ตอนที่ 342

Black Tech Internet Cafe System

ณ สำนักหนานหัวแม้ว่าออร่าที่หนาแน่นยังคงเติบโตแต่ทุกอย่างก็ยังคงเนียนไปกับสภาพแวดล้อมตามปกติ

 

“ท่านอาจารย์จากตระกูลเฟง ท่านนำอะไรมายังกลุ่มของเรา?” ณ ห้องโถงพันแสงของสำนักหนานหัว พวกเขาตระกูลเฟงได้นำของกำนัลมาเยี่ยมเยือน แม้ว่าตระกูลเฟงจะแข่งแกร่งกว่าหนานหัวถึงอย่างนั้นพวกเขาก็นับถือกันและแสดงความเคารพต่อคนตระกูลเฟงเหมือนวันวาน

 

“ไม่มีอะไรมาก ข้าเพิ่งออกจากการฝึกฝนโดยสันโดษและเดินทางออกเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าของข้า ข้ารู้ว่าสำนักของเจ้าได้ฝึกฝนเทคนิคอมตะที่ดีที่สุด แสงสว่างจากฝ่ายของเจ้าเป็นสิ่งที่สามารถขับไล่ปีศาจและความเลวร้ายทั้งหมดไปได้ ซึ่งวันนี้ข้าเดินทางมาแสดงความยินดีด้วย มันสมควรอย่างยิ่งที่พวกเจ้าได้รับชื่อเสียงนี้!” ชายชราผู้สวมเสื้อคลุมสีฟ้าออนพร้อมขนเฟอสีขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านซ้าย

 

“นำของกำนัลมา!” ชายชราโบกมือออกคำสั่ง

 

 

“ดี! ข้าอยากเล่น GTA5 แต่ถึงยังงั้นเราก็ยังต้องกลับมาที่นี่อยู่ที่” กลุ่มสาวกบ่นพลางนึกถึงเวลาที่ต้องกลับไปยังจตุรัสของสำนักหนานหัว

 

พวกเขารู้สึกสนุกกับเกมจนรู้สึกลังเลที่จะกลับมา

 

“ข้าละสงสัยว่าเมื่อไรเราจะบินสิ่งประดิษญ์ที่เรียกว่าเฮลิคอปเตอร์ได้บ้าง”

 

“สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่ชื่อว่าคุรุมะก็ดี หลังจากที่ข้าทำงานและได้เงินจำนวนมากข้าจะนำเงินไปซื้อมัน!”

 

“เวลาแห่งความสนุกนั้นผ่านไปเร็วเสมอ ข้าละสงสัยจริงเลยว่าเจ้าของทำให้เวลาเดินเร็วขึ้นหรือเปล่า” ยือหยัน

 

“เราควรหาใครสักคนมาเฝ้าดูเพื่อป้องกันไม่ให้เขาปรับเปลี่ยนเวลาลับหลังเรา!”

 

“ใช่!” โมเซียนพยักหน้า “เจ้าเห็นด้วยเหมือนกันมั้ยศิษย์น้องหลิว!?”

 

“หืม? เกิดอะไรขึ้นหรอ?” หลิวหนิงหยุนพบว่าอาจารรย์ซีชิของเธอนั่งนิ่งและเงียบไป

 

“ไม่มีอะไร” อาจารย์ซีชิส่ายหัว เธอรู้สึกถึงร่องรอยของการปรากฎตัวที่แปลกประหลาด บางทีมันอาจเป็นภาพลวงตาที่ปรากฎขึ้นในจิต

 

“ข้าจะกลับไปบ้าน พวกเจ้าสามารถพูดคุยและฝึกฝนต่อได้” เธอยังคงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติแต่เธอก็พยายามที่จะทำให้มันปกติที่สุด

 

“รับทราบท่านอาจารย์!”

 

“วันนี้พวกเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรเกี๋ยวกับการแสดงของข้า” โมเซียนรู้สึกภาคภูมิใจที่เธอได้เข้าร่วมภารกิจกับฟางฉี เธอดูสบายใจ “เป้าหมายของข้าคือทำให้กลุ่มของเราภูมิใจในพวกเรา!”

 

“ศิษย์พี่ยอดเยี่ยมมาก!”

