ได้ยินเสียงพูดของชายชรา หานลี่กับเหยียนลี่ต่างก็ตกตะลึง หันมามองหน้ากันอย่างฉับพลัน

 

 

“ไปกันเถอะ คนผู้นี้พลังยุทธ์ลึกซึ้งไม่อาจหยั่งประมาณ ไม่ด้อยไปกว่าราชาปีศาจอย่างพวกลิ่วจู๋เลย ไม่สิ จากการรับรู้ของจิตสัมผัสที่อยู่บนแมลงวิญญาณ อาจจะเป็นตัวตนที่น่ากลัวยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก” แม้ว่าในใจหานลี่จะรู้สึกกังวล แต่สีหน้ากลับสงบเยือกเย็นผิดปกติ พลันหันมากล่าวกับเหยียนลี่เช่นนี้

 

 

หญิงสาวผู้นี้เห็นว่าหานลี่มีท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจไปด้วยโดยไม่รู้ตัว พลันพยักหน้าไม่ส่งเสียง

 

 

ดังนั้นเมื่อทั้งสองขยับร่าง ก็ลอยไปในถ้ำอย่างช้าๆ

 

 

ภายในเส้นทางไม่นับว่ากว้างใหญ่มาก และไม่มีสถานที่อะไรเป็นพิเศษ เป็นแค่ปากทางเข้าที่ทั้งสี่ด้านสร้างมาจากหินสีเขียวทั่วไปเท่านั้น

 

 

หลังจากเหาะเข้าไปตามเส้นทางได้ร้อยกว่าจั้ง เบื้องหน้าก็สว่างโล่ ปรากฏเป็นโถงใหญ่โบราณที่เต็มไปด้วยทรายละเอียดสีขาว

 

 

โถงแห่งนี้มีพื้นที่ไม่น้อย กว้างประมาณร้อยจั้งเศษ แต่ภายในโถงใหญ่เช่นนี้ กลับมีเครื่องเรือนอยู่หร็อมแหร็มไม่กี่ชิ้นเท่านั้น นอกจากโต๊ะเก้าอี้หลายตัวแล้ว ก็มีแค่ต้นไม้ดอกไม้ประหลาดไม่กี่กระถางตามมุมทั้งสี่ของโถงใหญ่เท่านั้น

 

 

ต้นไม้และดอกไม้เหล่านี้สูงไม่เกินฉื่อกว่า แต่สามารถได้กลิ่นอายที่แผ่มาจากต้นไม้ใบหญ้าได้ไกลๆ ต้นไม้และดอกไม้ที่มีอยู่โหรงเหรงเหล่านี้ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้รู้สึกราวกับอยู่กลางหุบเขาใหญ่ที่มีป่าไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น

 

 

บนเก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางของโถงใหญ่ มีชายชราชุดขาวนั่งอยู่คนหนึ่ง

 

 

ชายชราผู้นี้มีเครายาวสามฉื่อ ใบหน้าดูปกติธรรมดายิ่งนัก กำลังใช้แสงบริสุทธิ์กวาดมองมาที่ร่างของทั้งสอง

 

 

“พวกเจ้าเป็นคนของเผ่ามนุษย์!” เสียงพูดดังออกมาจากปากของชายชราด้วยน้ำเสียงเกินความคาดหมาย

 

 

ที่แท้ก็เป็นเจ้าของเสียงชายชราผู้นั้น

 

 

หานลี่ใช้สายตากวาดมองมาบนร่างของชายชราหนหนึ่ง ผลลัพธ์ก็ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง พลันโค้งลำตัวเล็กน้อยแล้วตอบกลับ “อาวุโสรู้ว่าพวกเราเป็นเผ่ามนุษย์ด้วย ไม่ทราบว่าอาวุโสมีชื่อเสียงเรียงนามอย่างไรขอรับ?”

