กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 601
“หากข้าโยนไข่มุกมังกรไปแล้ว ท่านไม่ปล่อยคนจะทำอย่างไร?”

“หากเจ้าไม่โยนมา ข้าก็จะฆ่าพวกเจ้า และค่อยเอาไข่มุกมังกรมา”

“มันง่ายที่ท่านจะฆ่าพวกเรา แต่ก่อนที่ท่านจะฆ่าพวกเรา ข้าก็จะทำลายไข่มุกมังกรเสียก่อน หรือต่อให้ข้าจะไม่มีความสามารถทำลายไข่มุกมังกรได้ ข้าก็จะโยนมันลงไปใต้หุบเขาน้ำแข็ง”

กู้ชูหน่วนพยายามเข้าไปใกล้หุบเขาน้ำแข็ง ที่นั่นเป็นทะเลเมฆอันกว้างใหญ่ และไม่รู้ว่าลึกมากแค่ไหน

ดวงตาของกู้ชูหน่วนหรี่ลงและตะโกนเสียงดัง “ข้าจะนับถึงสาม หากท่านไม่ปล่อยคน พวกเราก็สู้กันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง”

“หนึ่ง”

ท่าทางของนางดูแน่วแน่ และดูเหมือนจะไม่ได้ล้อเล่น ใบหน้าของรองหัวหน้าเผ่าซือคงเขียวด้วยความโกรธ

ทั้งสองฝ่ายต่างชะงักงัน และไม่ยอมที่จะประนีประนอม

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป เยี่ยจิ่งหานยังคงต้านท้านกระแสน้ำวน

รองหัวหน้าเผ่าซือคงก็ไม่ได้ค่อยดีนัก เขาถูกมังกรน้ำแข็งระดับเจ็ดทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และในตอนนี้เขาก็สูญเสียพลังลมปราณไปมากในการจัดการกับเยี่ยจิ่งหาน หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ต่อให้เยี่ยจิ่งหานจะถูกฆ่า เขาก็คงจะสูญเสียพลังไปไม่น้อย

ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยสมควรตาย

หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยรักตัวกลัวตาย และปล่อยให้เขาต่อสู้กับมังกรน้ำแข็งระดับเจ็ดเพียงลำพัง เขาก็คงไม่ถูกมังกรน้ำแข็งทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้

“สอง”

กู้ชูหน่วนจ้องไปที่รองหัวหน้าเผ่าซือคงอย่างเย็นชา และพร้อมที่จะนับสาวทุกเมื่อ

กู้ชูหน่วนเป็นกังวล

รองหัวหน้าเผ่าซือคงก็เป็นกังวลเช่นกัน

ทั้งสองทำสงครามทางจิตใจ และเดิมพันว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้

กู้ชูหน่วนยิ้มเบา ๆ “ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าตาเฒ่าอย่างท่านจะสนใจพวกเรามาก และดูเหมือนว่าจะให้ความเสำคัญกับพวกเรามากกว่าไข่มุกมังกรเสียอีก ช่างเถอะ เช่นนั้นไข่มุกมังกรนั่นก็โยนทิ้งไปเถอะ ของที่ข้าไม่ได้มา ข้าก็จะไม่ยอมให้ใครได้ไปเช่นกัน”

กู้ชูหน่วนกำไข่มุกมังกรไว้แน่น และส่งกำลังภายในของนางไปยังไข่มุกมังกรโดยไม่รู้ตัว

นางกำลังจะนับสาม

รองหัวหน้าเผ่าซือคงถอนพลังของกระแสน้ำวนไปก่อนที่นางจะนับสาม

เขามาข้างหน้ากู้ชูหน่วนในทันที และยกมือขึ้นมาคว้าไข่มุกมังกรในมือของกู้ชูหน่วน

แทบจะในเวลาเดียวกัน ไข่มุกมังกรก็ส่องแสงและดึงดูดมังกรน้ำแข็งให้ออกมา

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามของมังกร มังกรยักษ์ยาวหลายสิบเมตรโฉบเข้ามาพร้อมกับอ้าปากมังกรขนาดใหญ่ ทันทีที่ดูดกำลังภายในเข้าไปก็อยากจะดูดไข่มุกมังกรกลับเข้าไปในปากด้วย

กู้ชูหน่วนเห็นว่าไข่มุกมังกรสำคัญเสียยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง นางจะยอมให้ใครแย่งชิงไข่มุกมังกรไปได้อย่างไร

