ตอนที่ 104 เยี่ยมคนป่วย

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เฮ่อหว่านอีรู้สึกประหลาดใจ เธอจึงไปโรงพยาบาลพร้อมกับเฮ่อหว่านหนิง เฮ่อหว่านอีเป็นคนที่บอกทุกอย่างที่เธอรู้กับหนิงเหยี่ยนเสมอ ในขณะที่เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้หนิงเหยี่ยนฟัง เขากำลังปรึกษาธุระอยู่กับเฮ่อหว่านโจว ฝ่ายหลังจึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซียวโหรว และเมื่อเฮ่อหว่านโจวรู้ หยางมู่คุนจึงได้รับรู้ด้วยโดยปริยายเช่นกัน ดังนั้นในเวลาที่เฮ่อหว่านอีกับเฮ่อหว่านหนิงมาถึง พวกเขาทุกคนก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

 

 

เมื่อเฮ่อหว่านอีเห็นพวกเขาก็ถามว่า “ทำไมทุกคนถึงมาอยู่ที่นี่กันหมด”

 

 

“ทำไมเธอถึงไม่บอกเราเรื่องนี้ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ” หยางมู่คุนถาม

 

 

เฮ่อหว่านหนิงไม่ได้สนใจจะสนทนากับพวกเขา และเดินตรงเข้าไปในโรงพยาบาล ทุกคนจึงรีบเดินตามเขาไป เมื่อทั้งหมดมาปรากฏตัวที่ห้องพักคนไข้ เซียวส่าซึ่งยืนอยู่ตรงทางเดินก็ตะลึงงัน ทำไมทุกคนถึงมาที่นี่พร้อมกัน…

 

 

“น้องรอง ทำไมช่วงนี้นายไม่ติดต่อฉันเลย…” ทันใดนั้นหยางจิ้งเสียนก็เดินออกมาจากห้องของเซียวโหรว หยางมู่คุนจึงหยุดชะงักทันที และหันไปทักทายเธอ เขาร้องออกมาว่า “คุณน้า…”

 

 

หยางจิ้งเสียนมองดูผู้คนมากมายด้วยความประหลาดใจ แต่ในไม่ช้าเธอก็หายตกใจ “พวกเธอมากันหมดเลยหรือ โอ คุน หลานก็มาด้วย”

 

 

ทุกคนทักทายเธอ “สวัสดีครับ คุณน้าหยาง”

 

 

หยางจิ้งเสียนยิ้มแล้วตอบว่า “สวัสดีจ้ะ”

 

 

ทั้งหมดพูดคุยทักทายหยางจิ้งเสียน ยกเว้นเฮ่อหว่านหนิงซึ่งยืนอยู่ข้างๆ และถามว่า “คุณน้าหยางครับ ผมขอเยี่ยมโหรวโหรวได้ไหมครับ”

 

 

หยางจิ้งเสียนนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ได้จ้ะ แต่ต้องเงียบๆ นะ”

 

 

ทุกคนจึงเข้าไปในห้องพักคนไข้ และมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง เธอซีดเซียวมาก แต่ยังคงสวยงามราวกับนางฟ้า พวกเขารู้สึกเสียใจกับเธอจริงๆ เฮ่อหว่านอีเม้มริมฝีปาก แม้เธอจะได้พบกับเซียวโหรวเพียงครั้งเดียว แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กสาวร่าเริงสนุกสนานและมีชีวิตชีวาในช่วงที่พวกเธอพบกันครั้งสุดท้าย แต่ตอนนี้เด็กสาวนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย

 

 

เซียวจิ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “โหรวโหรวอ่อนแอมากในตอนนี้ กรุณาออกไปเถอะ”

 

 

เมื่อได้ยินอย่างนี้ทุกคนก็เดินออกไปที่ทางเดิน เซียวจิ่งพูดกับเฮ่อหว่านหนิงว่า “ตอนนี้โหรวโหรวอยู่ในอาการโคม่า ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะฟื้น ผมคิดว่าถ้าคุณต้องรีบถ่ายโฆษณาทีวี คุณสามารถหานางแบบใหม่ได้ และแน่นอน เราจะจ่ายค่าเสียหายตามสัญญา”

