บทที่ 1122 โลกที่มองกันที่หน้าตา

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อพลังโจมตีกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างของหลี่ย่าหลินโฉบไหว กลายเป็นเงาร่างอันเลือนรางพุ่งตัวเข้าไปหากู่ซวงซวงที่กำลังกรีดร้องอย่างหวาดกลัวด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด

เงาร่างเลือนรางนั้นของเธอเพิ่งจะพุ่งไปถึงตรงหน้ากู่ซวงซวงหนึ่งเมตร ก็ถูกพลังคลื่นสะท้านซัดสาดจนฉีกเป็นส่วนๆ ทันที แต่ทุกคนยังไม่ทันร้องออกมาด้วยความตกใจ เงาร่างเลือนรางอีกหลายเส้นก็พลันปรากฏรอบกายกู่ซวงซวงอีกครั้ง

เด็กสาวยังคงกรีดร้องต่อไป พร้อมกับโจมตีอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด แต่เมื่อเงาเลือนรางหายไปทีละเส้นๆ เงาร่างของใครคนหนึ่งกลับปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเธออย่างเงียบเชียบ

“คิกๆ…” หลี่ย่าหลินยกมือขึ้น และกว่ากู่ซวงซวงจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เธอก็สับฝ่ามือลงไปอย่างรวดเร็วแล้ว

“พลั่ก!”

กู่ซวงซวงตาเหลือกขาว ร่างกายอ่อนแรงล้มลงไป

ตั้งแต่ที่หลี่ย่าหลินตะโกนคำว่า “คอยดูไว้ให้ดี” ออกมา จนถึงตอนที่กู่ซวงซวงล้มลงไป ใช้เวลาไปไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ…และยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้สติ พวกเขาก็ค้นพบว่าตัวเองยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรเลยแม้แต่น้อย…

ทว่าเรื่องต่อจากนี้ต่างหาก คือสิ่งที่พวกเขาควรทำ…และมันก็เป็นเรื่องที่หลี่ย่าหลินทำไม่ได้

“กู่ซวงซวงสลบไปแล้ว!”

“เดี๋ยวนะ…ทำไมหัวเธอปูดเป็นซาลาเปาแบบนั้นล่ะ!”

หลี่ย่าหลินรีบโบกมือไปมา “ฉันไม่ได้ตีนะ…เธอล้มของเธอเองต่างหาก…” พูดจบ เธอก็กำชับเสริมด้วยสีหน้าจริงจังอีกหนึ่งประโยค “น่าแปลก ล้มท่าไหนถึงได้มีสภาพแบบนั้นได้…”

“…เอิ่ม…อยากจะบอกว่ามันเป็นความรู้ทั่วไป…” เย่ไคพูดขึ้น

ทว่ายังพูดไม่ทันจบ เขาก็เห็นหลี่ย่าหลินถอยหลังหนึ่งก้าว เสี้ยววินาทีต่อมาก็ได้เสียง “โครม” ดังสนั่น…บนผนังปรากฏรูโหว่รูปร่างคนขนาดใหญ่ทันใด และหลี่ย่าหลินก็ยืนลูบหน้าผากกลมมนอย่างงุนงงอยู่หน้ากำแพง พลางบอกว่า “ดูสิ…”

“…ผมผิดไปแล้ว…” เย่ไคปากอ้าตาค้าง…

และเวลานี้ อวี่เหวินซวนก็ได้เผาแมงมุมพวกนั้นจนไหม้เกรียมหมดแล้ว ขณะที่เขาจุดไฟเผา สวี่ซูหานกับมู่เฉินได้พุ่งตัวเข้าไปช่วยเจ้าลิงผอมโดยประคองร่างเขาคนละข้าง

“เขาไม่เป็นไร! แค่เป็นลมไปเท่านั้น…” สวี่ซูหานชะโงกหน้าเข้าไปดมกลิ่น จากนั้นก็เงยหน้าบอก

ทว่าพอเธอหันหน้ามา กลับเห็นมู่เฉินที่หันหน้าเข้าหาเธอกำลังจ้องเธออย่างตกตะลึง

“เป็นอะไรไป?” สวี่ซูหานขมวดคิ้ว แล้วถาม

มู่เฉินหัวเราะ “เปล่า…แค่ก็รู้สึกว่าหัวหน้าทำเรื่องดีๆ กับเธอไว้เรื่องหนึ่งจริงๆ”

