หลิงฮันเพียงแค่ปิดร้านอาหารไม่อาจลืมเลือนและตำหนักราชันโอสถ ระหว่างนั้นหยินหงได้มาหาเขาครั้งหนึ่ง และหลิงฮันสัญญาว่าจะไปหาช่วงปลายปีเพื่อทำตามสัญญาก่อนหน้านี้ที่ว่าเขาจะเป็นตัวแทนของตำหนักสมบัติวิญญาณแห่งภูมิภาคเหนือ
หลังจากนั้น เขาก็มุ่งหน้าไปที่นิกายจันทราเหมันตร์
จูเสวี่ยนเอ๋อยังไม่ได้กลับไปที่นิกายจันทราครึ่งเสี้ยว อาการบาดเจ็บของนางยังไม่หายดีและด้วยชื่อเสียงของความงดงามของนาง ถ้าคนอื่นรู้ว่านางได้รับบาดเจ็บ มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะรับประกันได้ว่าคนอื่นจะไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อกักขังนางเป็นภรรยาของตัวเอง
ดังนั้น นางจึงพักฟื้นอยู่ในหอคอยทมิฬและติดตามหลิงฮันไปที่นิกายจันทราเหมัตร์
หลิงฮันยังคงจ้างรถม้าขณะที่มั่นฝึกฝนบ่มเพาะพลังอยู่ทุกวัน
การเดินทางไปที่นิกายจันทราเหมันตร์ใช้เวลาหนึ่งเดือน เมื่อเขาไปถึงแล้ว เขาคงจะบรรลุระดับแก่นแท้จิตวิญญาณขั้นเก้าแล้ว
ภายในหอคอยทมิฬ ทุกคนฝึกบ่มเพาะพลังอย่างขยันขันแข็ง โดยเฉพาะฮูหนิวที่เริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลังเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้หลิงฮันอยากจะกรีดร้องออกมาราวกับว่าเขาเห็นผี
หลังจากหนึ่งเดือน ในที่สุดรถม้าที่โยกเยกไปมาตลอดทางก็มาถึงนิกายจันทราเหมันตร์ หลิงฮันทะลวงผ่านระดับแก่นแท้จิตวิญญาณขั้นเก้าซึ่งเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว และทักษะกายาเก้ามังกรทรราชเองก็บรรลุระดับห้วงจิตวิญญาณแล้วเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม พละกำลังที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่เหมือนกับพลังก่อเกิด ซึ่งพลังของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อทะลวงผ่านขั้นถัดไป พละกำลังไม่มีอุปสรรคขวางกัน มันเป็นเพียงแค่การสะสมอย่างต่อเนื่องของการฝึกฝน
เมื่อมีกายหยาบของพระเจ้าจะมีอุปสรรคเกิดขึ้น ทักษะกายาเก้ามังกรทรราชคือการเปิดประตูเก้าบานภายในร่างกาย และเมื่อประตูแต่ละบานถูกเปิดออกก็จะครอบครองพลังของมังกรที่แท้จริง เมื่อประตูทั้งเก้าบานถูกเปิดออกจนหมด คนผู้นั้นก็จะมีกายหยาบพระเจ้า
มิฉะนั้น หากใครมีพลังของมังกรที่แท้จริง คนผู้นั้นก็จะยังคงถูกกังขังอยู่ในระดับมนุษย์ อย่างมากที่สุดคนผู้นั้นอาจเป็นได้แค่มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด
เช่นเดียวกับจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่อาจต่อสู้กับระดับบุปผาผลิบานได้
น่าเสียดายที่หลิงฮันมาถึงคอขวดในการเรียนรู้อักขระรูปแบบกระดูกแล้ว เขาไม่อาจทำความเข้าใจมันได้ทั้งหมด บางทีระดับพลังของเขาอาจจะยังไม่เพียงพอและเขาต้องก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบานเสียก่อนเพื่อทำความเข้าใจมัน
กลับกัน เขามีความก้าวหน้าในวิถีแห่งดาบอย่างน่าทึ่งเพราะคอขวดของปราณดาบเล่นที่สิบนั้นได้ถูกเปิดออกแล้ว มันเหมือนกับว่าเขากลับมาอยู่ตอนที่สร้างปราณดาบหนึ่งเล่มได้ ในช่วงเวลาหนึ่งเดือน เขาสามารถสร้างปราณดาบได้อีกสามเล่ม!
ปราณดาบสิบสามเล่ม นี่มันเหนือกว่าย่าวหุยเย่วเสียอีก!
