โรงเก็บเครื่องบินแม็กเคนซีเป็นหนึ่งในสนามบินเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้เกือบทั่วพื้นที่ชนบทแห่งนี้ มันเป็นโรงเก็บเครื่องบินส่วนตัวสำหรับเครื่องบินขนาดเล็ก
มันตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองเท่าไรนักที่นี่ล้อมรอบไปด้วยเนินเขาลูกเล็กๆ มันคล้ายกับโรงงานขนาดใหญ่ของประเทศที่นี่เต็มไปด้วยตู้สินค้าวางจัดระเบียบอยู่บนพื้น พร้อมด้วยเหล่าอันธพาลเฝ้ายามที่เดินไปรอบๆ
เวลัม(Velum) เป็นเครื่องบินส่วนตัวของแก๊งวากอส(Vagos)
เมื่อทั้งสี่คนขับรถไปถึงยังที่เก็บเครื่องบินแม็คเคนซีแล้วพวกเขาพบว่าสมาชิกสองคนของแก๊งกำลังคุยพลางเดินไปหน้าประตูโรงเก็บเครื่องบิน
อาจารย์ซีชิขับรถได้เก่งขึ้นกว่าเดิมมากขับมาที่นี่ด้วยความคล่องแคล่วเห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกฝนสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว เธอบีบแตรเสียงดังเพื่อไล่ให้หลีกทาง
“หลบไป!”
หลิวหนิงหยุนตะโกนเตือน “ท่านอาจารย์หมุนพวงมาลัย!”
โมเซียนตะโกน “ท่านกำลังจะทำร้ายพวกเขา!”
“อ่า!”
เด็กหญิงที่อยู่บนรถตะโกนขึ้น อันธพาลร่างอ้วนคนหนึ่งถูกชนเกยขึ้นหน้ารถ
“ไหนท่านบอกว่าท่านขับรถเก่งแล้ว” โมเทียนพึมพำ
“ข้าบีบแตรส่งเสียงแล้วแต่พวกเขาเพิกเฉยไม่ทำอะไรสักอย่าง” อาจารย์ซีชิตอบและขับรถด้วยสีหน้าเยือกเย็นและจู่ๆ กระสุนปืนก็พุงเข้าหาพวกเขา
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดึงดูดความสนใจของพวกอันธพาลก่อนที่พวกเขาจะเจอเครื่องบินเสียอีก อย่างว่าที่นี่เป็นถิ่นของแก๊งวากอส ซึ่งมันใช้เวลานานกว่าตำรวจจะเข้าถึงพื้นที่ชนบทแห่งนี้
“มีหลายคน!” โมเซียนตะโกน
ปัง!
หน้าต่างด้านข้างแตกเป็นเสี่ยงๆ รถของซีชินั้นซิกแซกไปตามทางที่ไม่อาจควบคุมได้
เด็กสาวต่างเตรียมพร้องพวกเธอเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อสีดำพร้อมกางเกงยีนส์เรียบร้อยและหยิบปืนขึ้นมายิงกาดอย่างดุเดือด
“อั๊ก!” เสียงโหยหวนดังขึ้นจากเบาะหลังโมเทียนจิมองกลับไปพบว่าศิษย์น้องยือหยันถูกยิง
“ศิษย์น้องเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”
“ศิษย์พี่ข้า .. กำลัง .. จะตาย!” เธอนอนบนเบาะหลังน้ำตาคลอ “ท่าน .. ต้องล้างแค้นให้ข้า!”
โมเซียนขุดระเบิดออกมาเธอดึงสลักออกก่อนจะขว้างมันออกไป “พวกเจ้าไปลงนรกซะ!”
ตู้ม!