 

 

“หึๆ! ไม่ต้องรู้หรอก ผู้เฒ่าก็เป็นคนของเผ่ามนุษย์เช่นกัน ผู้เฒ่าไม่อยากพูดถึงชื่อแซ่เมื่อก่อน ตอนนี้เรียกแค่แซ่ “เจียง” โดดๆ ก็พอ” ชายชราแย้มยิ้ม ดวงตาที่จ้องมองพวกหานลี่สองคน เผยท่าทางอัธยาศัยดีออกมา

 

 

“อะไรกัน อาวุโสก็เป็นอาวุโสเผ่ามนุษย์ของพวกเราเหมือนกันหรอกหรือ?” หานลี่กับเหยียนลี่ต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะเหยียนลี่ที่อุทานออกมาเบาๆ อย่างห้ามไม่อยู่

 

 

“ทำไมรึ ผู้เฒ่าเป็นเผ่ามนุษย์แล้วแปลกมากเลยรึ?” ชายชราหัวเราะหึๆ คราหนึ่งแล้วกล่าว

 

 

“ย่อมไม่ใช่อยู่แล้วขอรับ ชนรุ่นหลังแค่คาดไม่ถึงว่า พื้นที่ที่ห่างไกลจากเผ่ามนุษย์เช่นนี้จะสามารถพบคนของเผ่าตัวเองได้” สีหน้าประหลาดใจบนใบหน้าของหานลี่หายไปจนหมด พลันรีบกล่าวขึ้น

 

 

พลังยุทธ์ของชายชราที่อยู่ตรงหน้าสูงส่งจนไม่อาจหยั่งประมาณได้จริงๆ เขาจึงไม่กล้าล่วงเกินโดยง่าย

 

 

“แม้ว่าผู้เฒ่าจะมีฐานะเดิมมาจากเผ่ามนุษย์ แต่กายเนื้อกลับไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ด้วยความบังเอิญ จึงได้แย่งชิงกายเนื้อของ “เผ่าอายุยืน” ที่หายากสุดๆ มา เผ่านี้เกิดมาก็เชี่ยวชาญอิทธิฤทธิ์และเคล็ดวิชาต่างๆ มากมาย ภายในร่างยังฝึกพรสวรรค์ที่คาดไม่ถึงอีกหลายชนิด แต่ละชนิดเพียงพอที่จะทำให้ผู้ที่มีอัจฉริยะในการฝึกฝนของเผ่ามนุษย์ของพวกเรารู้สึกตกตะลึงจนต้องกล่าวชมออกมา” ชายชรายื่นมือคู่หนึ่งออกมามอง พลางกล่าวอย่างช้าๆ

 

 

หานลี่ไม่เคยได้ยินชื่อของ “เผ่าอายุยืน” มาก่อน แต่ชายชราที่อยู่ตรงหน้าไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาหรือการพูดการจาก็ล้วนเหมือนเผ่ามนุษย์ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด มองไม่ออกถึงลักษณะท่าทางที่ผิดปกติแม้แต่น้อย

 

 

ดวงตาของหานลี่เผยความประหลาดใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

 

 

“ทั้งสองคนไม่ต้องแปลกใจ! ที่ตอนนี้สภาพของข้ายังมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับตอนเป็นเผ่ามนุษย์อยู่นั้น ผู้เฒ่าต้องเปลืองแรงไปไม่น้อย จึงจะหลอมกายเนื้อของเผ่าออายุยืนให้เหมือนกับเมื่อก่อนอย่างไม่มีผิดเพี้ยนได้” ดวงตาของชายชราเปล่งประกายวาบหนึ่งแล้วกล่าว

 

 

“อาวุโสมีอิทธิฤทธิ์น่าตะลึง ชนรุ่นหลังทั้งสองพบเห็นมาน้อยจึงรู้สึกแปลกใจ!” หานลี่ได้ยินอีกฝ่ายพูดเรื่องฝืนธรรมชาติด้วยน้ำเสียงปกติเช่นนี้ก็รู้สึกใจหายวาบ แต่ท่าทีที่เขาแสดงออกภายนอกยังคงเคารพนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง

 

 