 

 

เฮ่อหว่านหนิงหันไปมองห้องพักของเซียวโหรว และขมวดคิ้วถาม “เธออยู่ในอาการโคม่ามานานแค่ไหนแล้ว”

 

 

เซียวจิ่งตอบตรงๆ “เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่วันจันทร์ เราคิดว่าเธอจะตื่นขึ้นมาในสองหรือสามวัน แต่หมอบอกว่าอาจต้องใช้ปาฏิหาริย์ในการที่เธอจะตื่นขึ้นมา” เซียวจิ่งขมวดคิ้วกล่าวต่อไปว่า “เรากำลังรอปาฏิหาริย์อยู่ แต่มันยังไม่เกิดขึ้น”

 

 

หนิงเหยี่ยนถามด้วยหัวคิ้วที่ขมวดแน่น “เธอเป็นแบบนี้ได้อย่างไร”

 

 

เขามีอคติกับเซียวโหรวในตอนแรก อย่างไรก็ตามหลังจากได้สนทนากับเซียวโหรวในคืนนั้น เขาก็เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเธอ เขาตกลงกำกับภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ให้เฮ่อหว่านหนิง ก็เพราะต้องการเห็นว่าเธอมีความสามารถมากแค่ไหน เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเธอจะประสบอุบัติเหตุ

 

 

เฮ่อหว่านหนิงตอบว่า “แล้วค่อยมาดูเรื่องนั้นกันทีหลัง ผมต้องการเซียวโหรวคนเดียวเท่านั้น ผมไม่คิดว่านางแบบคนอื่นจะมีความสามารถพอสำหรับงานนี้”

 

 

“แต่โฆษณาทีวีของคุณจะเริ่มถ่ายทำวันพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ” เซียวจิ่งขมวดคิ้ว “กรรมการบริหารคนอื่นๆ ของ OLS จะยอมหรือ”

 

 

แล้วนอกจากนี้เฮ่อหว่านหนิงยังบอกไว้ด้วยว่า จะมีการเปิดตัวน้ำหอมรุ่นเมจิกบัตเตอร์ฟลายล่วงหน้า จึงต้องถ่ายทำและเปิดตัวโฆษณาทางโทรทัศน์ล่วงหน้า

 

 

เฮ่อหว่านหนิงเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “เราจะรอสักพัก ผมจะพยายามหาทางออก เซียวโหรวเป็นคนรักษาสัญญาเสมอ ถ้าเธอฟื้นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ล่ะ”

 

 

ไม่มีใครพูดอะไรโต้แย้ง แต่ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเฮ่อหว่านหนิง เพราะถ้าเซียวโหรวจะฟื้นเธอก็ฟื้นขึ้นมานานแล้ว แต่นี่เธอยังไม่ฟื้น…

 

 

“นายบอกว่าเซียวโหรวตกบันไดที่โรงพยาบาลนี่ใช่ไหม” จู่ๆ เฮ่อหว่านโจวก็ถามขึ้น “เธอมาโรงพยาบาลทำไมหรือ”

 

 

“เซียวเหยาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล เธอจะรีบมาโรงพยาบาลเมื่อได้ยินข่าว และเธอรีบร้อนจนสะดุด” หยางจิ้งเสียนตอบ “แต่เธอตกบันไดที่บ้าน ไม่ใช่ที่โรงพยาบาล”

 

 

เฮ่อหว่านอีตกใจมาก ขณะที่หนิงเหยี่ยนถามว่า “เซียวเหยาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือครับ อุบัติเหตุร้ายแรงหรือเปล่า”

 

 

“ร้ายแรงมาก เขายังอยู่ในห้องถัดไป” เซียวจิ่งตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เขายังลุกขึ้นไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพี่เหยาร่างกายอ่อนแอมากขนาดนี้”

 

 

เฮ่อหว่านอีไม่พูดอะไร แต่เธออดไม่ได้ที่จะเดินไปที่ห้องพักคนไข้ เซียวเหยาหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเพราะความเจ็บปวดในร่างกาย ได้ยินทุกคนพูดคุยกันอยู่ข้างนอกห้อง แต่เขาไม่มีแรง เมื่อได้ยินใครบางคนดันประตูเปิดเข้ามาเขาก็ลืมตาขึ้นมองทุกคนด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น และกล่าวว่า “มากันด้วยหรือ”

