กงซุนหลีพากลุ่มชายหนุ่มเดินจากไป แต่พวกเขาไม่ได้ไปไหนไกล เขาสั่งชายหนุ่มคนเมื่อสักครู่ว่า “นายได้ยินเรื่องที่เธอพูดเมื่อสักครู่แล้วใช่ไหม? นายไปสืบดูว่าเรื่องที่เธอพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่?”
ชายหนุ่มคนนั้นโค้งคำนับแล้วเดินจากไป
ไม่นาน ชายหนุ่มคนนั้นก็กลับมา ที่นี่มีนักเรียนของโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจวอยู่มากมาย ซึ่งมันง่ายต่อการสอบถามเกี่ยวกับสถานะของเฉินโม่
ชายหนุ่มกระซิบข้างหูกงซุนหลีชั่วครู่ ทำให้สีหน้าของกงซุนหลียิ่งมีความสุขมากขึ้นเรื่อย ๆ และสุดท้ายใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนว่าเรื่องที่เธอพูดเมื่อสักครู่จะเป็นความจริง เจ้าเด็กที่ชื่อเฉินโม่เป็นเพียงคนบ้านนอก! คนแบบนี้ยังกล้าล่วงเกินคุณชายเย่อีก พวกเราในฐานะชาวซีไห่จะนิ่งดูดายได้อย่างไร?”
“พวกคุณคิดว่าถูกไหม?” กงซุนหลีพูดกระตุ้นด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
พวกเขาทุกคนรู้ว่ากงซุนหลีต้องการทำอะไร และพวกเขาก็ต้องการทำเช่นนั้นเหมือนกัน มีรอยยิ้มชั่วร้ายอยู่บนใบหน้าของทุกคน และกล่าวอย่างร่วมมือว่า “ถูกต้อง”
กงซุนหลีหัวเราะ “แล้วพวกเราควรทำอย่างไร?”
“จำเป็นต้องพูดด้วยหรือ? แน่นอนว่าต้องไปล้างแค้นให้คุณชายเย่!” แล้วพวกลูกเศรษฐีที่ชอบสร้างความวุ่นวายเกิดความกระตือรือร้นทันที
กงซุนหลียิ้มด้วยความพึงพอใจ “แล้วจะรออะไรอีก ไปกันเถอะ!”
พวกเฉินโม่สี่คนนั่งดื่มชาเงียบ ๆ อยู่ที่มุมห้อง กงซุนหลีเดินไปพร้อมกับกลุ่มชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
ทุกคนยืนอยู่หน้าโต๊ะของพวกเฉินโม่สี่คน กงซุนหลีเหลือบมองเอียนชิงเฉิงที่สวยด้วยสายตาที่หื่น แล้วละสายตาด้วยความอาลัย ขยิบตาให้ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง
ชายหนุ่มคนนั้นเดินไปอยู่ตรงหน้าเฉินโม่ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย เคาะโต๊ะด้วยความจองหอง และกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า “เจ้าหนู แกไปนั่งตรงนั้น คุณชายกงซุนจะนั่งที่นี่”
เฉินโม่ดื่มชาอย่างสบาย ๆ และไม่สนใจเขา สีหน้าของเฉินซงจื่อ เอียนชิงเฉิงและซังซังเคร่งขรึม มองกงซุนหลีและคนอื่น ๆ ด้วยความเย็นชา
ชายหนุ่มคนนั้นตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าหนู แกหูหนวกหรือไง? ไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูดกับแกเหรอ!”
เฉินซงจื่อพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา มองชายหนุ่มคนนั้น มีความโกรธประกายอยู่ในดวงตา แล้วหันไปมองดูเฉินโม่ ราวกับขอความคิดเห็นจากเฉินโม่ว่าจะสอนบทเรียนให้เขาดีหรือไม่?
เฉินโม่ยังคงดื่มชาอย่างช้า ๆ และเมื่อชาในถ้วยหมด เขาค่อย ๆ หันไปมองชายหนุ่มคนนั้น และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “มีที่ว่างมากมาย ทำไมคุณชายของพวกแกถึงมาแย่งที่นั่งของฉันล่ะ?”
ชายหนุ่มคนนั้นหัวเราะ “แค่คนขยะ จะพูดมากทำไม! คุณชายกงซุนต้องการนั่งที่นั่งของแก ถือเป็นการให้เกียรติแกแล้ว รีบหลีกทางเร็ว!”
เฉินซงจื่อพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา “กำเริบเสิบสาน! ดูหมิ่นนายน้อย ตบปาก!”
หลังจากเฉินซงจื่อกล่าวจบ เขาขยับร่างกายและตบหน้าชายหนุ่มคนนั้น จนทำให้ชายหนุ่มคนนั้นกระเด็นออกไปทันที
กลุ่มลูกเศรษฐีโกรธจัดและพูดจาหยาบคายออกมา
ชายหนุ่มคนนั้นลุกจากพื้น จับใบหน้าที่บวมครึ่งหนึ่งของตนเองเอาไว้ และตะโกนอย่างโกรธเคือง “มึงกล้าทำร้ายกู กูจะฆ่ามึง!”
ชายหนุ่มคนนั้นพุ่งเข้ามา แต่ถูกกงซุนหลีที่อยู่ด้านหลังขวางเอาไว้
ชายหนุ่มคนนั้นหันไปมองกงซุนหลีด้วยความสงสัยและถามว่า “คุณชายกงซุน คุณจะ……..”
กงซุนหลีจ้องมองเขา ชายหนุ่มก้มหน้าลงทันทีแล้วเดินไปอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าพูดอะไรอีก
กงซุนหลีมองเฉินโม่แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “เจ้าหนู แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
เฉินโม่ขี้เกียจแม้แต่จะมองเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า”ผมไม่รู้ ไม่อยากรู้ด้วย แต่ผมว่าคุณอย่ามายั่วยุผม มิฉะนั้น ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก”
กงซุนหลีแหงนหน้าและหัวเราะเสียงดัง แล้วหันหน้ายิ้มให้ชายหนุ่มพวกนั้น “พวกคุณได้ยินไหม เขาบอกว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก ผมกลัวมากเลย!”
หลังจากกล่าวจบ เขาเอามือกอดอกด้วยท่าทางเสแสร้ง และมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปความเหยียดหยาม
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเขาก็หัวเราะเยาะตาม ราวกับว่าเฉินโม่กำลังพูดเรื่องตลก