“พูดถึงเมื่อก่อน หลังจากที่ข้าสำเร็จขั้นต้นในเส้นทางบำเพ็ญเพียรแล้วออกจากเผ่ามนุษย์ ก็ไม่เคยกลับไปที่นั่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว จึงรู้สึกค่อนข้างสนใจสถานการณ์ของเผ่ามนุษย์ในตอนนี้จริงๆ พวกเจ้าสองคนน่าจะยินดีเล่าให้ผู้เฒ่าฟังสักหน่อย” ชายชราเอ่ยถามอย่างราบเรียบ

 

 

“หากอาวุโสอยากทราบอะไร มีสิ่งใดที่ชนรุ่นหลังทั้งสองรู้ก็จะบอกให้หมดอย่างแน่นอนขอรับ” หานลี่หันมาสบตาเหยียนลี่ทีหนึ่ง แล้วตอบกลับอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

 

 

“เช่นนี้ก็ดีเลย! ไม่รู้ว่าสหายในเผ่าของผู้เฒ่าเมื่อปีนั้น ตอนนี้ยังจะเหลืออยู่สักกี่คน” ชายชราเผยสีหน้าดีอกดีใจ พลันกำมือแล้วยิ้มกว้าง

 

 

หลังจากที่ชายชราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สายตาก็กวาดมองมาที่ร่างของทั้งสองเล็กน้อย พลันเปล่งแสงสีทองออกมาปราดหนึ่ง แล้วเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาหลายส่วน

 

 

“แม้ว่าพลังยุทธ์ของทั้งสองจะไม่สูง แต่เคล็ดวิชาที่ฝึกฝนกลับดูน่าสนใจจริงๆ คนหนึ่งมีกายเป็นครึ่งภูตครึ่งมนุษย์ ครั้งก่อนที่ผู้เฒ่าเห็นคนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาสายภูตปีศาจชนิดนี้ ก็เป็นเหตุการณ์เมื่อหมื่นปีก่อนไปแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งพลังยุทธ์ค่อนข้างสับสนปนเป ภายในร่างแฝงด้วยธาตุมารเสี้ยวหนึ่ง กายเนื้อก็ยังแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์ ดูท่าจะต้องฝึกฝนเคล็ดวิชามาหลายอย่าง และอาจจะเดินบนเส้นทางของคู่บำเพ็ญเพียร” ชายชราแค่ถือโอกาสพูดออกมาไม่กี่คำ

 

 

แต่คำพูดเหล่านี้พอได้ยินถึงหูหานลี่กับเหยียนลี่แล้ว กลับทำให้รู้สึกราวกับฟ้าผ่าลงมาในวันฟ้าโปร่ง

 

 

เหยียนลี่ซีหน้าซีดขาวอยู่หลายส่วน หานลี่เองก็มีสีหน้าเปลี่ยนเป็นการใหญ่เช่นกัน เบื้องล่างของทั้งสองถูกอีกฝ่ายมองหนเดียว ก็ถูกเปิดเผยออกมาอย่างไม่สงสัย

 

 

หานลี่พยายามข่มความตกตะลึงในใจไว้ ขณะที่ยิ้มฝืนๆ กำลังคิดจะพูดอะไรอยู่ ชายชราก็มีสีหน้าเปลี่ยน แสงสีทองในดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างฉับพลัน แล้วส่งเสียงอุทานออกมาเบาๆ

 

 

ชายชรากวักมือไปในอากาศตรงหน้าหานลี่โดยไม่พูดจา

 

 

ขณะที่หานลี่ยังไม่ทันเข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย ก็รู้สึกว่ากระบี่ไผ่เขียวผึ้งเมฆาทั้งสิบสองเล่มภายในร่างเกิดการสั่นขึ้นพร้อมกัน ถูกพลังดูดอันมหาศาลกระตุ้นแล้วบินออกจากร่างด้วยตัวเอง ก่อนที่จะบินวนรอบร่างของเขาอย่างไม่หยุดนิ่ง

 

 

           หานลี่ตกตะลึงยกใหญ่ บนร่างมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นคราหนึ่ง ม่านแสงสีเทาและประกายสายฟ้าสีทองดีดออกในชั่วพริบตา คุ้มกันร่างของเขาไว้ภายใน ก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว “อาวุโสเจียงท่านหมายความว่าอย่างไร! หรือว่าชนรุ่นหลังมีสิ่งใดที่ล่วงเกิน!”

