ตอนที่ 412

The Divine Nine Dragon Cauldron

ฐานพลังของฉิงจูนั้นต่ำกว่าอสุรา และเขาอยู่ที่นี่มาทั้งวัน ร่างกายของเขาถูกก่อกวนจากลมหายใจมังกร เขาจะเร็วกว่าอสุราขาวไปได้อย่างไร?

 

พวกเขากำลังจะพุ่งออกจากก้นบึ้งกลับสู่โลกภายนอก แต่อสุราขาวก็อยู่ห่างกันไม่กี่ก้าว

 

“ข้าหนีไม่ทัน!”

 

ฉิงจูรู้สึกผิด

 

“ข้าเอาพวกเจ้าสองคนออกไปอย่างปลอดภัยไม่ได้ ข้าต้องเอาพวกเจ้าไปคนเดียวเท่านั้น”

 

ฉิงจูไม่ได้มองใครอื่นเมื่อพูด ฉินเซี่ยนเอ๋อตัวสั่น นางหันกลับไปมองอสุราขาว น้ำตาไหลออกมาด้วยความกลัว แต่นางก็พูดอย่างกล้าหาญ

 

“เอาข้าลง”

 

นางไม่ใช่เป็นคนของอาณาจักรทมิฬแต่ฉิงจูก็พานางหนีออกมา เขาทำทุกสิ่งที่ทำได้ไปแล้ว

 

ฉิงจูแอบละอายใจ การทิ้งเด็กสาวเอาไว้ในยามวิกฤตินั้นทำให้เขาเสื่อมศรัทธาในตัวเอง

 

ลึกในแววตาเซี่ยจิงหยูนั้นเด็ดเดี่ยว

 

“ฉิงจู พาเซี่ยนเอ๋อหนีไป!”

 

นางตะโกนและผละร่างออกจากฉิงจู

 

นางเริ่มสร้างผนึกม่านวารีออกมา

 

ฉิงจูชักสีหน้า

 

“ยี่หยู เจ้าจะบ้าไปแล้ว!”

 

เซี่ยจิงหยูตอบอย่างหนักแน่น

 

“ข้าทิ้งนางไม่ได้”

 

ฉินเซี่ยนเอ๋อขัดขืน

 

“เดี๋ยวสิ! ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วยข้า”

 

แม้ว่านางจะไร้เดียงสา ฉินเซี่ยนเอ๋อก็รู้ว่าใครก็ตามที่ถูกทิ้งเอาไว้จะต้องตาย นางจะปล่อยให้คนแปลกหน้าตายเพื่อนางได้อย่างไร?

 

เซี่ยจิงหยูสร้างผนึกด้วยความเร็วสูง พริบตาเดียวก็มีม่านผนึกวารีสิบแปดชั้น เซี่ยจิงหยูหันกลับไปจ้องมองฉินเซี่ยนเอ๋อ แต่ก็ดูเหมือนนางกำลังมองคนอื่นอยู่

 

นางเงียบไปและหยิบตำราสีดำออกมา ตำรานั้นปล่อยแรงกดดันวิญญาณอันน่ากลัว

 

“ตำรานภาจรัสสวรรค์!”

 

ฉิงจูตกใจ

 

มันเป็นแค่สมบัติเทพระดับต่ำ แต่มันคือสมบัติเทพที่สำคัญที่สุดของเซี่ยจิงหยู นางถือว่ามันสำคัญเสียยิ่งกว่าชีวิตของนาง ตำรานั้นบันทึกทุกอย่างที่นางเคยเห็นและเคยได้ยินในทวีปเฉินหลง นางคัดลอกทุกสิ่งใส่ในตำรานั้นด้วยพลังจิตวิญญาณ วิชาหลายหมื่นวิชาที่นางเคยเห็นในอาณาจักรทมิฬ บันทึกนับไม่ถ้วน ภูมิปัญญาทุกอย่างบนโลก และคำอธิบายวิชาที่นางคิดขึ้นเองทั้งหมดต่างอยู่ในตำรานั้น

 

แม้แต่จ้าวไป่ลั่วก็อยากได้ตำราสวรรค์เล่มนี้ องค์ความรู้ในแต่ละหน้ากระดาษนั้นมีทุกวิชาที่อาณาจักรทมิฬรู้จัก การได้ตำรานภาจรัสสวรรค์ไปนั้นไม่ต่างจากการได้วิชาเหล่านั้นมาครอง

 

ตอนนี้นางเอามันออกมา เห็นได้ชัดว่านางกำลังจะพูดสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย!

