บทที่ 437 รู้ว่าผิด

บัญชามังกรเดือด

เมื่อมอบภารกิจเข้าซื้อทงต๋าเอ็กซ์เพลสให้หม่าจินหยู่แล้ว

เดิมที ถ้าหม่าจินหยู่ทำงานสำเร็จ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ศักดิ์ศรีของเขาก็จะยกระดับขึ้นทุกครั้ง

จนหม่าจั๋วชุนอาจจะเอ่ยปาก แต่งตั้งเขาเป็นผู้สืบทอดอย่างเป็นทางการ

แต่ว่า หลังจากเจรจาเชิงลึกกับหลิวชั่นไม่กี่ครั้ง หม่าจินหยู่ก็ประทับใจในจิตวิญญาณการก่อตั้งกิจการของหลิวชั่น

กระทั่ง รู้สึกว่าได้พบกันช้าไป

พวกเขาชอบกิจการโลจิสติกส์เหมือนกัน อยากสร้างบริษัทโลจิสติกส์ที่โดดเด่นที่สุดเหมือนกัน

ส่วนหม่าจินหยู่รู้ว่า เมื่อตระกูลหม่าเข้าซื้อทงต๋าโลจิสติกส์ และซึมซับกลไกของทงต๋าแล้ว ก็จะทอดทิ้งไปเหมือนรองเท้าขาด ๆ

เมื่อเป็นเช่นนั้น ทงต๋าโลจิสติกส์ก็ตายแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงแบกแรงกดดัน กระทั่งยันกับหม่าจั๋วชุนเสนอให้เลิกล้มการกว้านซื้อทงต๋าโลจิสติกส์

ความเป็นเผด็จการไม่ยั่งยืนหรอก มีเพียงความรุ่งเรืองถ้วนหน้าของกิจการทุกคนถึงจะไปได้ไกล

หม่าจั๋วชุนจำใจได้แต่พยักหน้ารับคำในเวลานั้น

หม่าจินหยู่คิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากที่เขาวางมือ หม่าจินหลงกลับมาสานต่อ และยังกว้านซื้อสำเร็จ

เป็นไปได้ยังไง?

“จินหลง นายบอกฉันได้มั๊ยว่าทำได้ยังไง?”

“นายให้ราคายังไง?”

“ไม่สิ เท่าที่ฉันรู้จักหลิวชั่น ไม่ว่านายจะให้ราคาสูงเท่าไหร่เขาก็ไม่ขายหรอก” สีหน้าหม่าจินหยู่เคร่งขรึม

หม่าจินหลงแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “พี่ใหญ่ นี่มันสมัยไหนแล้ว พี่ยังใช้วิธีเจรจาเชย ๆ อย่างนี้อีกเหรอ”

“พี่ไม่เคยได้ยินคำว่า เพื่อเป้าหมายแล้วไม่เลือกวิธีการเหรอ?”

“นายว่าอะไร?” หม่าจินหยู่เอ่ยเสียงขรึม: “นายทำอะไรกับหลิวชั่น?”

หม่าจินหลงเอ่ยอย่างได้ใจว่า: “ก็ไม่มีอะไร”

“ฉันสืบรู้ว่า เขามีลูกสาวคนหนึ่งเรียนอยู่เมืองนอก พอดีกับที่ฉันก็มีเพื่อนอยู่เมืองนอกสองสามคน”

“ฉันบอกหลิวชั่นว่า สภาพแวดล้อมที่เมืองนอกมีความซับซ้อน เด็กผู้หญิงคนหนึ่งคิดจะอยู่รอดก็ค่อนข้างจะลำบาก แค่เขาตกลงกับฉัน ฉันก็จะให้เพื่อนฉันช่วยดูแลลูกสาวของเขา”

“เพื่อนฉันไม่กี่คนที่นั้นมีอำนาจมากเลยนะ”

“สารเลว!” หม่าจินหยู่ตบโต๊ะลุกขึ้น โกรธจนหน้าถอดสีเอ่ยด้วยเสียงโมโหว่า: “นายเอาลูกสาวของหลิวชั่นมาขมขู่เขา?”

“จินหลง ทำไมนายเป็นคนอย่างนี้!”

ให้เพื่อนดูแลอะไรกัน ใครฟังเข้าก็รู้ว่าหม่าจินหลงจงใจอำพราง

ในความเป็นจริง เขาได้จ่ายเงินให้คนที่อยู่เมืองนอกลักพาตัวลูกสาวของหลิวชั่นไว้แล้ว

หลัวชั่นจึงต้องขายบริษัทให้หม่าจินหลงอย่างอัปยศก็เพื่อลูกสาว

สีหน้าของหม่าจินหลงขรึมลงแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “หม่าจินหยู่ นายจะมาคำรามใส่ฉันทำไม?”

