แดนนิรมิตเทพ บทที่ 499
ฟางหยู่ฉิงพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา “หุบปาก คุณรู้ไหมว่าคนที่คุณล่วงเกินเป็นใคร!”

กงซุนหลีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ไม่ช้าเขาก็หัวเราะอีกครั้ง “เป็นใครได้ล่ะ? เขาเป็นแค่คนบ้านนอกที่มาจากอำเภอเล็ก ๆ เท่านั้น! คุณฟางคนสวยถึงกลับตกใจขนาดนี้เชียวเหรอ?”

กงซุนหลียังคงมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า “เจ้าเด็กคนนี้ทำให้ฟางหยู่ฉิงประหม่าขนาดนี้ แค่คนขยะจากอำเภอเล็ก ๆ จริงเหรอ?”

ฟางหยู่ฉิงหัวเราะเยาะเย้ย เธอมองกงซุนหลีเหมือนกับการมองคนที่น่าสงสารที่กำลังรนหาความ “ฮึ่ม! กงซุนหลี ฉันขอเตือนคุณประโยคหนึ่ง คุณเฉินไม่ใช่คนที่คุณสามารถยั่วยุได้ คุณคุกเข่าและก้มกราบขอโทษคุณเฉินทันที ขอร้องคุณเฉินให้ปล่อยคุณไป มิฉะนั้น ถึงแม้ว่ากงซุนจั่วเสวียนพ่อของคุณจะมา เขาก็ไม่สามารถช่วยคุณได้”

เดิมทีกงซุนหลีสงสัยสถานะของเฉินโม่นั้นไม่ธรรมดา แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหยียดหยามของฟางหยู่ฉิงแล้ว มันกระตุ้นความเย่อหยิ่งของกงซุนหลี

ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไร หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “น่าขำ เขาเป็นแค่ลูกชายของสารวัตรกำนันเล็ก ๆ เท่านั้น และเป็นคนไร้ประโยชน์ที่โง่เขลา คุณกลับจะให้ผมก้มกราบและยอมรับความผิด! ฟางหยู่ฉิง สมองของคุณมีปัญหาหรือเปล่า!”

“แม้แต่เฉินไต้ซือก็ยังไม่กล้าพูดคำพูดแบบนี้กับผม!”

กงซุนหลีรู้สึกว่าฟางหยู่ฉิงดูหมิ่นตนเอง ดังนั้นเขาจึงพูดจาหยาบคาย น่าขำ! ให้เขาก้มกราบและขอโทษเฉินโม่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ต่อไปเขาจะมีหน้าอยู่ในแวดวงนี้ได้อย่างไร!

ฟางหยู่ฉิงถูกด่าจนหน้าแดงด้วยความอับอาย แต่สายตาของเธอแปลก ๆ เธอเหลือบมองเฉินโม่อย่างสงบ แล้วหันไปมองกงซุนหลี และพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา “คุณมันเกินเยียวยาจริง ๆ คุณรอเสียใจเถอะ!”

ขณะนี้ มีคนตะโกนออกมาจากนอกประตู “ท่านสามจินแห่งตระกูลจิน คุณท่านเซวีย เถ้าแก่เจี่ย และลูกพี่ฉู่มาถึงแล้ว…. ”

ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างตกตะลึง เหล่าผู้ทรงอิทธิพลมาถึงแล้ว!

สีหน้าของกงซุนหลีมีความปีติยินดี จ้องเฉินโม่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “เจ้าหนู อาเขยของฉันมาแล้ว แกต้องตายแน่นอน!”

เฉินโม่เลิกคิ้วและแสดงรอยยิ้มแปลก ๆ

เหล่าผู้ทรงอิทธิพลมาถึงแล้ว ซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่ในห้องโถงทันที กลุ่มลูกเศรษฐีละสายตาจากเฉินโม่ชั่วคราว และมองไปที่เหล่าผู้ทรงอิทธิพล

กลุ่มคนเดินเข้ามา ทุกคนยืดอกเชิดหน้า เดินอย่างแข็งแกร่งและทรงพลัง ท่วงท่าของพวกเขามีความสง่างามและน่าเกรงขาม

คนที่เป็นผู้นำเป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่า มีรูปลักษณ์ที่สง่างาม สวมแว่นตาสีทองและรูปร่างผอมเพรียว เขาคือจินตัวเหวิน ท่านสามจินของตระกูลจินแห่งฮ่านหยาง และเป็นอาเขยของกงซุนหลี

ฟางปู้ถงเศรษฐีแห่งชิ่งหยางรีบเดินไปต้อนรับ งานเลี้ยงคราวนี้เลือกจัดที่โรงแรมว่านเซี่ยง โดยมอบให้ฟางปู้ถงเป็นเจ้าภาพ

“ฟางปู้ถงขอคารวะท่านสามจินและทุกท่าน!” ฟางปู้ถงประสานมือทั้งสองแล้วโค้งคำนับเล็กน้อย และกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เถ้าแก่ฟาง”

ทุกคนประสานมือทั้งสองแล้วคำนับกลับ

จินตัวเหวินยิ้มเล็กน้อย ประสานมือทั้งสองแล้วคำนับกลับ “เถ้าแก่ฟาง เฉินไต้ซือมาถึงหรือยัง?”

ฟางปู้ถงยิ้มด้วยความลึกลับ แล้วเหลือบมองไปทางเฉินโม่ “มาถึงนานแล้ว กำลังรอพวกคุณอยู่!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จินตัวเหวินและทุกคนต่างตกใจ

“ให้เฉินไต้ซือรอนาน เป็นความผิดของพวกเราเอง เถ้าแก่ฟางรีบไปเชิญเฉินไต้ซือมาเถอะ!”

ฟางปู้ถงหยุดยิ้มและแทนที่ด้วยท่าทางที่เคารพ หันหน้าไปทางเฉินโม่ โค้งคำนับจากระยะไกล และกล่าวเสียงดัง “ยินดีต้อนรับเฉินไต้ซือด้วยความเคารพ!”

ทุกคนตกตะลึง หรือว่าเฉินไต้ซืออยู่ในฝูงชน?  

กงซุนหลีรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี กวาดสายตาไปรอบ ๆ เกือบทุกคนผ่านสายตาของเขา แต่ไม่มีคนใดที่สอดคล้องกับภาพของเฉินไต้ซือที่อยู่ในใจของเขา