“อยู่ๆ ก็พูดอะไรของนายเนี่ย…”

“หัวหน้าทำอะไรใครนะ?!” เสียงของอวี่เหวินซวนดังมาจากข้างบน ทำเอาทั้งสองสะดุ้งตกใจ

เห็นเขามองมาที่ทั้งสองด้วยสีหน้าจริงจัง มู่เฉินเพียงประคองร่างเจ้าลิงผอมลุกขึ้นเงียบๆ แล้วพูดเสียงเบา “กรุณาอย่ามาจ้องฉัน…เห็นชัดๆ ว่าไม่ใช่ฉันแน่นอน!”

“เฮ้ย! นี่นายจะไม่แก้ตัวอะไรหน่อยหรอ! อย่างน้อยก็ช่วยฉันอธิบายสักสองสามคำสิ!” สวี่ซูหานลุกลี้ลุกลน แต่ไม่รอให้เธอลุกขึ้น อวี่เหวินซวนกลับนั่งยองๆ ลงมาตรงหน้าเธอก่อน และจ้องหน้าเธอเขม็งโดยมีเพียงหน้ากากเป็นตัวคั่นกลาง บอกว่า “ดูท่า…ฉันจะเดาถูกจริงๆ สินะ…”

“ทายถูกบ้านนายน่ะสิ! อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ! รุ่นพี่ ช่วยฉันด้วย!” สวี่ซูหานตะโกนเรียก

“หึๆ…เธอคิดจริงๆ หรอว่าน้องสาวฉันจะช่วยเธอ…”

เมื่อกลิ่นอายเยือกเย็นสายหนึ่งแผ่มาจากข้างหลัง สีหน้าของอวี่เหวินซวนพลันค้างเติ่ง เสี้ยววินาทีต่อมา เสียงใสๆ แฝงไว้ด้วยความสงสัยก็ดังมาจากด้านหลังศีรษะของเขา “ทำอะไรกันอยู่หรอ? มีอะไรน่ากินหรือเปล่า?” ขณะที่เธอพูด อวี่เหวินซวนถึงขั้นรู้สึกได้ว่าคนข้างหลังกำลังสูดหายใจลึกๆ

เขาพลันหัวเราะแห้งๆ และหันหน้าไปทางแมงมุมไม่กี่ตัวที่อยู่อีกด้านอย่างอัตโนมัติ “คือว่า…ชอบกินแมงมุมย่างไหมล่ะ…”

“ตรงนี้น่าจะไกลพอแล้วมั้ง?” บนทางเดินชั้นบน ร่างเลือนรางของเสี่ยวเฮยปรากฏขึ้น แล้วพูดขึ้นพร้อมจ้องแผ่นหลังของหญิงสาว

“อื่ม…พอแล้วล่ะ…” หญิงสาวหันหน้ากลับมา แล้วแสยะยิ้ม

พอเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย หัวใจหลิงม่อพลันเต้น “ตึกตัก” ทันที “เธอกำลังวางแผนอะไรอยู่?”

“อีกเดี๋ยวแกก็รู้เอง…” หญิงสาวบอก แต่อยู่ๆ น้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นอีกเสียง เป็นเสียงที่หลิงม่อคุ้นเคยดี “แกไม่แปลกใจบ้างหรอ ว่าทำไมแกถึงไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซอมบี้ตัวนั้นเลย?”

“เป็นเธอ…” หลิงม่ออึ้งงัน ไม่นานก็ร้องออกมาด้วยความตกตะลึง

“ฉันรู้ว่าแกพยายามจะแยกการต่อสู้…ซึ่งบังเอิญมาก เพราะฉันก็คิดอย่างนั้นอยู่พอดี” เสียงนั้นยังคงพูดต่อไป ในขณะที่ใบหน้าของหญิงสาวปรากฏรอยยิ้มแข็งทื่อ ซึ่งเหมือนการเลียนแบบมากกว่ายิ้มจริงๆ

“เธอคือซอมบี้ตัวนั้น…” หลิงม่อใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง “ถ้าหากเธออยู่ที่นี่ แล้วสิ่งที่กำลังต่อสู้กับร่างจริงของฉันล่ะ คืออะไร?”