…อย่างไรก็ตาม บางทีย่าวหุยเย่วอาจสร้างปราณดาบได้สิบเล่มแล้วในตอนนั้น ในไม่ช้าเขาคงสร้างปราณดาบเล่มที่สิบเอ็ดได้ และบางทีตอนนี้เขาอาจสร้างปราณดาบได้ไม่ต่ำกว่าสิบสามเล่ม
หลิงฮันเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของย่าวหุยเย่ว นอกจากนี้ เหวินอีเจี้ยนยังไม่เคยโจมตีออกมาสุดกำลัง ขีดจำกัดของเจ้านั่นบางทีอาจสร้างปราณดาบได้มากกว่าสิบเล่ม
หลิงฮันโบกมือส่งสัญญาณให้รถม้าล่าถอยขณะที่เขาเดินไปที่ประตูหลักของนิกายจันทราเหมันตร์เพียงลำพัง
ประตูและเส้นทางที่คุ้นเคยนี่…เขาเพิ่งจะมาถึงแต่ก็ถูกบดบังรัศมีไปเสียแล้ว แน่นอนว่านิกายใหญ่จะไม่ยอมให้ผู้คนเข้าไปข้างในได้ตามที่พวกเขาต้องการ
แท้จริงแล้วหลิงอันมีแผ่นป้าย “ฮันหลิง” อยู่แต่เขาไม่ได้นำมันออกมา เดิมที่เขาคิดว่าจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อสืบหาที่อยู่ของแม่อย่างลับๆ แต่ทว่าตั้งแต่ที่เขากลับไปอยู่ที่ตัวตนนักปรุงยาระดับสวรรค์อีกครั้ง เขาก็ไม่อยากสร้างปัญหาและมุ่งความสนใจไปที่แม่ของเขา
“ข้าคือหลิงฮัน จงไปเรียกประมุขนิกายของพวกเจ้าให้โผล่หัวออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!” หลิงฮันพูดอย่างไม่แยแส
เรียกประมุขนิกายให้โผล่หัวออกมา?
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ศิษย์จำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้ประตูหลักรู้สึกประหลาดใจทันที เจ้าเด็กหนุ่มนี่บ้าหรือเปล่าถึงวิ่งมาหาเรื่องนิกายจันทราเหมันตร์เพื่อพูดจาแบบนั้นออกมา? หรือว่าเขาจะเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว?
หลิงฮันไม่อยากพูดโต้เถียงที่นี่และปลดปล่อยแรงกดดันของจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณออกมา ทำให้หลายคนเงียบปากและใบหน้ากลายเป็นซีดขาว พวกเขารีบวิ่งโซเซไปมาเพื่อขอให้ผู้อาวุโสออกมาจัดการ
ในไม่ช้า จอมยุทธจำนวนหนึ่งได้ปรากฏตัวออกมา มีจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณหลายคน และระดับแก่นแท้จิตวิญญาณหนึ่งคน และแน่นอนว่าศิษย์ธรรมดาที่อยู่ระดับก่อเกิดธาตุนั้นมีมากที่สุด ทุกคนอยากรู้อยากเห็นมากว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะนิกายจันทราเหมันตร์เป็นหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเหนือ แต่กลับมีใครบางคนกล้าเข้ามาท้าทายพวกเขา?
“อะไรนะ หลิงฮันงั้นรึ?!” ใครบางคนรู้จักเขา พวกเขาคือสหายจากเก้าแคว้นในดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว
ไป๋หยู่เฉวียน ชงเหอกวง และคนอื่น พวกเขาทุกคนต่างเป็นอัจฉริยะจากเก้าแคว้นในดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว ความก้าวหน้าของพวกเขานั้นสามารถมองเห็นได้ชัดเจน พวกเขาทุกคนต่างทะลวงผ่านระดับห้วงจิตวิญญาณแล้ว หากกลับไปที่ดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว พวกเขาจะต้องกลายเป็นเสาหลักของตระกูล
พวกเขารู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินว่าหลิงฮันกลายเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์แล้ว นี่เป็นเหมือนกับความฝันสำหรับพวกเขา เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ มันจะต้องเป็นคนสองคนที่มีชื่อเหมือนกันอย่างแน่นอน
ทว่า ชายหนุ่มอายุสิบแปดปีที่ยังค่อนข้างที่เป็นบุคคลในตำนานแห่งเก้าแคว้นดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาแล้ว
“ท่านคือปรมาจารย์หลิงนี่เอง!” จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเดินออกมา เขาผสานมือเพื่อคำนับให้กับหลิงฮันและพูดว่า “พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ท่านมาที่นี่ ข้าขอถามท่านได้หรือไม่ว่าท่านมีธุระอันใดหรือ?”
หลิงฮันเหลือบมองเขาและพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเป็นใครกันถึงมีสิทธิ์พูดกับข้า? คนต่ำต้อยอย่างเจ้าควรไปยืนอยู่ด้านข้างและไปเรียกคนใหญ่คนโตมาที่นี่”
จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณคนนั้นแทบสำลัก และเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวออกมา
ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มอายุสิบแปดปีเท่านั้น…เขาอุตส่าพูดด้วยความสุภาพเพื่อแสดงความเคารพนักปรุงยาระดับสวรรค์ แต่เขากลับไม่คิดเลยว่าหลิงฮันจะตอบกลับด้วยคำพูดที่เยือกเย็นแบบนั้นกลับมา! ตามที่เขาเห็น นิกายจันทราเหมันตร์เป็นหนึ่งในนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดของภูมิภาคเหนือ แม้ว่านักปรุงยาจะได้รับการยอมรับไปทั่ว แต่ตอนนี้เขากลับบุกมาที่หน้าประตูนิกาย แล้วใครจะต้องทำตัวสุภาพกับเขา?