 

 

ขณะที่เอ่ยถามเสียงดัง ภายในแขนเสื้อข้างหนึ่งของเขาก็เปล่งแสงสีเขียววาบหนึ่ง ลูกแก้วอัสนีสีเขียวสิบกว่าลูกก็กลิ้งมาอยู่ในฝ่ามือของเขาอย่างไร้สุ้มเสียง ขณะเดียวกันมือข้างหนึ่งก็เปล่งแสงสีดำทมึน กำไลอสูรวิญญาณที่ใกล้จะบรรจุแมลงกลืนทองเต็มก็ปรากฏออกมาแล้วถูกคว้าไว้ในมือแน่น

 

 

แม้ว่าบนร่างของเขาจะมีสมบัติมากมาย แต่เมื่อเผชิญกับชายชราที่ลึกล้ำไม่อาจหยั่งประมาณผู้นี้ ก็มีแค่ของสองสิ่งนี้ที่ยังพอเป็นแรงช่วยเหลือได้จริงๆ

 

 

“ดูท่ารูปแบบและวิธีการหลอบจะเป็นกระบี่ไผ่เขียวผึ้งเมฆาจริงๆ อีกทั้งยังบังเอิญมีถึงเจ็ดสิบสองเล่ม! สีของกระบี่บินดูไม่ค่อยถูกต้อง น่าจะผสมของอย่างอื่นเข้าไปในภายหลัง คาดไม่ถึงว่าจะใช้ไผ่อัสนีทีเป็นวัตถุดิบในการหลอมขึ้นมา เป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แม้แต่ผู้เฒ่าก็ไม่มีทางรวบรวมไผ่อัสนีทองได้มากมายเช่นนี้…” ชายชราจ้องมองกระบี่เล็กสีทองแวววาวเจ็ดสองเล่มที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างไม่สนใจหานลี่แม้แต่น้อย เพียงแค่พูดพึมพำไม่หยุดด้วยอารมณ์แปลกประหลาด

 

 

หานลี่ได้ยินชายชราพูดชื่อกระบี่ไผ่เขียวผึ้งเมฆาออกมา ย่อมรู้สึกตกตะลึงเป็นธรรมดา เมื่อมองดูชายชราด้วยอารมณ์ประหลาดใจ ในใจก็ปรากฏความคาดเดาที่ตนเองยากจะเชื่อได้ออกมาอย่างหนึ่ง ทำให้เขาตะลึงงันไปชั่วขณะ

 

 

เวลาผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง ชายชราก็ถอนหายใจออกมา ในที่สุดก็หยุดพูดพึมพำคนเดียว พลันละสายตาจากกระบี่บินเจ็ดสิบสองแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะหลับตาลงชั่วคราว

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกัน หานลี่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าฝูงกระบี่บินได้รับการควบคุมกลับคืนมาแล้ว จึงรีบร่ายคาถาสองมือโดยไม่คิด

 

 

ทันใดนั้นกระบี่บินก็เปล่งแสงอย่างบ้าคลั่งขึ้นระหลอกหนึ่ง ทั้งหมดก็จมหายเข้าไปในร่างอย่างไร้ร่องรอย

 

 

จากนั้นเขาก็จ้องมองไปยังชายชราที่อยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทีประหลาดใจ พลันเงียบขรึมไม่พูดจา

 

 

เหยียนลี่ที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนจะมองออกถึงความประหลาดเล็กๆ ระหว่างหานลี่กับชายชรา แม้ว่าสีหน้าจะตื่นตระหนกระคนฉงนสนเท่ห์ไม่หยุด แต่ในตอนนี้กลับไม่กล้าสอดปากสอดคำอย่างรู้สถานการณ์

