เนื่องจากเขาใช้การ์ดเห็นแจ้ง ความเข้าใจทักษะดาบของหลินฮวงเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าและจำนวนทักษะดาบใหม่ที่เขาเชี่ยวชาญก็เกินกว่าสามพันเกือบทุกวัน
หลังผ่านไปเกือบเดือน จำนวนทักษะดาบทั้งหมดที่เขาใช้ได้ก็เพิ่มจากเดิมสองแสนเป็นสามแสน
ภายใต้สถานการณ์ปกติ การเช่ยวชาญทักษะดาบสามแสนอันหมายถึงการเลื่อนเป็นแก่นแท้เต๋าดาบระดับ3
แต่ทว่า หลินฮวงไม่สามารถบรรลุความก้าวหน้า
เขายังตระหนักดีว่าการเลื่อนระดับขั้นแก่นแท้เต๋าดาบต้องใช้โอกาส เขาจึงไม่คิดบ่มเพาะทักษะดาบต่อ ดังนั้น เขาจึงหันทิศทางการบ่มเพาะไปยังพลังกฏเทพแทน
เขาบดขยี้การ์ดเห็นแจ้งอีกใบและเริ่มบ่มเพาะรอบใหม่
ความเร่งด่วนของสถานการณ์เป็นเพราะการรุกรานของมหาพิภพที่ใกล้เข้ามา
อีกเหตุผลคือเขาพบว่าพลังเขายังห่างไกลจากเทพแท้จริงขั้นสูง
ท่ามกลางเทพแท้จริงของมหาพิภพ ความสามารถของเทพอีกาถือเป็นช่วงกลางของขั้นสูง ไม่ห่างไกลจากเทพแท้จริงชั้นนำ ถึงกระนั้น เทพอีกาก็ยังใช้พลังกฏเทพได้ถึง108แบบ
แน่นอน หลินฮวงยังรู้ว่าเทพอีกาไม่ได้บ่มเพาะพลังกฏเทพทั้ง108ถึงจุดสูงสุด ไม่งั้นเขาคงเป็นเทพแท้จริงอันดับต้นๆไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเทพอีกาเชี่ยวชาญพลังกฏเทพทั้ง108แค่ผิวเผิน
ถึงกระนั้น จำนวนพลังกฏเทพที่เทพอีกาใช้ได้ก็ยังทำให้หลินฮวงอิจฉา
นี่ทำให้เขาอุทิศตัวเองกับการบ่มเพาะพลังกฏเทพทันทีหลังเต๋าดาบเขาทะลวงผ่านไม่สำเร็จ
แต่ทว่า สิ่งที่หลินฮวงไม่รู้คือในระหว่างการปิดประตูบ่มเพาะเขา หลายสิ่งได้เกิดขึ้นบนโลกภายนอก
ในวันที่สองของการปิดประตูบ่มเพาะ รัฐบาลกลางได้ประกาศถึงอีกาม่วง ประกาศว่าองค์กรได้สมรู้ร่วมคิดกับเทพอีกาแห่งมหาพิภพเพื่อพยายามบุกโลกกรวดแต่ล้มเหลว
เมื่อข่าวนี้กระจายออกไป ผู้บ่มเพาะทั้งหมดก็ตกอยู่ในความโกลาหล
ผู้บ่มเพาะรู้กันดีว่าอีกาม่วงคือหนึ่งในองค์กรมืดชั้นนำและสมาชิกมันก็ได้ทำสิ่งน่ารังเกียจมากมาย แต่ทว่า ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะร่วมมือกับยอดฝีมือของมหาพิภพเพื่อพยายามบุกโลกกรวด
การกระทำของอีกาม่วงได้กระตุ้นความเกลียดชังของสาธารณชนทันที
แค่หนึ่งนาทีหลังรัฐบาลกลางประกาศ สมาคมนักล่าและขัตติยะก็ได้ออกมาประณามอีกาม่วงและเข้าร่วมกับฝ่ายเรียกร้องให้มีการกวาดล้างอีกาม่วง
เมื่อเห็นว่ายักษ์ใหญ่ทั้งสามได้ออกมาแสดงจุดยืน องค์กรอื่น ทั้งใหญ่และเล็กรีบทำตามและเข้าร่วมกองกำลังขับไล่
ในเวลาไม่นาน อีกาม่วงก็กลายเป็นสิ่งน่ารังเกียจและถูกผู้บ่มเพาะทุกคนประณาม
วันเดียวกับที่รัฐบาลกลางออกประณาม พวกเขาได้รวมกลุ่มเทพเสมอืนและบุกตรงไปหาอีกาม่วง