 

ฟึ่บ–

 

ตำราสวรรค์หมุนอยู่กลางอากาศแต่ไม่ได้ไปอยู่ในมือของฉิงจู มันกลับเข้าไปในชุดของฉินเซี่ยนเอ๋อ

 

เซี่ยจิงหยูมองฉิงจูและขอร้อง

 

“ฉิงจู สัญญากับข้าว่าเจ้าจะไม่แตะต้องมัน”

 

ฉิงจูกระวนกระจาย แต่ความโลภในสายตาของเขาก็หายไปเมื่อเห็นใบหน้าของเซี่ยจิงหยู

 

“เจ้าให้นางทำไมกัน?”

 

เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเซี่ยจิงหยูถึงมอบสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของนางให้กับคนแปลกหน้า

 

ฉินเซี่ยนเอ๋อสับสนไม่แพ้กัน

 

“พี่ยี่หยู ข้าไม่อยากได้ตำรานี่! รีบกลับมาเร็ว!”

 

เซี่ยจิงหยูฝืนยิ้มและมองฉินเซี่ยนเอ๋อ

 

“เซี่ยนเอ๋อ มอบมันให้กับซือหยูแทนข้า บอกเขาว่าข้าไม่ได้ผิดสัญญา!”

 

ตำรานั้นคือโลกที่นางได้มองเห็น…นางใช้ดวงตาของตัวเองแทนซือหยูและมองสิ่งที่ตระการตาในทวีปเฉินหลง!

 

ฉินเซี่ยนเอ๋อสับสนไปหมด ยี่หยูรู้จักซือหยูรึ? นางเป็นใครกัน?

 

“สุดท้าย…”

 

“ขออวยพรให้เจ้าโชคดี เซี่ยนเอ๋อ”

 

น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเซี่ยจิงหยู หัวใจนางเจ็บแปลบ สุดท้ายนางก็ต้องอวยพรให้กับฉินเซี่ยนเอ๋อ! ฉินเซี่ยนเอ๋อคือสิ่งกั้นขวางระหว่างนางกับซือหยู ถ้าฉินเซี่ยนเอ๋อตาย เซี่ยจิงหยูก็จะมีโอกาสได้อยู่กับซือหยู! นางจะไปไกลเท่าใดก็ได้ในวันที่ฉินเซี่ยนเอ๋อหายไปจากโลก

 

แล้วทำไมกัน…ทำไมนางถึงต้องสละตัวเองเพื่อช่วยเซี่ยนเอ๋อเล่า?

 

นั่นก็เพราะว่าถ้าหากนางทิ้งฉินเซี่ยนเอ๋อเอาไว้ นางคิดในใจ แม้ข้าจะได้อยู่กับซือหยู เขาก็คงจะชิงชังข้าไปตลอดกาลถ้ารู้ว่าข้าทิ้งคนรักของเขาเอาไว้

 

นางมิอาจให้ซือหยูมองนางด้วยความขยะแขยง นางอยากจะอยู่ในหัวใจของเขา

 

“ไปเร็ว!”

 

เซี่ยจิงหยูสั่ง

 

นิ้วมือของนางขยับเมื่อนางสร้างภาพลวง นางสร้างฟองน้ำเพื่อดันฉิงจูกับฉินเซี่ยนเอ๋อไปยังบนสุดของก้นบึ้ง

 

วิญญาณของเซี่ยนเอ๋อสั่นคลอน น้ำตาไหลอาบแก้ม

 

“เจ้าเป็นใครกัน?”

 

“ทำไมถึงทำเช่นนี้?”

