ผู้คนที่รับชมกำลังเฝ้ามองฟางฉีขับรถด้วยความเพลิดเพลินนอกจานี้ยังได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเพลงกันในรถ
“เพลงที่เจ้าของเปิดในรถคือเพลงอะไร?”
“พวสกเขากำลังร้องเพลงอะไรกัน”
พวกเขาทำหน้าสับสน
ขณะเดียวกันฟางฉีก็ได้เปิด GPS ในโทรศัพท์เพื่อหาทางเข้าถึงพื้นที่ชนบทโดยเลือกใช้ทางที่เร็วที่สุดเท่าที่จะไปได้ “โปรดรัดเข็มขัด!”
จากนั้นเขาก็เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วทันที คุรุมะนั้นเป็นรถที่แตกต่างจากคนอื่น สิ่งแวดล้อมรอบข้างยากที่จะสร้างความเสียหายต่อมันฟางฉีจึงเร่งความเร็วโดยไม่สนใจ
“นี่ท่าน! ท่านกำลังอะไร? ทำไมขับรถออกนอกถนน?” โมเซียนตะโกนจากด้านหลัง
“เอ่อ .. เจ้ากำลังทำอะไร?” นาหลันหมิงสือทำหน้างง
รถยังคงวิ่งอยู่ขณะนี้พวกเขาอยู่นอกเมืองและใกล้ถึงชนบทเต็มทีฟางฉีมองที่ GPS และขับรถออกจากถนนหลักเข้าสู่ถนนลาดชันทำให้หัวผู้โดยสารนั้นสั่นคลอนไปตามพื้นที่ขรุขระแถมเลี้ยวหลบพุ่มไม้ซิกแซกไปมาแต่ถึงอย่างไรรถก็ยังรวดเร็วและคล่องตัว
“มันเป็นทางลัด” ฟางฉีหน้านิ่งมากเขาเป็นนักขับที่เก่งพอตัว “ข้าเคยขับรถมาก่อนไม่ต้องกังวล!”
ฟางฉีขับคุรุมะผ่านดงต้นไม้คูน้ำตื้นที่ไหลผ่านทางแถมยังลุยเข้ากับดินแดงที่ขรุขระและเต็มไปด้วยฝุ่นสุดท้ายเขาก็ขับเข้าผ่าฟาร์มด้วยความปลอดภัย
“เจ้าของร้านเยี่ยมมาก!”
“เขาขับรถได้สุดยอด!”
“เจ้าช่วยขับให้มันปกติหน่อยได้มั้ย?” นาหลันหมิงสือรู้สึกวิงเวียน “ถ้าไม่งั้นให้ข้าขับ!”
ฟางฉีไม่ได้สนใจเธอขณะที่เขาเองยังคงขับตามทางลาดชันข้างหน้าต่อไป
กึก! ล้อกระแทกเข้ากับบางอย่างส่งผลให้รถเหินขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพุ่งลงข้างทาง
นาหลันหมิงสือรู้สึกอยากอ้วกส่วนโมเทียนเองเธอแอบจะกระอักเลือดออกมา ผู้ชมที่เฝ้าดูรู้สึกพูดไม่ออกคำพูดถูกลืนหายไปทันที
“นี่เจ้า .. ขับได้หรือไม่!?” โมเซียนตะโกนถาม
“เราประหยัดเวลาไปสิบนาที!” ฟางฉีไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดสักเท่าไร
“ข้าอยากออกไปจากที่นี่!” โมเซียนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เธอรู้สึกอยากออกไปอ้วกนอกรถเต็มแก่
“ข้าล็อคประตูไว้หมดแล้ว!” ฟางฉีกล่าวขออภัย “เจ้าออกไปไม่ได้ตั้งแต่เหยียบขึ้นรถข้าแล้ว”
สาวๆ ในกลุ่มหนานหัวดูเคอะเขิน “เราช่างโชคดีที่เราไม่ได้อยู่ในรถ!”
แม้ว่าการขับขี่ของฟางฉีจะดูรุนแรงไปหน่อย แต่คุรุมะของเขาก็ยังคงสภาพสมบูรณ์ถึงแม้ว่าจะมีรอยขีดข่วนเล็กน้อยตามสภาพการใช้งานแต่นั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับการซ่อมแซมอยู่แล้ว เพราะฟางฉีนั้นมุ่งเน้นการทำงานใหญ่เรื่องราคาค่าซ่อมจึงเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา .. พวกเขามาถึงที่หมาย โรงเก็บเครื่องบินฟางฉีขับรถตรงพุ่งหน้าไปหาอันธพาลทันที ในไม่ช้าเสียงกระสุนปืนก็ดังสะนั่นขึ้นมันไม่ได้ส่งผลต่อคุรุมะแม้แต่น้อยมันก็เหมือนแมวข่วนเท่านั้น
เขาจัดการสองคนด้วยปืนพกขณะที่นาหลันหมิงสือจัดการกับพวกนั้นด้วยปืนกล
“สุดยอด!”
“น่ากลัว”
ผู้เล่นหลายคนจากทะเลดวงดาวรู้สึกตะลึง “นั้น! ผู้หญิงที่ชื่อนาหลันสุดยอดมาก!”
ปีศาจดำเสริมว่า “เธอคนนี้ยิงหัวพวกเขาทั้งสามเพียงแค่ลูกปืนสามนัดเท่านั้น”
โมเทียนก็ใช้ปืนกลเช่นกันแต่เธอมีความชำนาญที่น้อยกว่าจึงจัดการไปแค่หนึ่งคน ส่วนหนิงไป่นั้นไม่เหลือคนให้เธอจัดการแล้ว
“เราควรลงจากรถหรือไม่?” นาหลันหมิงสือถาม
“อย่าเพิ่ง!” ฟางฉียิงไปขับรถไป เขาจัดการกับพวกอันธพาลได้กับปลอกกล้วยเข้าปาก
“เราจัดการไปมากกว่าสิบคนแล้ว!”