สมาคมนักล่าและขัตตะได้เตรียมกลุ่มเทพเสมือนของตนและเข้าร่วมการกวาดล้างด้วย
ทางฝั่งขัตติยะ มีทาสดาบสองคนที่เข้าร่วมกลุ่มกวาดล้างอีกาม่วง
มีทั้งหมด37คนในกลุ่มเทพเสมือน ระดับพลังต่ำสุดคือเทพเสมือนขั้นสอง สูงสุดคือสองทาสดาบที่ระงับพลังไว้ ทั้งคู่คือเทพเสมือนขั้น9
ด้วยกลุ่มดังกล่าว มันใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีและต้องใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยเพื่อทำลายศูนย์ใหญ่อีกาม่วง
สำหรับคนในอาคาร แน่นอน ไม่มีใครรอดชีวิต
รัฐบาลกลางนำกลุ่มไปกวาดล้างศูนย์ใหญ่อีกาม่วง ภายในไม่กี่วัน องค์กรใหญ่ต่างๆ
ในเวลาแค่สามหรือสี่วัน สาขาอีกาม่วงเกือบทั้งหมดถูกกำจัด สิ่งเดียวที่หลายคนได้ยินล่วงหน้าคืออีกาม่วงรู้ตัวและหนีไปก่อนสาขาจะถูกบุก
ครึ่งเดือนต่อจากนั้น องค์กรใหญ่ต่างๆก็ได้ปิดล้อมอีกาม่วงอย่างแข็งขัน ยพายามรับส่วนแบ่งจากการปล้นสะดม
หลังจบเรื่องของอีกาม่วง รัฐบาลกลางและองค์กรอื่นก็เริ่มสำรวจมิติบรรพกาลต่อ สะสมทรัพยากรกันอย่างเมามันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม
ในขณะเดียวกัน ขัตติยะและผู้ปลดปล่อยก็ยังคงค้นหาว่าสมาชิกอีกาม่วงที่เหลือหลบซ่อนอยู่ไหนและกำจัดพวกเขาด้วยวิธีที่ทั้งเปิดเผยและแอบแฝง
หลายวันผ่านไป จำนวนการตรัสรู้ธาตุที่หลินฮวงใช้ได้ก็เพิ่มขึ้นทุกเดือน ได้รับผลกระทบโดยการ์ดเห็นแจ้ง
ในชั่วพริบตา สามเดือนก็ผ่านไปทั้งอย่างนั้นและหลินฮวงก็ใช้การตรัสรู้ธาตุได้อีกสิบ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเดิม
เขาไม่ได้ออกจากการปิดประตูบ่มเพาะทันที แต่กลับโทรหาหวงเทียนฟู่ก่อน
“สถานการณ์ของโลกภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”
“สามเดือนที่ผ่านมาสงบดีครับ ยกเว้นช่วงการกวาดล้างอีกาม่วง องค์กรใหญ่ทั้งหมดได้กลับสู่สภาวะเดิม ภายใต้ความพยายามร่วมกันของเรากับผู้ปลดปล่อย สมาชิกอีกาม่วงที่หลบหนีไปได้ถูกจัดการอย่างสมบูรณ์แล้ว”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากที่ขอบเหวนรกครับ องค์กรใหญ่ทั้งหมดตอนนี้มีคนคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด ต่อให้เป็นเสียงมด เราก็ยังรู้”
“การสำรวจมิติบรรพกาลและการหาทรัพยากรเป็นไปอย่างราบรื่น ยกเว้นเดือนแรกที่เทพเสมอืนส่วนใหญ่เข้าร่วมการกำจัดอีกาม่วง ความคืบหน้าถึงชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ตอนนี้ก็กลับเป็นปกติแล้วครับ”
“แต่ทว่า มีเรื่องที่ข้าคิดว่าท่านควรรู้ รัฐบาลกลางอาจตระหนักถึงการดำรงอยู่ของทาสดาบ ในขณะที่เข้าร่วมการปิดล้อมศูนย์ใหญ่อีกาม่วง ดาบ168ได้ลงมือ แม้ระดับพลังจริงเขาจะถูกปกปิดได้ทันเวลา เขาก็ยังเป็นที่สังเกตเห็น”
