หลังจากมังกรมารตาย กู่ฉิงซานอยู่ในโลกมารอีกสักพัก

เขาทำการฝึกฝนด้วยเวลาที่สั้นที่สุด ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบร่างกายไปในตัว

หลังจากระบำสังเวยชีพคราวที่แล้ว พลังของมังกรมารไม่กัดกร่อนร่างกาย แต่แปรเปลี่ยนเป็นพละกำลัง ช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

กู่ฉิงซานยังคงนึกถึงคำสั่งของมนุษย์ผู้แข็งแกร่งที่สุดด้วยการให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงในพลังของมังกรมารอยู่เสมอ

ในกรณีที่มีอะไรผิดปกติ เขาต้องตอบสนองด้วยระบำสังเวยชีพ

ชุดคลุมแห่งความเงียบมีประโยชน์เช่นกัน ทำให้เขาเดินอยู่ในโลกมารได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ทำให้ผู้อื่นติดเชื้อจากเลือดมังกรมารเข้าไป

กู่ฉิงซานพบว่าชุดคลุมนี้มีความสามารถที่แสนวิเศษ

ชุดคลุมแห่งความเงียบมีพลังป้องกันที่ทรงพลัง สามารถแยกพลังของมังกรมารภายในชุดคลุมได้

ดังนั้น ชุดคลุมนี้จึงปกปิดลมหายใจของกู่ฉิงซานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้การเคลื่อนไหวเงียบงัน ปกปิดซ่อนเร้นได้ดียิ่ง

นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจระคนยินดี

เมื่อบัญญัติราชามารตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ลั่วปิงหลีก็ได้มาโลกมารอีกครา

พวกเขายืนอยู่ในดินแดนรกร้างของโลกวิญญาณมาร

ลั่วปิงหลีคล้ายกับไม่สบายใจเล็กน้อยก่อนมาหากู่ฉิงซานเพื่อสนทนาโดยเฉพาะ

“เจ้าหมายความว่าทันทีที่บัญญัติวิวัฒนาการ พลังของบัญญัติราชามารจะสามารถใช้งานได้งั้นหรือ” ลั่วปิงหลีถาม

“ใช่ บัญญัติวิวัฒนาการในคลื่นมาร ก้าวต่อไปคือการมาถึงของมาร” กู่ฉิงซานตอบ

“หรือก็คือ…”

“ถูกต้อง”

ทั้งสองเงียบพร้อมกัน

วันที่บัญญัติราชามารจะกลายเป็น หมื่นสวรรค์สิ้นโลกออนไลน์: คลื่นมาร ใกล้เข้ามา เหลืออีกเพียงก้าวเดียวก่อนราชามารตนสุดท้ายจะมาถึง

เวลาสำหรับการต่อสู้อันดุเดือดค่อยๆ ใกล้เข้ามา

“เจ้ามั่นใจหรือเปล่า” ลั่วปิงหลีถาม

“ไม่ แต่ดาบรออีกต่อไปไม่ได้แล้ว ข้าต้องลอง” กู่ฉิงซานตอบ

“จากข้อมูลที่เจ้าได้รับมา ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพคือส่วนประกอบของอาวุธหุบเหวนิรันดร์… หากดาบสองเล่มนี้สามารถสร้างอาวุธที่ทรงพลังได้ เจ้าจะทำยังไง” ลั่วปิงหลีถาม

“ข้าดูวัตถุดิบโบราณก่อนพบว่าอาวุธสามารถมีวิญญาณได้เพียงหนึ่งดวงเท่านั้น ดังนั้นถ้าดาบพิภพถูกใช้เพื่อสร้างอาวุธชิ้นอื่น วิญญาณก็ต้องไม่คงอยู่… ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นแน่” กู่ฉิงซานตอบ