“นิกายจันทราเหมันตร์ไม่ต้อนรับท่าน โปรดจากไป!” จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณคนนั้นพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
“ข้าได้พูดไปแล้วว่าเจ้าไม่มีสิทธิ์พูดกับข้า ทำไมเจ้าถึงชอบพูดจาไร้สาระแบบนั้นออกมากัน?” หลิงฮันพูดออกมาด้วยความไม่พอใจเช่นเดียวกัน
“สามห้าว!” จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณคนนั้นรู้สึกโกรธและปล่อยการโจมตีใส่หลิงฮัน เขาวางแผนที่จะสอนบทเรียนให้กับเจ้าเด็กนี่และบอกให้เขารู้ว่าที่นี่คือนิกายจันทราเหมันตร์ไม่ใช่สมาคมนักปรุงยา
“เจ้าเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณแต่กลับกล้าโจมตีนักปรุงยาระดับสวรรค์งั้นรึ?” หลิงฮันพูดออกมาอย่างเยือกเย็นขณะที่ร่างของเขาแวบหายไปต่อหน้าจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณคนนั้น
ทำไมเขาถึงรวดเร็วเยี่ยงนี้?
อีกฝ่ายรู้สึกตกตะลึง แต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาตอบโต้มือของหลิงฮันก็ได้ปาดผ่านคอของเขาไปแล้วโดยที่ไม่รู้สึกตัว
เขาตายแล้ว!
อึก เสียงตกตะลึงดังขึ้นอยู่รอบข้าง นั่นเป็นจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ แต่เขากลับถูกฆ่าด้วยการโจมตีเดียว นี่มันน่าทึ่งเกินไป!
หรือว่าหลิงฮันจะทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานแล้ว?
ผู้คนจากเก้าแคว้นดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวนั้นตกใจยิ่งกว่า เหตุใดหลิงฮันถึงแข็งแกร่งขนาดนี้…ทุกคนเดินทางออกจากเก้าแคว้นดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวพร้อมกัน เพียงแค่ไม่เจอกันหนึ่งปี ช่องว่างระหว่างพวกเขาราวกับสวรรค์และโลก!
ตุบ ศพของจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณคนนั้นตกลงพื้นทำให้ฝุ่นตลบเล็กน้อย
หลิงฮันดึงกำปั้นของเขากลับมาและพูดอย่างไม่แยแสว่า “คนที่สามารถพูดและตัดสินใจได้ยังไม่ออกมาอีกงั้นรึ?”
“ปรมาจารย์หลิง ท่านเดินทางมาที่นิกายจันทราเหมันตร์เพื่อฆ่าคนนั้นคงไม่ใช่เรื่องฉลาดเท่าไหร่นักหรือไม่จริง?” ผู้คนหลายคนบินออกมาจากภูเขาและยืนอยู่บนอากาศอย่างสง่า
“ข้ามีเพียงเรื่องเดียวที่อยากจะพูด ส่งตัวเย่วฮงฉางมา!” หลิงฮันพูดออกมาอย่างไร้เหตุผล
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านลงมือฆ่าศิษย์คนหนึ่งของนิกายจันทราเหมันตร์ แต่ยังต้องการเรียกร้อง?” อ้าวเฟิงเองก็ปรากฏตัวออกมา “จงมอบมรดกของสิบสองพระราชวังมาซะเพื่อเป็นการชดใช้!”
“เจ้ารู้วิธีพูดตลกเหมือนกันนี่!” หลิงฮันสะบัดมือขวาและเรียกอสูรศิลาออกมา “กินภูเขานั่นให้หมดทั้งลูก!”
อสูรศิลาเช็ดเหงื่อ มันชอบกินหิน แต่หินพวกนั้นไม่ใช่หินธรรมดา พวกมันถูกเสริมความแข็งแกร่ง และมันไม่อาจกลืนกินหินได้ทุกชนิด
แต่เมื่อเจ้านายของมันพูดแบบนั้น แล้วมันจะไม่เชื่อฟังคำสั่งได้อย่างไร?
อสูรศิลาทำตามคำสั่งทันที สิ่งแรกที่ต้องเผชิญคือประตูหลัก มันบดขยี้ด้วยฝ่ามือ แล้วหยิบเสาที่แตกหักขึ้นมาและกัดกินมัน
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจและโกรธ เพราะประตูหลักนั้นเป็นเหมือนใบหน้าของนิกาย!