 

 

หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชราแซ่เจียงก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง คราวนี้สายตาจ้องมองมาที่ร่างของหานลี่ พลันยิ้มจางๆ แล้วกล่าว “หึๆ ดูเหมือนเคล็ดวิชากระบี่มรกตดั้งเดิมที่ข้าทิ้งไว้ในแดนมนุษย์เมื่อปีนั้นจะตกอยู่ในมือเจ้าแล้ว เจ้าน่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่ทยานขึ้นมาที่นี่จากแดนมนุษย์ เมื่อปีนั้นเคล็ดวิชานี้ข้ายังทำไม่สมบูรณ์ทั้งหมด เจ้าอาศัยเคล็ดวิชานี้ก็สามารถหลอมกระบี่ไผ่เขียวผึ้งเมฆาออกมาเจ็ดสิบสองเล่ม และใช้ไผ่อัสนีทองเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งเป็นถึงพฤกษาเทวะ หลอมมันขึ้นมาในฐานะสมบัติประจำกาย ต้องขอบคุณจริงๆ ที่เจ้าทำทั้งหมดนี้ได้” ชายชราพูดพลางกล่าวชมออกจากปากไม่หยุด จ้องมองหานลี่อย่างประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้า คล้ายกับกำลังมองสมบัติล้ำค่าก็มิปาน

 

 

“ชนรุ่นหลังบังเอิญได้รับเคล็ดวิชากระบี่มรกตดั้งเดิมมาจริงๆ และเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่ทยานดินแดนขึ้นมา พูดเช่นนี้ ที่จริงแล้วอาวุโสเจียงก็คืออาวุโสชิงหยวนจื่อ!” หานลี่มีสีหน้าตกตะลึง พลันแสดงความเคารพอีกครั้งแล้วเอ่ยถาม

 

 

ตอนที่เขาอยู่แดนมนุษย์ก็ฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่มรกตดั้งเดิมเป็นหลักมาโดยตลอด ตอนนี้ได้เผชิญหน้ากับคนที่น่าจะเป็นชิงหยวนจื่อตัวจริงแล้ว ในใจก็รู้สึกปลงอนิจจัง

 

 

“ชิงหยวนจื่อ? จะถือว่าใช่ก็ได้ ถือว่าไม่ใช่ก็ได้ พูดตามจริงก็คือ ข้าเป็นได้แค่ชิงหยวนจื่อครึ่งคนเท่านั้น” ชายชรายิ้มจางๆ ทีหนึ่ง พลันโบกมือปรามไม่ให้หานลี่ทำความเคารพให้มากพิธีอีก

 

 

“ครึ่งหนึ่ง!” หานลี่ได้ยินวาจานี้ก็ตกตะลึง

 

 

“ตอนที่ชิงหยวนจื่อผจญภัยในทวีปอื่นๆ ในอดีต ได้ถูกศัตรูที่แข็งแกร่งหลายคนล้อมโจมตี ผลลัพธ์คือ แม้ว่าจะโชคดีรอดชีวิตมาได้ แต่กายเนื้อได้ถูกทำลาย ดวงวิญญาณก็แตกสลายไปเกือบครึ่ง ท่ามกลางสถานการณ์ฉุกละหุกอันตรายก็บังเอิญเจอกับเผ่าอายุยืนผู้หนึ่ง จึงยึดครองกายเนื้อของเขา แล้วบีบบังคับให้หลอมรวมกับดวงวิญญาณของเขาเพื่อซ่อมเสริมวิญญาณบริสุทธิ์ของตัวเอง ผลลัพธ์ที่ได้คือ ตอนนี้ความทรงจำครึ่งหนึ่งของข้าเป็นของชิงหยวนจื่อ อีกครึ่งหนึ่งเป็นของชาวอายุยืนผู้นั้น ด้วยการหยิบยืมโอกาสดีนี้ ในที่สุดพลังยุทธ์ของข้าก็ทะลวงระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว และมาจนถึงระดับในตอนนี้ได้ แต่หากเจ้าจะบอกว่าข้าเป็นชิงหยวนจื่อก็ไม่นับว่าผิดทั้งหมด” ชายชราแซ่เจียงพูดอย่างไม่กระโตกกระตาก

 

 

หานลี่กะพริบตาปริบๆ ในใจไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว!