อย่างแรกคือนางนำไข่มุกมังกรกลับเข้าไปในวงแหวนอวกาศ จากนั้นก็ต้านทาน

มังกรน้ำแข็งนั้นรวดเร็วมาก จิตสังหารก็รุนแรงมาก มังกรน้ำแข็งสะบัดหาง และถ้ำน้ำแข็งครึ่งหนึ่งก็พังทลายลง

กระบวนท่าที่มีพลังสังหารรุนแรงพุ่งเข้าไปหากู้ชูหน่วนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

เยี่ยจิ่งหานหรี่ตาลง

มังกรน้ำแข็งระดับเจ็ดสะบัดหางอย่างแรง ต่อให้เป็นระดับหก หากไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วนางจะรอดได้อย่างไร

เยี่ยจิ่งหานรีบเหาะไปข้างหน้านางในทันที และยับยั้งหางมังกรที่ทรงพลังแทนกู้ชูหน่วน

“อัก……”

“อัก……”

เยี่ยจิ่งหานกระอักเลือด และกู้ชูหน่วนก็ถูกลูกหลงจนบาดเจ็บสาหัสเขาและ พลังของมังกรน้ำแข็งทำให้เขาและกู้ชูหน่วนที่อยู่ข้างหลังกระเด็นออกไป

หา……”

ไม่ไกลออกไปเป็นหุบเขาน้ำแข็ง

หุบเขาน้ำแข็งนั้นลึกมาก ราวกับหน้าผาสูงหมื่นจั้ง และทั้งสองก็กระเด็นตกลงไปด้านล่างหุบเขาน้ำแข็ง

“โห่ว……”

มังกรน้ำแข็งคำรามอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง

หากต้องการจะแย่งชองไข่มังกรก็ต้องกระโดดลงไป แต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ถึงหยุดชะงักและหันไปหารองหัวหน้าเผ่าซือคง

รองหัวหน้าเผ่าซือคงสะดุ้ง

เขาล้วงแขนเสื้อ และเห็นลูกปัดคล้ายกับไข่มุกมังกร อีกทั้งยังมีกลิ่นของไข่มุกมังกรด้วย

สมควรตาย……

ก่อนที่หญิงชั่วช้าผู้นั้นจะตกลงไปในหุบเขาน้ำแข็ง นางยัดไข่มุกมังกรปลอมเม็ดนี้ให้เขา

น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่านางยัดไข่มุกมังกรปลอมให้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่

ในถ้ำน้ำแข็งบนหุบเขามีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด

กู้ชูหน่วนไม่ได้สนใจเพราะนางและเยี่ยจิ่งหานกำลังตกลงไปอย่างรวดเร็ว

ด้านล่างของหุบเขาน้ำแข็งล้วนเป็นผนังน้ำแข็งที่เรียบลื่น ไม่มีแม้แต่รอยขรุขระ และไม่มีอะไรจะมาขวางไว้พอที่จะให้พวกเขาคว้าได้

กู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บ และอาการบาดเจ็บของเยี่ยจิ่งหานก็สาหัสมากยิ่งขึ้น พวกเขาอยู่ไกลจากผนังน้ำแข็งของหุบเขาน้ำแข็ง และไร้ซึ่งหนทางใด ๆ ทำได้เพียงยอมตกลงไป

กู้ชูหน่วนไม่เต็มใจ นางไม่อยากตายเช่นนี้

นางได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของเยี่ยจิ่งหาน รวมทั้งฝ่ามือที่โอบนางไว้

“ข้าเยี่ยจิ่งหาน ชั่วชีวิตนี้ขอมีเพียงเจ้า”

“ชีวิตของข้ากู้ชูหน่วน นอกจากตัวเองแล้ว ไม่มีใครสามารถเอาไปได้”

ในขณะที่พูด กู้ชูหน่วนก็หัวเราะเยาะ แววตาดุร้าย และเขย่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่อยู่บนข้อมือของนางอย่างแรง

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ข้าขอสั่งให้เจ้าตื่นเดี๋ยวนี้ หากเจ้าตื่น ฉันจะให้รางวัลเป็นหมูร้อยตัว”

“ฟ่อ ๆ ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ ด้วยความเมา และส่ายหัวราวกับละเมอว่ามีคนพูดถึงหมูร้อยตัว