นี่คือสิ่งที่เขากล่าวในใจและเหมาะจะพูดให้ผู้อื่นฟังด้วย

ไม่ว่าลั่วปิงหลีจะเป็นใคร แต่อย่างน้อยคนที่ถามเรื่องดาบพิภพอย่างนางก็ต้องโดนข่มขู่ไว้บ้าง

แต่ว่า ลั่วปิงหลีเป็นใครกันแน่

พฤติกรรมของนางออกจะเป็นแปลกเล็กน้อยอยู่เสมอ

กู่ฉิงซานลอบครุ่นคิด ในเวลาเดียวกันก็ปล่อยจิตเทพออกมา

ระดับสามพันโลก จิตเทพมากพอที่จะครอบคลุมเศษเสี้ยวโลกมารได้

จิตเทพของกู่ฉิงซานเคลื่อนผ่านถิ่นทุรกันดาร ตลาด ละแวกใกล้เคียง ลานประลองและปราสาทอย่างรวดเร็ว…

ราชามารกระดูกชั่วร้ายอยู่ในปราสาท

ยังมีราชามารกระดูกชั่วร้ายสองตนที่ต่างสบถกันไปมาจนทำท่าอยากจะสู้กันอีกรอบ

กู่ฉิงซานรู้สึกเสียใจอยู่เงียบๆ ให้กับราชามารกระดูกชั่วร้ายตัวจริง

ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวอยู่ที่นี่

ถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกับลั่วปิงหลีล่ะ

กู่ฉิงซานไม่เปลี่ยนสีหน้า ยังคงใช้จิตเทพเพื่อสังเกตปัญหาทั้งหมดอย่างเงียบงัน

ตอนนี้ เขาไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยแต่อย่างใด

เพราะมีเพียงเขาที่สามารถไปสู่ช่วงเวลาสุดท้ายที่แท้จริงของยุคโบราณได้

ตอนนี้ไม่มีสัตว์ประหลาดหุบเหวตัวไหนลงมือ

พวกมันกำลังรอให้กู่ฉิงซานเริ่มช่วงเวลานั้นอยู่เงียบๆ

ลั่วปิงหลีกล่าวว่า “สัตว์ประหลาดหุบเหวไม่คิดเหมือนเจ้า พวกมันจะต้องแยกดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพจากอาวุธหุบเหวนิรันดร์อย่างแน่นอน”

กู่ฉิงซานถอนหายใจออกมา “ข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าอาวุธหุบเหวนิรันดร์เป็นยังไง มันมีค่าจนถึงขนาดสัตว์ประหลาดหุบเหวต้องวางแผนอย่างระมัดระวังด้วยการใช้มนุษย์ในการหลอมดาบสองเล่มเลยหรือ”

ลั่วปิงหลีเงียบก่อนหยิบบางสิ่งออกมา

แผ่นหยก

นางกล่าวว่า “นี่คือทางที่สองของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มันถูกติดตั้งไว้เพื่อป้องกันปัญหาจากวิธีแรก เจ้าเก็บมันไว้เถอะ”

กู่ฉิงซานมองแผ่นหยกก่อนนิ่งไปสักพัก

ในปราสาทไกลออกไปหลายพันไมล์ ราชามารกระดูกชั่วร้ายตนหนึ่งพลันสะบัดแขนอย่างแผ่วเบาก่อนกระแทกใส่ราชามารกระดูกชั่วร้ายอีกตนเข้าที่หลังคอจนล้มไปกองกับพื้น ทำให้ขยับไม่ได้

หลังจากราชามารกระดูกชั่วร้ายตนหนึ่งจัดการทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น เขาหลับตาลงและเริ่มสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง

“…ไม่ใช่จิตเทพ ต้องเป็นการส่งกระแสจิตแน่ๆ ” กู่ฉิงซานลอบกล่าวเช่นนั้น

จิตเทพคือพลังเทพและวิญญาณที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ครอบครอง พวกเขาสามารถรับรู้ถึงกันและกันได้เวลามีเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ใกล้ๆ