 

 

“ไม่ผิด ตอนที่หลอมรวมเมื่อปีนั้น แม้ว่าข้าจะสูญเสียความทรงจำของชิงหยวนจื่อไปไม่น้อย แต่ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชากระบี่มรกตดั้งเดิมนั้น ข้าจำได้ไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย เจ้าใช้ไผ่อัสนีทองเป็นวัตถุหลัก เดิมทีก็เป็นกระบี่บินธาตุไม้ที่ดีที่สุดอย่างไม่อาจดีไปกว่านี้แล้ว แต่น่าเสียดาย ภายหลังเนื่องจากกระหายในความสำเร็จและผลประโยชน์เฉพาะหน้า จึงเติมวัตถุอย่างอื่นในการหลอมเข้าไปอย่างเปะปะ ทำให้วิญญาณธาตุไม้ในกระบี่นี่มีการปะปนขึ้นมา ไม่เช่นนั้น หากฝึกฝนเป็นเวลานานหลายปีเช่นนี้ กระบี่บินของเจ้าน่าจะถึงระดับกระบี่จิตเชื่อมวิญญาณแล้ว อาศัยเพียงกระบี่บินชุดนี้ก็เพียงพอที่จะก้าวข้ามตัวตนระดับเดียวกันได้แล้ว หึๆ ปีนั้นชิงหยวนจื่อนอกจากกระบี่ไผ่เขียวผึ้งเมฆาชุดนั้นแล้ว บนตัวก็ไม่มีสมบัติอื่นใดอีก ตอนที่เป็นระดับเทพแปลงก็สามารถโค่นระดับหลอมสูญได้ และตอนที่อยู่ระดับหลอมสูญก็สามารถทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์หวาดกลัวได้หลายส่วน” ชายชราชุดเทาพูดด้วยความรู้สึกค่อนข้างเสียดาย

 

 

ได้ยินชายชรากล่าวเช่นนี้ หานลี่ก็เอามือลูบๆ คาง พลางเผยสีหน้ายิ้มเจื่อนออกมา

 

 

บางทีคำพูดทั้งหมดที่ชายชราแซ่เจียงกล่าวมานั้นจะเป็นจริง แต่ตอนที่เขาเผชิญอันตรายรอบด้านที่แดนมนุษย์เมื่อปีนั้น ไหนเลยจะสามารถกระหายในความสำเร็จและผลประโยชน์เฉพาะหน้าได้! อีกทั้งในความเป็นจริง ตัวเขาในตอนนี้ก็สามารถโค่นตัวตนระดับหลอมสูญได้อย่างง่ายดาย หากตนสามารถเข้าสู่ระดับหลอมสูญได้เช่นกันแล้ว การเผชิญหน้ากับตัวตนระดับผสานอินทรีย์ก็มีความมั่นใจว่าจะปกป้องตัวเองได้เช่นกัน

 

 

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ เมื่อเขาเผชิญหน้ากับชายชราย่อมไม่สะดวกที่จะพูดออกมาโดยตรง เพียงแค่เปลี่ยนเป็นแสดงอารมณ์อึดอัดใจออกมาเล็กน้อย

 

 

“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ในเมื่อเจ้าสืบทอดเคล็ดวิชากระบี่มรกตดั้งเดิมแล้ว และตัวข้าก็มีความทรงจำของชิงหยวนจื่อเกือบครึ่ง เจ้ากับข้าก็นับว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ตอนนี้ข้าขอถามเจ้าสักเรื่อง เจ้าก็ตอบข้ามาตามจริง พวกเจ้าสองคนมาด้วยกันกำคนนอกที่เข้ามาในแม่น้ำอเวจีพวกนั้นหรือไม่?” ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึมโดยพลัน แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น