรือนนี้ยิ่งนัก เมื่อพวกนางเข้ามาก็ทำลายกลไกเรียกคนเมื่อตกอยู่ในอันตรายทิ้งเสีย อีกทั้งห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียง หลังจากปิดประตูแล้ว ต่อให้คนในห้องตะโกนจนคอแตก คนด้านนอกก็จะได้ยินความเคลื่อนไหวเพียงน้อยนิดเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นคือเรือนนี้ของเขาอยู่ห่างไกลจากเรือนรอบข้างยิ่งนัก ไม่มีทางที่จะมีคนผ่านมาในยามดึกดื่นเพลากะสามเช่นนี้ ไม่ทราบเรื่องกันเลย

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างสมบูรณ์ ยามที่เขาเบี่ยงซ้ายป่ายขวาอย่างไรก็พุ่งออกไปไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะสิ้นหวังขึ้นมา

….

พวกมู่เฟิงทั้งสามฟังเสียงเคลื่อนไหวด้านในอย่างมีน้ำอดน้ำทนอยู่ตลอด พลังยุทธ์ของมู่เฟิงสูงที่สุด เขาจึงโคจรพลังวิญญาณดักฟังโดยตรง เช่นนี้จะได้ยินกระจ่างยิ่ง แม้แต่ทุกการเคลื่อนไหวของคนในห้องก็ได้ยินอย่างชัดเจนทั้งสิ้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่อวิ๋นที่ถูกมู่เฟิงส่งออกไปก็กลับมา ส่งสัญญาณมือให้มู่เฟิง หมายความว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว

มุมปากของมู่เฟิงยกขึ้นบางๆ แล้วถึงก้าวเข้าไปเคาะประตูอย่างอนาทรร้อนใจ น้ำเสียงแฝงความฉงนสนเท่ห์ “นายท่าน? นายท่านขอรับ? ประสบอันตรายหรือไม่ขอรับ?”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมปรีดายิ่งนัก ระหว่างที่ยุ่งจนเป็นระวิงก็พยายามเข้าไปที่บานประตูซึ่งปิดสนิทอยู่อย่างสุดชีวิต ประตูใหญ่ที่ติดตั้งเขตหวงห้ามไว้พลันเปิดออก “เข้ามา! มาช่วยข้า!”

ด้วยเหตุนี้ มู่เฟิงกับมู่เตี่ยนจึงพุ่งเข้าไป…

เมื่อมีการปกป้องคุ้มครองจากผู้คุ้มกันสองคนนี้ ในที่สุดทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมก็ได้พักหายใจแล้ว เขาเอ่ยอย่างกระหืดกระหอบ “จับเป็นซะ!”

มู่เฟิงและมู่เตี่ยนขานรับพร้อมกัน เข้าโจมตีสาวใช้ทั้งสี่

จนยามนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมก็ยังไม่มีเวลาสวมเสื้อผ้าเลย สภาพจนตรอกเป็นอย่างยิ่ง มีมู่เฟิงกับมู่เตี่ยนมารับช่วงต่อแล้ว ในที่สุดเขาก็มีเวลาค้นหาเสื้อผ้าแล้ว เขาเพิ่งจะหยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งขึ้นมา ยังไม่ได้ทันได้สวม ด้านนอกพลันมีลมกรรโชกเล็กน้อย สตรีชุดขาวนางหนึ่งแวบเข้ามาทันที “อะไรกะ…ว้าย เจ้า!”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายถือเสื้อคลุมไว้ เขาทึ่มทื่อไปแล้ว แม้แต่ส่วนสงวนก็ไม่ได้ปกปิดไว้เลย

———————————————————————-