นอกจากระเบิดที่เขวี้ยงออกไปแล้วเธอยังยิงกาดต่อไปด้วยความแค้น เมื่อหันกลับมามองยือหยันแล้ว “ศิษย์พี่” เธอยืนมือออกมา
“หืม!? เจ้ายังมีชีวิตอยู่หรอ?” โมเทียนอ้าปากค้างเธอเห็นยือหยันที่อาบไปด้วยเลือดยังมีชีวิตอยู่
“ข้าเพิ่งตรวจสอบและพบว่ายังคงเหลือเลือดอยู่นิดหน่อย .. ข้าสามารถบันทึกเกมได้”
คนอื่นๆ เงียบลง
“อาจารย์! มีเครื่องบินอยู่ตรงนั้น มันจะต้องใช่ลำนั้นแน่!” หลิวหนิงหยุนผู้มีสายตาเฉียบแหลมเห็นเครื่องบินที่จอดอยู่ในโรงเก็บเครื่องบิน เธอพูดพลางยิงพวกอันธพาล “ไปกันเถอะ! เราต้องรีบขึ้นเครื่องกันแล้ว”
ทั้งสีคนตะกายขึ้นเครื่องบิน อาจารย์ซีชินั่งอยู่ในห้องนักบินพร้อมกับคนอื่นๆ ที่นั่งข้างหลังเธอ หญิงสาวทั้งสองถามเธอว่า “ทำไมท่านอาจารย์ไม่ขับ!?”
พวกเขามองไปที่อาจารย์ด้วยสายตาตั้งมั่น
“เอ่อ .. มันแตกต่างจากรถใช่มั้ย?” ซีชิที่นั่งอยู่ในห้องนักบินรู้สึกสับสนกับปุ่มด้านบนแผงควบคุม
“ท่านอาจารย์! ออกเครื่องเลย”
“ไปเลย!”
“พวกเขากำลังมาแล้ว!”
“อ่า!”
พวกเธอเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไปในเกมไม่มีเวทย์มนตร์หรือคาถาที่บินได้ เมือมองไปที่กระบอกปืนที่เรียงรายล้อมแล้วพวกเธอก็กรีดร้องด้วยความตกใจ
“อ่า! ศิษย์น้องกำลังจะตาย อาจารย์ต้องออกเครื่องเดี๋ยวนี้!” โมเซียนตะโกน
“สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณนี้ช่างซับซ้อนเกินไป ข้าไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน!” ด้วยความลุกลี้ลุกลนเธอจึงกดปุ่มอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
ในที่สุดเครื่องบินก็เคลื่อนที่ใบพัดเริ่มทำงานทันที
“มัน .. กำลังเคลื่อนไหว! มันกำลังเคลื่อนที่!”
“มันบินได้ใช่มั้ย?” หลิวหนิงหยุนและคนอื่นๆ มองหน้ากันอย่างสงสัย “มันบินได้ด้วยตัวเอง?”
“ทำไมมันไม่บิน!” ตอนนี้เครื่องบินออกมาจากโรงเก็บแล้วแต่กำลังเคลื่อนที่บนพื้นดินยังไม่แสดงท่าทางใดๆ ที่จะบินขึ้นฟ้าเลย
“บินสิ บินเร็ว! ทำไมไม่บินละ!” พวกอันธพาลกาดยิงพวกเธออย่างดุเดือดแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังหลบซ่อนตามุมด้วยความกลัว
“ข้าไม่รู้วิธีควบคุมมัน!” ซีชิยังคงกดปุ่มด้วยความกล้าๆ กลัวๆ
“ทำไมเครื่องบินของคนอื่นถึงบินได้ แต่ของเรามันกำลังวิ่งบนพื้น มันเป็นระแบบวิ่งบนพื้นดินหรอ?” ยือหยันพูดด้วยความอยากรู้อยากเห็น
โมเซียนตะโกนว่า “เราควรอัดส่วนประกอบทางจิตวิญญาณเข้าไปหรือไม่?”
“ฮ่าๆๆๆ ศิษย์พี่ข้าเจ็บท้อง .. ตอนนี้ท่านมีพลังทางจิตวิญญาณหรือ?” ยือหยันที่นั่งอยู่หลังเครื่องบินหัวเราะไปกุมแผลที่ท้องไป
“ท่านอาจารย์! พวกมันกำลังล้อมเรา!” หลิวหนิงหยุนตะโกนขณะที่เธอกำลังสาดปืนกล
“โอ้ย! มันกำลังจะชนเร็วอีก!”