เผ่าพันธุ์อื่นไม่มีทางรับรู้ถึงการตรวจจับที่มองไม่เห็นนี้ได้

กลุ่มอื่นอย่างเผ่าพันธุ์เทพ สัตว์ประหลาดบรรพกาลและสัตว์ประหลาดหุบเหวมีการส่งกระแสจิต

ความสามารถของการส่งกระแสจิตคล้ายกับจิตเทพ แต่จิตเทพมีแต่ในมนุษย์เท่านั้น แถมมนุษย์ยังสามารถเรียนรู้การส่งกระแสจิตได้อีกด้วย

กู่ฉิงซานปล่อยจิตเทพเพื่อสังเกตราชามารกระดูกชั่วร้ายต่อ อีกด้านก็มองลั่วปิงหลี

ลั่วปิงหลีกัดริมฝีปาก ใบหน้าดูย่ำแย่เล็กน้อย

นี่ยิ่งดูแปลกเข้าไปใหญ่

กู่ฉิงซานยังไม่รับแผ่นหยก

“เจ้าเก็บไว้ก่อน ค่อยให้ข้าตอนจะไป” เขากล่าว

“ไม่ แผ่นหยกนี่สร้างอุปสรรคต่างๆ มากมาย เจ้าต้องเริ่มเตรียมพร้อมล่วงหน้ากรณีเกิดรอยร้าว ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไม่สามารถไปโลกถัดมาได้” ลั่วปิงหลีกล่าว

“รอยร้าวหรือ” กู่ฉิงซานถามด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด

“ใช่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ เส้นทางที่สองของเผ่าพันธุ์มนุษย์จึงต้องเข้มงวดมากกว่า ต้องมีผู้ฝึกยุทธ์จากอนาคตที่เข้าใจวิธีการใช้งานแผ่นหยกนี่” ลั่วปิงหลีตอบ

กู่ฉิงซานทำสมาธิ ยังไม่รับแผ่นหยก

ขณะอยู่ภายใต้การโอบล้อมของจิตเทพ ราชามารกระดูกชั่วร้ายที่อยู่ไปไกลหลายพันไมล์ได้ทำการส่งกระแสจิตด้วยความสนใจยิ่ง

ทำไมถึงทำแบบนั้น

มันไม่รู้วิธีเข้าสู่ทางที่สองของเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือ

ถ้างั้นเกิดอะไรขึ้นกับลั่วปิงหลีล่ะ

ความคิดหนึ่งวูบไหวในใจ กู่ฉิงซานอดที่จะสลัดทิ้งไม่ได้ก่อนรียเผยรอยยิ้มบนใบหน้าออกมา “แผ่นหยกนี่สำคัญมาก เพื่อป้องกันความสงสัยของมนุษย์แสงจนมาทำลายแผนการทั้งหมด ข้าคิดว่าคงไม่สายเกินไปที่จะศึกษาหลังจากกลับสู่สวรรค์ดึกดำบรรพ์”

“เอาเถอะ เจ้าต้องคิดให้เยอะนี่นะ”

ลั่วปิงหลีดูโล่งอกก่อนเก็บแผ่นหยกกลับไป

ไกลออกไปหลายพันไมล์ ราชามารกระดูกชั่วร้ายลืมตาขึ้น

มันมองราชามารกระดูกชั่วร้ายอีกตนที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนเอาเท้าสัมผัสบนศีรษะของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา จากนั้นกระทืบศีรษะนั่นอย่างช้าๆ

เห็นได้ชัดว่ามันอารมณ์ไม่ดี

แต่อารมณ์ของกู่ฉิงซานดีขึ้น

ในที่สุดเขากะเทาะรังไหมจนพบความจริงอีกอย่างจากยุคโบราณแล้ว

ทางที่สองของเผ่าพันธุ์มนุษย์ตกอยู่ในมือของผู้ถักทอชีวิตหุบเหว

แม้กระทั่งเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณในตอนแรกก็ไม่สามารถทำอะไรผู้ถักทอชีวิตหุบเหวได้ แล้วนับประสาอะไรกับผู้ฝึกยุทธ์จากสวรรค์