“หากพวกเขารู้ งั้นก็ปล่อยให้รู้ไป”หลินฮวงไม่สนใจ”ขอแค่ไม่ทำตัวเด่นเกินไปก็พอ”
“มีอะไรเกิดขึ้นทางฝั่งผู้ปลดปล่อยไหม?”หลินฮวงถามอีกครั้ง
“นอกจากตอนจื่อจี้โทรหาข้าก่อนหน้าเพื่อคุยเรื่องการปราบปรามอีกาม่วง เราไม่ได้ติดต่อกันเลยครับ หลังรัฐบาลกลางและองค์กรอื่นถอนตัวจากการปิดล้อม คนของผู้ปลดปล่อยก็ปลอมตัวเองเป็นสมาชิกขัตติยะเพื่อเข้าร่วมการตามล่า คนนอกทุกคนต่างคิดว่าการตามล่าเป็นฝีมือเราขัตติยะเพียงลำพัง บทบาทของผู้ปลดปล่อยไม่ได้ถูกเปิดเผย”
“ข้าไม่รู้อะไรมากถึงสถานการณ์ทางฝั่งเขา และก็ไม่มีข่าวพวกผู้ปลดปล่อยบนเครือข่าย ข้าคิดว่าท่านควรถามจื่อจี้เองโดยตรง’”
หลินฮวงพยักหน้า”โอ้ ใช่ หลินซินออกมาหรือยัง?”
“ยังครับ คุณฟู่ได้ตรวจสอบแล้วเมื่อเดินก่อนและนางก็ยังปิดประตูบ่มเพาะอยู่”
“แล้วเสี่ยวโม่ละ?มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นไหม?”หลินฮวงยังไม่สบายใจเรื่องเทพอีกา
“เสี่ยวโม่ได้ปิดประตูบ่มเพาะตั้งแต่เขากลับมาเมื่อสามเดือนก่อน และยังไม่ได้ออกมาเลยครับ”หวงเทียนฟู่ตอบกลับ
“งั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหา…”หลินฮวงพึมพำเสียงเบา
“ฝ่าบาท ท่านจะออกจากการปิดประตูบ่มเพาะตอนไหน?”หวงเทียนฟู่อดถามไม่ได้
“ข้ายังไม่แน่ใจ..”หลินฮวงยังไม่พอใจกับการพัฒนาความสามารถเขาตลอดสามเดือนนี้และไม่เต็มใจออกจากการปิดประตูบ่มเพาะ”ข้าอาจต้องการเวลาอีกสักพัก”
หลังวางสายกับหวงเทียนฟู่ หลินฮวงก็คุยกับจื่อจี้เรื่องผู้ปลดปล่อย
นอกจากการเข้าร่วมกองกำลังกวาดล้างอีกาม่วง ทุกอย่างทางฝั่งผู้ปลดปล่อยก็ปกติดีเช่นกัน
หลังวางสายกับจื่อจี้ หลินฮวงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ความไม่พอใจเขาไม่ได้มาจากโลกภายนอก แต่มาจากภายในตัวเขาเอง
ปัจจุบัน ระดับพลังเขาไม่อาจพัฒนาได้อีก เขาทำได้แค่พัฒนาแก่นแท้เต๋าดาบและฝึกพลังกฏเทพกับพลังตรัสรู้ธาตุ
แต่ทว่า ต่อให้เขาใช้การ์ดเห็นแจ้ง การยกระดับแก่นแท้เต๋าดาบและการควบคุมพลังกฏเทพก็ยังต้องใช้เวลานาน
ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดสุดคือเวลา
เวลาผ่านไปปีครึ่งแล้วจากสามปีที่เขาคาดการณ์ไว้ และการรุกรานมหาพิภพอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ต่อให้การรุกรานไม่เริ่มไปอีกปีครึ่ง แต่ตามความคืบหน้าการบ่มเพาะเขา เวลาปีครึ่งคงไม่พอให้เขาพัฒนาอะไรขึ้นมากนัก
“เสี่ยวเฮย นอกจากการ์ดเห็นแจ้ง มีการ์ดอะไรอีกไหมที่สามารถเพิ่มความเร็วการบ่มเพาะฉันได้และยังไม่ทับกับผลของการ์ดเห็นแจ้ง?”หลินฮวงถาม
“มีอยู่มาก แต่อันที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันของเจ้าสุดจะเป็นการ์ดสิ่งของ ห้องแห่งกาลเวลา”