 

“ศิษย์พี่คือนักขับผู้เก่งกาจ!” เหล่าสาวกอวยเธอ

 

โมเซียนพูดขึ้นว่า “น้องหลิวเจ้าต้องการใช้คนขับคนนี้พาเจ้าไปบินวันพรุ่งนี้มั้ย วันนี้ข้าไปบินกับเจ้าของร้านและได้ทดลองควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณมาแล้ว!”

 

“ขอบคุณศิษย์พี่” หลิวหนิงหยุนพูดว่า “แต่พรุ่งนี้ข้าต้องพาศิษย์น้องที่เพิ่งหัดเล่นไปทำภารกิจที่ธนาคารฟลีก้า”

 

“ภารกิจธนาคารฟลีก้านั้นง่ายมากให้ศิษย์น้องยือหยันไปแทนก็ได้” โมเซียนกล่าว “พรุ่งนี้เราต้องทำงานของเรากับอาจารย์ให้เสร็จ”

 

“เอ่อ .. แต่ศิษย์พี่ข้าไม่รู้จะบินได้อย่างไร ..” เห็นได้ชัดว่าหลิวหนิงหยุนไม่ได้เรียนรู้วิธีการควบคุมเครื่องบิน

 

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะสอนเจ้าเอง!” โมเซียนเอ่ย “เราต้องทำมันออกมาให้ดีที่สุด เราทุกคนเป็นกำลังใจให้เจ้านะศิษย์น้องหลิว!”

 

หลิวหนิงหยุนรู้สึกสูญเสียคำพูด

 

ขณะที่พวกเธอกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาทางพวกเธอด้วยแววตามืดมน

 

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องสาวกที่หายไปและกลับมามั้ย?” สาวกสองคนในกลุ่มพูดถึงเหตุการณ์นี้

 

“พวกเขากลับมา!?” สาวกคนอื่นพูดพร้อมกับหัวเราะ “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าพวกเขาสบายดี!”

 

“ใช่ ได้มีการกล่าวเล่ากันว่าพวกเขาแอบเข้าไปในที่ลับของสำนักและพบเข้ากับอันตราย แต่โชคดีที่กลับมาได้ถึงอย่างนั้นก็แทบเอาตัวไม่รอด”

 

 

เหตุการณ์ที่พวกเธอโมเซียนและคนอื่นๆ กำลังพูดคุยกันนั้นเคยเกิด ณ จตุรัสในสำนักหนานหัวเมื่อไม่นานมานี้

 

เวลาเดียวกันแววตาที่ดูมืดมัวกำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่าง ในไม่ช้าดูเหมือนว่าเขาจะพบเข้ากับเป้าหมาย

 

“ด้วยความแข็งแกร่งที่ต่ำ เจ้ากล้าที่จะขอเข้าร่วมทำภารกิจกับเรางั้นหรอ?”

 

“ดูสิ พรสวรรค์ที่น่าสงสารของเจ้า! เจ้าคือความผิดพลาดที่แท้จริง!”

 

“ใช่! ในทุกการทดสอบและการแข่งขันเธอจะดึงการแสดงของกลุ่มเราลงต่ำเสมอ!”

 

“ออกไปจากที่นี่!”

 

“ร้องไห้? อย่างเจ้าจะทำอะไรได้มากกว่าร้องไห้!?”

 

ความขัดแย้งนั้นบางทีก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในทุกที่กับผู้คนและมันก็เป็นความจริงที่ว่าในกลุ่มใหญ่ๆ นั้นไม่ได้สงบและรักกันเสมอไป สาวกชายบางคนตะโกนใส่เด็กหญิงที่ดูเปราะบางสวมเสื้อคลุม “ออกไป อย่ามาให้พวกเราเจออีก!”

 

พรสวรรค์ของซูจิ้งนั้นไม่ได้ดีมาก แต่เธอก็ได้รับโอกาสในการเข้ากลุ่มหนานหัวตั้งแต่เด็กเธอถูกกลั่นแกล้งและดูถูกโดยพี่ชายและพี่สาวของเธอเสมอ

 

ดูเหมือนนี่จะเป็นเสียงที่ดังออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

เสียงนั้นลึกและแหบแห้งราวกับเสียงพึมพำในใจเธอ ดูเหมือนว่าปีศาจกำลังล่อลวงเธอ “เจ้าไม่พอใจหรือ? เจ้าหลงทางใช่มั้ย? เจ้าต้องการพลังที่ยิ่งใหญ่สินะ”

 

“เจ้าเกลียดพวกเขาหรือ? เสียงหัวใจของเจ้าช่างทรมานเหลือเกิน ..”