[เจ้าของร้านเล่นดีมาก!]
[สองคนที่นั่งด้านหลังเป็นผู้เล่นใหม่แน่นอน!]
โมเซียน “…”
หนิงไป่มองดูการต่อสู้ด้วยความสนใจและอยากรู้อยากเห็นในเวลาเดียวกันเธอบอกทุกคนว่าเธอคือผู้เล่นใหม่
“จัดการให้หมดทุกซอกทุกมุม!”
“ลงจากรถ!” ฟางฉีกล่าว “ขับรถกลับให้ข้า ข้าจะพาผู้เล่นใหม่ขึ้นเครื่อง!”
“พาข้ากลับมาทำภารกิจนี้ด้วย!” นาหลันหมิงสือตะโกน
ฟางฉีพยักหน้ารับคำ “ตกลง!”
“ลงจากรถแล้วรีบขึ้นเครื่องบิน!” พวกเขาได้จัดการกับอันธพาลเกือบหมดเหลือเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่ที่เหลือกำลังตามมาสมทบ
พวกเขาประสานงานกัน ขณะเดียวกันฟางฉีก็ได้ขึ้นไปบนเครื่องบินพร้อมกับผู้เล่นใหม่อีกสองคน ส่วนนาหลันหมิงสือนั้นขับรถของฟางฉีกลับ
“ตอนนี้ข้าจะอธิบายประเด็นสำคัญในการบิน หากพวกเจ้าพบว่าเป็นการยากที่จะติดตามข้าละก็ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้าลองเล่นและเรียนรู้จักโหมดออฟไลน์ก่อน!” ฟางฉีได้เตรียมพร้อมและเร่งความเร็วบนรันเวย์เพื่อออกเดินทาง
“มันกำลังบินหรือ?” อาจารย์ซีชิรู้สึกประหลาดใจในขณะที่เธอกำลังดูสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณลอยขึ้น ท้ายที่สุดแล้วเวลานั้นเธอเองก็พยายามอย่างดีที่สุดแล้วเพื่อที่จะนำเครื่องขึ้นแต่กลับล้มเหลวอย่างน่าสังเวช
“เครื่องบินลำนี้เจ๋งมาก!”
“สิ่งนี้สามารถบินได้จริงหรอ?” เหลียงชิและเพื่อนของเขาเฝ้ามองด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ มันไม่ใช่แค่บล็อกโลหะใช่มั้ย?
ส่วนหลายคนที่กำลังจับตามองอยู่ด้านหลังที่นั่งของฟางฉีนั้นพวกเขารู้สึกว่าฟางฉีควบคุมเครื่องบินอย่างใจเย็นขณะบินขึ้นท้องฟ้า นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นก้อนโลหะลอยอยู่บนท้องฟ้าราวกับว่ามันคือเรือจิตวิญญาณที่ไร้แก่นสารสาระทางจิตวิญญาณ ตอนนี้หลายคนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มุมมองของเมืองสมัยใหม่ค่อนข้างแตกต่างจากเมืองสมัยก่อน เมืองใหญ่อย่างลอสซานโตสนั้นได้รับการจัดการอย่างดีด้วยตึกระฟ้าอาคารที่ถูกจัดว่างเป็นระเบียบที่อยู่อาศัย สนามบินและรวมไปถึงย่านใจกลางมือซึ้งเป็นแหล่งชุกชุมของผู้คน
“ทำไมเมืองนี้ไม่มีกำแพง?”
“นั่นสิมันไม่มีกำแพง!”
“พวกเขามีการป้องกันอย่างไร?”
“พวกเขาไม่กลัวการบุกรุกรานของศัตรูใช่มั้ย?”
ผู้ฝึกฝนหลายคนทำการฝึกฝนมาเพื่อปกป้องบ้านเมืองซึ่งสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจหรือจินตนาการ เช่นที่ที่พวกเขาอยู่มีทั้งกำแพงเมืองเพื่อป้องกันการบุกรุก ปืนใหญ่ นักรบที่อยู่ตามชายแดนซึ่งแตกต่างจากที่นี่โดยสิ้นเชิง
โมเซียนและหนิงไป่ที่นั่งอยู่บนเครื่องนั้นกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง พวกเธอตื่นตาตื่นใจกับการได้มองเห็นวิวจากมุมสูง
หนิงไป่มองออกไปข้างหน้าด้วยแววตาที่สดใส “มันบินได้อย่างไร?”
“มันจะสามารถหมุนขึ้นเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้มั้ย?” โมเซียนเองก็สงสัย
ฟางฉีไม่ตอบเขากำลังควบคุมเครื่องด้วยสมาธิจากนั้นเขาโค้งลงที่จอดอย่างสวยงาม
“ถึงแล้วหรอ?” โมเซียนทำหน้างง “มันดูง่ายจัง!”
“แน่นอน! ข้าทำงานหนักเพื่อวันนี้” ฟางฉีตอบ
ทุกคนรู้ว่าการควบคุมเครื่องบินนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่เขาเองยังต้องใช้เวลาเพื่อฝึกฝนเป็นเวลานานในโหมดออฟไลน์ก่อนจะกล้าลองในโหมดออนไลน์อย่างวันนี้
[เจ้าของร้านนี่สุดยอดตัวจริง!]
[สุดยอดนักขับ!]
[เขามีสติและมั่นคงมาก!]
ผู้ชมตะโกนออกมา พวกเขาหลุดจากความงุนงงและเริ่มส่งความเห็นกันอย่างคึกคักอีกครั้ง