 

 

เมื่อเห็นสภาพลูกพี่ลูกน้องที่เจ็บหนัก หยางมู่คุนก็กล่าวออกมาพร้อมกับสบถ “เฮ้ย นี่นาย ชิบ…” เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังจะพูดอะไรออกมา หยางมู่คุนก็กลืนคำพูดลงไปและกล่าวว่า “เหยา นายนี่โชคร้ายจริงๆ! นายเป็นคนขับรถดีมาก ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ยังไงเนี่ย”

 

 

“ฉันรีบ จะไปขึ้นเครื่องบิน” เซียวเหยาตอบอย่างไร้อารมณ์ แล้วถามว่า” ทำไมพวกนายทุกคนถึงมาได้ล่ะ”

 

 

เฮ่อหว่านโจวกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “นายพูดอะไร พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน เราก็ต้องมาเยี่ยมนายสิ เพราะนายประสบอุบัติเหตุไงล่ะ นี่นายเป็นไงบ้าง ดีขึ้นบ้างไหม”

 

 

เซียวเหยากำลังรู้สึกเจ็บปวดและไม่อยากพูดคุยกับพวกเขา จึงได้แต่พยักหน้า แล้วพลิกตัวหันหลังนอนหลับตา เฮ่อหว่านอีซึ่งไม่ได้พูดอะไรเลย เมื่อเห็นเซียวเหยาดูเหนื่อยอ่อนมากเธอก็รีบบอกว่า “ออกไปข้างนอกกันเถอะ ให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่”

 

 

เมื่อเห็นสภาพเซียวเหยาแบบนี้ ทุกคนก็รู้ว่าเขาบาดเจ็บสาหัส จึงไม่พูดอะไรอีก บอกเพียงแค่ให้เขาพักผ่อน และออกจากห้องพักของเขา

 

 

สำหรับงานโฆษณาทีวี เฮ่อหว่านหนิงยืนยันว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม หากเซียวโหรวยังไม่ฟื้นจริงๆ เขาจึงจะเลือกนางแบบคนใหม่

 

 

เซียวส่ากับเซียวจิ่งเดินไปส่งพวกเขาลงไปชั้นล่าง หนิงเหยี่ยนถามว่า “คุณลุงคุณป้านายรู้เรื่องนี้ไหม”

 

 

เมื่อได้ยินเขาพูดถึงเซียวหงอี้กับครอบครัว เซียวจิ่งและเซียวส่าก็ทำหน้าบึ้งและตอบว่า “ฉันไม่ได้บอกพวกเขา เพราะไม่อยากให้พวกเขาเป็นห่วงโหรวโหรว”

 

 

หนิงเหยี่ยนมองหน้าทั้งคู่อย่างจริงจังและกล่าวว่า “แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร นายควรบอกพวกเขา ถ้าพวกเขารู้เรื่องเองจากทางอื่น นายคิดว่าพวกเขาจะยังยอมให้เซียวโหรวอยู่บ้านนายต่อไปหรือ”

 

 

คนอื่นๆ เงียบกริบในประเด็นนี้ เซียวจิ่งขมวดคิ้วกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ฉันเข้าใจ เราจะคิดดูก่อน ขอบใจนะที่เตือน เราจะแจ้งข่าวพวกนายถ้ามีอะไรคืบหน้า”

 

 

ในขณะนั้นนั่นเอง ก็มีรถตรวจการของทหารมาจอดลงตรงหน้าพวกเขาอย่างฉับพลัน ชายฉกรรจ์ในชุดหน่วยรบพิเศษลงจากรถแล้วรีบเปิดประตูให้ผู้ที่นั่งมาในรถ หลังจากนั้นชายคนหนึ่งก็ลงจากรถ ทุกคนต่างเฝ้ามอง หยางมู่คุนอ้าปากค้าง เมื่อเห็นชายคนนั้น ซึ่งกำลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ตามมาด้วยทหารองครักษ์ “นั่นไม่ใช่…”