 

“ใครน่ะ!?” มันฟังดูคล้ายกับเสียงเรียกร้องในหัวใจ เธอรู้สึกไม่สบายใจพลางปรายตามองรอบๆ

 

“ทำตามความปรารถนาในใจของเจ้า แล้วเจ้าจะได้เห็นในสิ่งที่เจ้าต้องการ ..”

 

เธอต้องมองเงาที่ดูคมชัดแต่โปร่งบาง “ใช่! .. ข้าเกลียดพรสววรค์ที่แย่ของข้า ข้าต้องการความแข็งแกร่ง!”

 

ดูเหมือนว่าเธอมีทิศทางที่ชัดและแน่นอน เธอตัดสินใจที่จะเดินไป .. ขณะเดียวกันสายตาที่มืดมัวก็หายไปด้วยความพอใจ

 

 

“ศิษย์พี่โมเซียนท่านทำอะไรหรอ?” หลิวหนิงหยุนรู้สึกโล่งใจเมื่อได้คุยกับโมเซียนพลางเดินกลับสำนัก

 

“หืม? น้องซู?” แววตาของศิษย์น้องนั้นแดงดูเหมือนว่าเธอเพิ่งร้องไห้

 

“ศิษย์พี่เฉิน?” หญิงสาวตื่นเต้นราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติ

 

“เธอเป็นคนบ้านเดียวกับข้า” ศิษย์หญิงเสื้อคลุมสีฟ้าเดินมาจากด้านหลังหลิวหนิงหยุนเอ่ย “เกิดอะไรขึ้น? พี่สาวและพี่ชายของเจ้ากลั่นแกล้งเจ้าอีกแล้วหรือ?”

 

“ไม่ ..​ ไม่ ..” ซูเจิ้งส่ายหัวไปมา ราวกับกลัวว่าพวกเธอจะเห็นความจริง

 

หญิงสาวที่มีนามสกุนว่าหยิบจับมือของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “น้องซู เจ้าฟังข้า!”

 

“เจ้าคิดว่าพรสวรรค์ของเจ้าด้อยกว่าคนอื่นหรือ?”

 

“พี่ชายของเจ้าดูถูกจนเจ้าสับสนใช่มั้ย?”

 

ซูจิ้งเบิกตาโต “หึ?”

 

เฉินหลินถามต่อ “เจ้าต้องการพละกำลังที่มากขึ้นมั้ย?”

 

ซูจิ้งรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ดูคุ้นหู “เอ้ะ?”

 

เฉินหลินถามย้ำว่า “บอกข้าสิว่าเจ้าต้องการมันไหม?”

 

ซูจิ้งตอบเสียงแผ่วเบาว่า “ข้า .. ต้องการ”

 

“ดี! งั้นไปกับเรา ข้าจะพาเจ้าไปบิน!”

 

“ไปกันเถอะ! วันนี้ข้าจะสอนวิธีเบล่นให้แก่เจ้าเองและพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปปล้นธนาคารฟลีก้า!”

 

ซูจิ้งทำหน้าตกใจ

 

เฉินหลินทำท่าดีใจว่าตัวเองเชี่ยวชาญต่อหน้ามือใหม่

 

 

เวลาเดียวกันในถ้ำที่อยู่ด้านหลังภูเขาของสำนักหนานหัว ชายชราที่มีผมหงอกและเคราสีเทากำลังฝึกฝนอย่างเงียบๆ

 

อย่างไรก็ตามจากการหมุนเวียนของสภาพร่างกายดูปกติ แต่จู่ๆ เขาก็พ่นเลือดออกมา!

 

“ทำไมกัน? ทำไมหลังจากที่ข้าใช้เวลาไปหลายสิบปีข้ายังทำไม่ได้สักที ข้าฝึกฝนผิดพลาดตรงไหน? แม้แต่น้องสี่ก็ยังแซงข้าไปแล้ว”

อาจารย์อาวุโสระดับสามของสำนักหนานหัวผู้เหมือนคนไร้ตัวตนพี่ชายของอาจารย์ซีชิ เธอฝึกฝนอย่างตั้งใจแต่ก็ไม่สามารถไปได้สุดทางเสียที

 

“เจ้าไม่พอใจหรอ?” ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงคำถามจากก้นบึ้งของหัวใจ