 

เซี่ยจิงหยูเงยหน้าหัวเราะ รอยยิ้มนั้นแสดงถึงความโล่งใจ…และความโศกเศร้า

 

“ข้า…”

 

“ข้าก็แค่คนที่เจ้ารู้จัก”

 

แม้จะถึงตรงนี้นางก็ปฏิเสธที่จะเอ่ยนามของตัวเองออกไป นางไม่อยากจะให้ซือหยูไม่มีความสุข นางไม่อยากจะให้เขามีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกผิด บางทีเขาอาจจะรู้ความจริงเมื่อได้เปิดอ่านตำรานภาจรัสสวรรค์ เท่าที่ก็เพียงพอแล้วสำหรับนาง แม้มันจะช้าไปบ้างก็ตาม

 

ฉิงจูหลับตาช้าๆและบินขึ้น ดวงตานั้นแผดเผาด้วยความโกรธแค้น

 

“ซือหยู! เจ้าไม่คู่ควรกับการเสียสละครั้งนี้! ซือหยู! หยินหยู! เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยเลือด!”

 

แต่แม้ว่าฉิงจูจะคำรามด้วยความโกรธ น้ำตาก็ไหลออกมา เขาพาฉินเซี่ยนเอ๋อบินขึ้นฟ้าด้วยแรงผลักของเซี่ยจิงหยู

 

เซี่ยจิงหยูมองทั้งสองที่ห่างออกไปเรื่อยๆและรู้สึกราวกับว่าได้เห็นซือหยูที่อยู่ไกลออกไป…ดั่งอดีตอันทอดยาวและอนาคต นางจะไม่มีวันได้พบกับใบหน้าที่นางตามหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอีกต่อไปแล้ว นางจะไม่มีวันได้พบกับซือหยูอีก

 

พรึ่บ–

 

อสุราขาวรุดหน้าเข้ามา ใบหน้าดำของมันดุร้าย

 

“ข้าไม่เข้าใจความรู้สึกพวกมนุษย์หรอก…”

 

อสุราขาวถอนหายใจอย่างเย็นชา

 

“ข้าไม่รู้เลยว่าท่านจางตี๋เก้อคิดสิ่งใดในตอนที่หยุดหันหลังมองนภา”

 

อสุราเหวี่ยงหอก ชั้นม่านวารีเก้าชั้นถูกทำลายทันที แต่แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับความตาย เซี่ยจิงหยูก็ยังไม่ยอมแพ้ ไอวารีแผ่ออกมาจากร่างและกลายเป็นแอ่งน้ำเมื่อม่านวารีทั้งเก้าถูกทำลาย

 

อสุราพุ่งเข้าไล่ตามสองคนที่หนีไปแต่ฉิงจูก็ใช้โอกาสนี้ออกจากก้นบึ้งไป

 

อสุรามองหยดน้ำและมองรอบๆ

 

“กายาวารี…”

 

“วิชาลึกลับของเผ่ามนุษย์…แต่ก็อ่อนแอเกินไป!”

 

มันชี้หอกอย่างมั่นใจ

 

ซ่า—

 

แอ่งน้ำกระจายออกไปก่อตัวเป็นเซี่ยจิงหยู ใบหน้าที่ปกคลุมด้วยไอน้ำนั้นซีดเผือด โลหิตไหลออกมาจากแผลที่ท้อง แต่มือนางยังคงสร้างผนึกและสร้างหมอกพรางตัว

 

อสุรามองดูนาง

 

“ปิดทางออกก้นบึ้งมังกร อย่าให้ใครหนีออกไปได้ก่อนการบูชายัญโลหิต!”