“หญิงสาว” แสยะยิ้มเย็นชา แล้วพูดอย่างมีลับลมคมใน “ถามตัวแกเองสิ…ใจแกรู้ดีที่สุด…”

“ฉันรู้ดี?”

รู้ดีกับผีอะไรเล่า!

ทว่าหลิงม่อเพิ่งจะคำรามในใจจบ ก็พลันนึกถึงบางสิ่งขึ้นมา…

และในตอนนี้ “หญิงสาว” คนนั้นก็ได้พูดต่อว่า “ที่ฉันสนใจแก ก็เพราะเหตุผลนี้เหมือนกัน…ความจริง ตอนที่พวกแกเพิ่งจะเข้ามาในอำเภอหลีหมิง ฉันก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมันแล้ว…ไม่คิดเลย สถานที่ที่ถูกฉันทิ้งไปแล้วแบบนั้น กลับสามารถให้กำเนิดเจ้าตัวน้อยที่เหนือความคาดหมายนั่นขึ้นมาได้จริงๆ…แต่ที่มันกลายมาเป็นอย่างนี้ได้ ก็เป็นเพราะแกส่วนใหญ่สินะ? ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ต้องขอบคุณแกอย่างดีซะแล้ว”

“แต่เสียใจด้วยฉันไม่ทำหรอก” “หญิงสาว” ยังคงพูดต่อไป “เพราะว่าฉันเป็นซอมบี้ ซอมบี้ไม่มีทางขอบคุณเหยื่อ แต่อย่างน้อยฉันรับปากว่าจะให้แกตายอย่างไม่ทรมาน”

“หึหึ…เธออยู่ในร่างมนุษย์ แต่กลับเรียกตัวเองว่าซอมบี้ได้อย่างหน้าไม่อาย” ถึงแม้สีหน้ายังคงสงบนิ่ง แต่ความจริงแล้ว ตอนนี้ในใจของหลิงม่อกำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง “หญิงสาว” คนนี้เป็นซอมบี้ตัวนั้นจริงๆ ด้วย…แต่ซอมบี้ตัวนั้นทำอย่างนี้ได้ยังไง?! ต้องบอกก่อนว่า ไม่ว่าจะเป็นหลิงม่อหรือพวกซย่าน่า ล้วนไม่มีใครจับพิรุธอะไรได้เลยแม้แต่น้อย!

“ฉันรู้ว่าแกอยากจะล้วงความลับจากฉัน…แต่สิ่งที่ฉันจะบอกแกได้ก็คือ นี่แหละคือเป้าหมายในการวิวัฒนาการของฉัน อย่าเพิ่งเข้าใจผิดล่ะ ฉันไม่ได้อยากเป็นมนุษย์ แต่เป็นเพราะในหมู่มนุษย์มีพวกผู้มีพลังจิตอยู่เยอะที่สุด ผู้หญิงคนนี้เลยกลายเป็นตัวเลือกแรกของฉัน อีกอย่าง พวกมนุษย์ผู้ชายน่ะ มักหลงเสน่ห์ผู้หญิงกันไม่ใช่หรอ?” พูดไป “หญิงสาว”…ไม่สิ พูดไป ซอมบี้ตัวนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเท้าเอว แล้วโพสท่า…

หลิงม่อจ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็พูดขึ้นด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “เธอยังไม่เคยเรียนอีกหนึ่งประโยคของมนุษย์มาด้วยแน่ๆ…”

“อะไร?”

“โลกใบนี้เขามองกันที่หน้าตา อีกอย่าง ท่าโพสของเธอมันจะหญิงก็ไม่ใช่ ชายก็ไม่เชิง…”

ซอมบี้ตัวนั้นชะงักค้างไปทันที “นี่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ! เดี๋ยวก่อน…” เธอพลันตั้งสติ สายตาที่มองไปยังหลิงม่อพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “มนุษย์ แกนี่เจ้าเล่ห์นักนะ!”