ตู้ม!
เครื่องบินชนชนเข้ากับตู้สินค้าขนาดใหญ่ ปีกของมันได้รับความเสียหาย!
“เครื่องบินเหลือปีกเดียวจะบินได้มั้ย?” โมเทียนทำหน้าสงสัย
“หยุดโวยวาย!” อาจารย์ซีชิไม่สามารถทนต่อความกดดันได้อีกต่อไป ขณะเดียวกันเครื่องบินได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง สินค้าหลายอย่างที่ถูกบรรจุไว้ได้รับความเสียหาย ตอนนี้ใบพัดเองก็หายไปแล้วเช่นกัน
“เหมือนเรากำลังสิ้นหวัง” ยือหยันพูดด้วยความเศร้า
“เฮ้!? นี่เจ้ายังมีชีวิตอยู่อีกหรอ?” โมเซียนมองไปทางยือหยันที่ยังคงพูดด้วยความอ่อนแอ
“ช่วยข้าทีศิษย์พี่อาวุโส ข้ายังสามารถกำจัดพวกเขาได้ถึงสองสามคน!” ยือหยันกล่าวอย่างกล้าหาญขณะกินของว่างบนเครื่องบิน
“…”
ตู้ม!
เครื่องบินระเบิด!
ในไม่ช้าข้อความก็ปรากฎขึ้น [หากผู้ร่วมกลุ่มภารกิจแหกคุก! ต้องการคนขับรถที่สามารถขับเครื่องบินได้ มีสามคนหาอีกหนึ่ง!]
“ศิษย์พี่อาวุโสทำไมข้าถึงไม่ได้ไปกับท่าน!?”
โมเซียนตอบว่า “ศิษย์น้องเจ้านั้นจะทำอะไรได้นอกจากนอนและกินของว่าง!”
“อาจารย์ไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้ มันไม่ใช่ความผิดของข้าซะหน่อย!”
อาจารย์ซีชิ “…”
“ศิษย์น้องเจ้านี่แย่มาก เจ้ากล้าตำหนิอาจารย์ของพวกเราได้อย่างไร? เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่หรือ!?”
โมเทียนเดินไปหาฟางฉีเอ่ยถามเขา “ท่านรู้หรือไม่ว่าเราจะควบคุมเครื่องบินอย่างไร?”
“แน่นอน” ฟางฉีชี้นิ้วไปที่หน้าจอ ข้ากำลังรออีกคนอยู่
“ท่านมีสามคนแล้วหรอ?” โมเซียนมองไปที่หน้าจอเห็นเพื่อนร่วมทีมของเขาสองคนหนึ่งในนั้นคือสาวผิวขาวท่าทางเย็นชาที่มีชื่อว่า ‘นาหลัน’
อีกคนคือ ..”ปีศาจ!”
“ศิษย์พี่ท่านมาหรือยัง!” หลิวหนิงหยุนตะโกนออกมา
“พวกเจ้าไปก่อน ข้าจะเล่นกับฟางฉีเพื่อเรียนรู้วิธีบิน!”
“ท่านจะเล่นกับฟางฉี!?”
ยือหยันร้องเจียกออกมา “ท่านทิ้งพวกเราหรอ!?” เธอจ้องหน้าฟางฉีและบ่นว่า “ศิษย์พี่กำลังจะเล่นกับปีศาจสาว .. หรอ?”
“ไร้สาระ! ข้าแค่เล่นกับฟางฉี”
“ฟางฉีกำลังจะทำงานใหม่หรอ?” หลิวหนิงหยุนขมวดคิ้ว “เราควรไปดูเขาเล่นมั้ย?”
ท่านอาจารย์กล่าวพลางพยักหน้า “เหลือเชื่อที่ฟางฉีรู้วิธีควบคุมเครื่องบิน”
ยือหยันเว้าวอน “ข้าไปดูด้วย!”