กู้ชูหน่วนดีใจมาก “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เร็วเข้า รีบกลายร่างมาช่วยพวกเราเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะต้องตกลงไปตายที่นี่”

“ฟ่อ ๆ ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นอย่างสะลึมสะลือ และสัมผัสได้ถึงลมหนาวที่ปะทะหน้า มันอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น และร่างงูก็ไม่สามารถตอบสนอง

“มัวตะลึงอะไรอยู่ เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ รีบกลายร่างเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นคืนนี้สัตว์ร้ายข้างล่างก็จะได้กินน้ำแกงงู”

กู้ชูหน่วนตบหัวมันอย่างแรง ทำให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่กำลังมึนงงหันกลับมา

ตกลงมาอย่างรวดเร็ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เมาเหล้าจนไม่ได้สติ ดวงตาของมันเบิกกว้างและมองดูใบหน้าที่พูดไม่ออกของเยี่ยจิ่งหาน จากนั้นก็มองดูใบหน้าที่มืดมนของกู้ชูหน่วน และกลายร่างในทันที

จากสามเมตรกลายเป็นสามสิบเมตร หนึ่งร้อยเมตร และในที่สุดก็กลายเป็นงูเก้าหัวที่มีความยาวกว่าร้อยเมตร

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก้มตัวลงไปรับเยี่ยจิ่งหานและกู้ชูหน่วนที่ตกลงมา

กู้ชูหน่วนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

โชคดีที่ในท้ายที่สุดเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่มึนงง มิเช่นนั้นตกลงมาจากที่สูงขนาดนี้ คงจะไม่รอด

สถานที่เล็ก ๆ ในขั้วโลกเหนือ มีหุบเขาน้ำแข็งที่ลึกมากขนาดนี้ และกู้ชูหน่วนก็ตกใจเมื่อรู้ว่าการมันเสี่ยงมากแค่ไหนหากนางจะกระโดดลงมาด้วยตนเอง

ทั้งสองยังไม่ทันจะไม่ได้ถอนหายใจ ก็เห็นหัวใหญ่ ๆ ทั้งเก้าหัวของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ดวงตาคู่นั้นสัปหงก

จากนั้นร่างขนาดใหญ่ก็ล้มลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้

“หา……”

กู้ชูหน่วนอุทานด้วยความตกใจ และจับเสี่ยวจิ่วเอ๋อไว้ “เจ้างูโง่ เจ้ากำลังทำอะไร?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตัวสั่น และได้สติขึ้นมาเล็กน้อย

“ฟ่อ ๆ ……”

มันยิ้มอย่างเขินอาย

เหล้าดื่มมากเกินไป จึงทำให้มึนงง

สีหน้าของกู้ชูหน่วนไม่น่ามองขึ้นมาในทันที

เนื่องจากเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้น จึงเซไปเซมา และแรงสั่นสะเทือนก็เกือบจะทำให้พวกเขากระเด็นออกไป

แม้ว่าจะพยายามควบคุม แต่งูทั้งตัวก็จะล้มลงอย่างควบคุมได้

งูยักษ์นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างปลอดภัย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการผจญภัย

หากไม่ระมัดระวัง นางก็จะตายโดยไร้ที่ฝังกลบ

เยี่ยจิ่งหานบาดเจ็บสาหัส เขาจะทนต่อการทรมานเช่นนี้ได้อย่างไร เขากระอักเลือดออกมาในทันที และทำให้เสื้อผ้าของกู้ชูหน่วนเปื้อนเลือด

กู้ชูหน่วนโกรธมาก “หากเจ้าไม่เมาและพาพวกเราลงมาดี ๆ ข้าจะไม่ให้เนื้อย่างแก่เจ้า และจะเอาดีงูของเจ้าออกมาหมักเหล้า หากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าจะลองดูก็ได้”

“ฟ่อ…”

ไม่รู้ว่าได้ยินที่กู้ชูหน่วนบอกว่าจะไม่ให้อาหาร หรือเพราะนางจะเอาดีงูของมัน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตัวสั่น ในที่สุดมันก็ฟื้นขึ้นจากความเมา และเริ่มทรงตัวขึ้นมา

“ตูม……”

คนสองคนกับงูหนึ่งตัวชนเข้ากับหิมะ กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด และรีบช่วยพยุงหนานกงเย่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขึ้นมา