 

ฟึ่บ ฟึ่บ–

 

รากษสพันตนทำตามคำสั่งและปิดทางออกก้นบึ้งมังกร

 

******

 

ครึ่งวันผ่านไป

 

เซี่ยจิงๆหยูหน้าซีด ไอวารีปิดใบหน้าจางลง ยากที่นางจะรักษามันไว้ได้นานกว่านี้ ร่างของนางบาดเจ็บหลายแห่ง โลหิตไหลออกมาอย่างอิสระจากบาดแผล

 

นางอ่อนแออย่างมาก พลังวิญญาณของนางแห้งเหือด ส่วนพลังกายนั้นกำลังถึงขีดจำกัด

 

ปั้ง–

 

อสุราขาวบินลงมา ขาทั้งสองข้างของมันทำให้พื้นสั่นเมื่อสัมผัส

 

อสุราหน้าดำบาดเจ็บเช่นกัน แม้บาดแผลจะไม่ร้ายแรงแต่คนที่ทำให้กึ่งเทพบาดเจ็บได้นั้นก็นับว่าไม่ธรรมดา

 

อสุรานับถืออีกฝ่ายเล็กน้อย

 

“เจ้าใช้แปดสิบเอ็ดวิชากับวิชารองอีกร้อยเก้าวิชาในครึ่งวัน! รวมเป็นร้อยเก้าสิบวิชา! ไม่คิดเลยว่ามนุษย์คนเดียวจะรู้จักวิชามากมายเช่นนี้ เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆรึ?”

 

เซี่ยจิงหยูในตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะพูด นางใช้ทั้งร้อยเก้าสิบวิชาออกมา แต่ฐานพลังของนางต่ำเกินไป และนางก็มิอาจทำให้ศัตรูบาดเจ็บได้และยังมิอาจหนีไปได้

 

นางพยายามสุดความสามารถ แต่ก็ยังดีไม่พอ

 

“ลืมซะเถอะ…”

 

“ข้าจะพาเจ้าไปหาท่านจางตี๋เก้อ นางอาจจะสนใจเจ้า”

 

มันเอื้อมมือจับเซี่ยจิงหยู แต่ในตอนนั้นก็มีมนุษย์อีกคนปรากฏตัว เขาปรากฏตัวและหายลับหนีเอาชีวิตไปในทันที

 

“หา?”

 

“มนุษย์อีกคน!”

 

มันบินตามอีกฝ่ายโดยไม่คิด ในตอนนั้นก็มีร่างหนึ่งออกมาจากความมืด เขาคว้าตัวเซี่ยจิงหยูและหนีไปอีกทาง

 

เซี่ยจิงหยูประหลาดใจแต่ก็โล่งใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร วิธีในการแบกนางนั้นทำให้สีหน้านางขุ่นเคือง นางขึ้นเสียง

 

“ปล่อยข้า!”

 

ชีวิตพวกเรากำลังอยู่ในอันตราย แต่คนที่ถูกอุ้มก็ยังคงห่วงอยู่กับความบริสุทธิ์ของตัวเองอีกรึ? ซือหยูคิด

 

สตรีผู้นี้เห็นความบริสุทธิ์ของตัวเองสำคัญยิ่งกว่าชีวิต ซือหยูนับถือความปรารถนาของนาง เขาจัดท่าและจับไหล่ของนางไว้ ซือหยูรีบบินหนี

 

เขาหนีไปหลายลี้และขุดซากหลบ เขาพยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้เกิดเสียง ไม่แม้แต่จะหายใจเสียงดัง พวกเขาซ่อนตัวที่นั่น

 

ฟิ้ว–

 

ไม่นานก็มีสายลมรุนแรงพัดใส่พวกเขา อสุรามาถึงอยู่ข้างบน

 

“เจ้าพวกมนุษย์บัดซบ!”

 

“บังอาจมาล่อลวงข้า! เผ่ามนุษย์จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”

 

ซือหยูขมวดคิ้ว เขาทำอะไรผิดกัน? อสุราทำร้ายพวกเขาเพราะมันแข็งแกร่งกว่า เขามีทางเลือกอื่นรึ?

 

อสุราออกค้นหาต่อไปอย่างไม่พอใจ

 

******

 

สิบสัปดาห์เต็ม อสุราหน้าดำค้นหาทั่วทุกแห่งในรัศมีสามร้อยลี้ มันทำลายซากระหว่างค้นหา แต่ซากในพื้นที่นั้นกว้างใหญ่ มันมิอาจหาได้ทั่วแม้จะใช้เวลาสิบสัปดาห์

 

“ท่านเฮี่ยหยาง!”