ผู้ฝึกยุทธ์จากสวรรค์ดึกดำบรรพ์คิดว่าพวกเขากำลังสู้กับเทพและเผ่าพันธุ์บรรพกาล แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าความน่าหวาดกลัวที่แท้จริงนั้นคืออะไร

สิ่งที่ออกแบบโดยผู้ฝึกยุทธ์จะตกอยู่ในมือของสัตว์ประหลาดหุบเหวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นี่คือสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลและสอดคล้องกับการพัฒนาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

แต่ว่า!

ยังไงเสีย ผู้ฝึกยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ทำบางสิ่งเพื่อให้ได้คำชมที่คู่ควร

หลังจากหลอมดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพแล้ว คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะซ่อนอยู่ในช่วงเวลาสุดท้ายที่แท้จริง

เขาไม่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ทำแบบนี้ได้อย่างไร

วิธีนี้คล้ายกับให้ผลเหมือนภาพซ้อนทับแห่งเวลา

หลังจากนั้น ถึงแม้สัตว์ประหลาดหุบเหวจะใช้เผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อสร้างดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพขึ้นมา แต่พวกมันกลับหาสถานที่ที่ดาบสองเล่มนั้นอยู่ในตอนท้ายไม่ได้

พวกมันไม่พบช่วงเวลาที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ซ่อนตัว!

นี่คือความจริง!

กู่ฉิงซานเพียงรู้สึกว่าดวงตาของเขาพลันลืมขึ้น

เขามองลั่วปิงหลี

ลั่วปิงหลีสงบลงแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นพวกเราควรกลับสวรรค์ดึกดำบรรพ์ทันที จากนั้นก็หาทางทำความเข้าใจแผ่นหยกนี่หรือเปล่า”

“เอาเถอะ เจ้ากลับไปก่อน ข้าคิดว่าเจอปัญหาเล็กน้อยในการฝึก หลังจากคลี่คลายแล้วจะตามไป” กู่ฉิงซานตอบ

เมื่อเห็นเขากล่าวเช่นนี้ ลั่วปิงหลีพยักหน้าก่อนทะยานขึ้นสูงแล้วหายไป

กู่ฉิงซานชักดาบยาวออกมาก่อนเริ่มฝึกวิชาดาบในดินแดนรกร้าง

เขาหมกมุ่นกับการสำแดงวิชาดาบจนหลงลืมไปสักพักใหญ่

ไกลออกไปหลายพันไมล์ ราชามารกระดูกชั่วร้ายไม่อดทนรออีกต่อไป มันทะยานขึ้นสูงสู่ท้องนภาก่อนหายไปจากโลกนี้

ดูท่ามันจะไปสวรรค์ดึกดำบรรพ์

หลังจากนั้น กู่ฉิงซานยังร่ายรำดาบอย่างอดทน

“ทั้งที่มีพละกำลังบดขยี้ แต่กลับไม่มาขู่ข้า คำตอบเดียวคือมันรู้ว่าการฆ่าข้านั้นเปล่าประโยชน์ ข้าจะกลับมาจากอนาคตครั้งแล้วครั้งเล่า”

“ข้าสามารถกลับมาอีกได้ แต่ยังไม่มีทางที่จะก้าวข้ามเพื่อไปสำรวจดาบศักดิ์สิทธิ์ได้”

“หรือก็คือ ตอนนี้พวกเราเจอทางตันแล้ว”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอย่างเงียบงัน จากนั้นคิดถึงอีกคำถาม

“อืม…ถ้านางถูกควบคุมเอาไว้ก็คงยากเล็กน้อยที่จะรับมือ…”