 

สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งตะโกน มันมีเขากระทิงที่เอว

 

“การบูชายัญโลหิตจะเริ่มแล้ว ท่านจางตี๋เก้อเรียกท่าน โปรดกลับโดยเร็ว”

 

อสุราชักสีหน้า มันมองดูรอบๆอีกครั้งและรู้สึกว่ามันถูกโกงจนต้องร้องคำรามออกมา

 

“พวกเจ้าโชคดีนัก!”

 

“แต่ว่าอย่าแม้แต่จะคิดหนีจากก้นบึ้งมังกรไปได้!”

 

ฟึ่บ–

 

มันหายตัวไปในพริบตา

 

หลายชั่วยามผ่านมา ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

“เกือบไปแล้ว!”

 

เขามองเซี่ยจิงหยูข้างๆ ไอวารีบนใบหน้านางนั้นเบาบางพร้อมจะกระจายหายไป เซี่ยจิงหยูตกใจเมื่อสัมผัสได้ว่าใบหน้ากำลังจะถูกเปิดเผย นางใช้พลังวิญญาณเฮือกสุดท้ายในการคงสภาพม่ายวารีที่คลุมใบหน้าเอาไว้

 

ซือหยูมิอาจเข้าใจผู้หญิงคนนี้ นางดึงดันอย่างมากที่จะรักษาความบริสุทธิ์แม้จะอยู่ในสภาพนี้ แม้สภาพจะใกล้ตายนางก็ไม่อยากให้ใครได้เห็นใบหน้าของนาง

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงความคิดของซือหยู เซี่ยจิงหยูก็เงียบไป สุดท้ายนางก็พูดออกมา

 

“ขอบคุณ ข้าขออภัยกับเมื่อครู่ ข้าก็แค่…”

 

นางไม่อยากจะให้ชายอื่นนอกจากซือหยูเกิดความรู้สึกกับนาง และด้วยรูปลักษณ์ของนางที่งดงามเกินไป ถ้าได้เจอกับคนแปลกหน้าอย่างราชาปีศาจหิมะทมิฬ นางมิอาจแน่ใจได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่คิดร้ายต่อนางในยามที่อ่อนแอ

 

ซือหยูโบกมือเพื่อหยุดไม่ให้นางพูดต่อ

 

“เจ้าไม่ต้องอธิบายหรอก ข้าเข้าใจ แล้วทำไมเจ้าถึงอยู่คนเดียวล่ะ? คนอื่นไปไหนกันหมด?”

 

ความกังวลใจแผดเผาดวงตาของซือหยู

 

เซี่ยจิงหยูตอบ

 

“พวกนั้นออกไปแล้ว พวกเขาหนีออกจากก้นบึ้งมังกรไปได้”

 

ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรู้ว่าเซี่ยนเอ๋อปลอดภัย

 

“แล้วทำไมเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่เล่า?”

 

เซี่ยจิงหยูถามกลับ

 

“หลงเฟยหยูไปไหนกัน?”

 

ซือหยูตอบเลี่ยง

 

“พี่หลงไม่กลับมารึ?”

 

เซี่ยจิงหยูแตะคางอย่างแผ่วเบา

 

“เขาเข้าไปตามหาเจ้า เขาจะต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายแน่ๆ ข้าว่าการได้เจอกับรากษสทำให้อสุราขาวรับรู้ถึงตัวตนของเรา”

 

ซือหยูคลานออกจากซาก

 

“บังเอิญนักที่ข้าช่วยเจ้าไว้ได้ เจ้าไม่ต้องคิดอะไร… ทางออกของก้นบึ้งมังกรถูกผนึกไว้รึ?”

 

เซี่ยจิงหยูตัวแข็งทื่อ นางพยักหน้าและหัวเราะอย่างขมขื่น

 

เช่นนั้น พวกเขาก็ถูกขังอยู่ที่นี่ ซือหยูใจหายเล็กน้อย

 

“เจ้าเป็นคนของอาณาจักรทมิฬ…”

 

“บอกข้ามา เจ้าเคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่าบูชายัญโลหิตหรือไม่?”