“ตระกูลหม่าของเรา รวมถึงหอการค้าแก๊งหม่าเป็นเจ้าพ่อโลจิสติกส์แห่งเมืองเอกทั้ง 7 ของทางใต้ เพื่อป้องกันตำแหน่งนี้ ตระกูลหม่าทุกคนจะละเลยหน้าที่ไม่ได้!”

“เพื่อผลประโยชน์ของทุกคน ฉันใช้แค่เล่ห์เหลี่ยมนิดหน่อยแล้วยังไง?”

“คนที่จะทำงานใหญ่สำเร็จ จะมัวติดเรื่องจุกจิกได้ยังไง!”

“ถ้าเป็นเหมือนนายกันทุกคน ตระกูลหม่าของเราจะก้าวหน้าได้เหรอ?อีกไม่นาน คงโดนคนอื่นแซงหน้าแน่!”

หม่าจินหยู่โมโหจนตัวสั่น เอ่ยด้วยความโมโหว่า: “เหลวไหลสิ้นดี!”

“จินหลง ฟังนะ ตอนนี้จงรีบขอโทษหลิวชั่นคืนบริษัทให้เขาเดี๋ยวนี้!”

“นายทำอย่างนี้สวรรค์ไม่มีทางอภัยให้ โดนคนอื่นว่าให้ลับหลังแน่!”

“พอที!” หยางเสี่ยวหุ้ยว่ากล่าวอย่างโมโห สีหน้าเฉยชา

หล่อนมองหม่าจั๋วชุน: “จั๋วชุน ที่จินหลงทำไปก็ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เพื่อคลายความกังวลของคุณ คิดเพื่อตระกูลหม่าทั้งหมด!”

“ฉันรู้สึกว่าไม่มีอะไรผิด คนทำการใหญ่ จะใจอ่อนอย่างผู้หญิงได้ยังไง”

“ก่อนหน้าจินหยู่ออกหน้าแทนหลิวชั่น ตอนนี้ก็มาด่าทอน้องชายตัวเองแทนคนนอก”

“หมายความว่าอะไรของเขา?”

“เขาคงไม่ ตกลงอะไรส่วนตัวกับหลิวชั่นใช่มั๊ย?”

หม่าจินหยู่ชะงักไปชั่วครู่เอ่ยว่า: “ท่านป้า ทำไมจึงพูดเช่นนั้น?”

“ผมจะมีข้อตกลงอะไรกับหลิวชั่น?”

หยางเสี่ยวหุ้ยแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “ใครจะไปรู้ เรื่องอย่างนี้มีแต่เธอที่รู้ดีแก่ใจ”

“ไม่อย่างนั้น ทำไมเธอถึงยืนตรงข้ามตระกูลเพื่อหลิวชั่น”

หม่าจินหยู่เหมือนอยากจะพูดอะไรต่อ แต่หม่าจั๋วชุนก็พูดขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า: “พวกเธอเถียงกันพอแล้วหรือยัง?”

“พ่อ ฟังผมก่อน จินหลงทำอย่างนี้ไม่ถูกพ่อต้องสั่งสอนเขาสิ”

“แล้วถ้าฉันให้ทำอย่างนี้ล่ะ?”

“พ่อว่าอะไรนะ?” หม่าจินหยู่ชะงักอยู่กับที่จนพูดไม่ออก

“คุณชายใหญ่ นั่งลงเถอะ”

“มีอะไรไว้ค่อยว่ากัน” หม่าจั๋วโหวกลัวนิสัยเถตรงของหม่าจินหยู่จะเป็นการอกตัญญูต่อหม่าจั๋วชุน จึงรีบกระซิบห้ามปราม

หม่าจินหยู่กัดฟันกรอด ๆ มองหม่าจั๋วชุนตรง ๆ เอ่ยอย่างแน่วแน่ว่า: “ทั้งที่พ่อรู้อยู่ว่าทำอย่างนี้ไม่ถูก แล้วทำไมยังสนับสนุนอีก?”

“ท่านพ่อ ที่ผ่านมาพ่อเป็นไอดอลของผมมาตลอด”

“ตอนนี้ ผมอยากฟังคำอธิบายของพ่อ!”

เดิมที หม่าจั๋วชุนอยากจะไว้หน้าหม่าจวินยู่จึงไม่ซักไซ้อะไร

แต่ไม่คิดว่าหม่าจินหยู่จะเถตรงไม่ไว้หน้าเขาต่อหน้าสาธารณชนอย่างนี้

ใบหน้าของเขา ชาอย่างขีดสุด

“จั๋วชุน คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่า ถ้าจินหลงทำเรื่องนี้สำเร็จจะมีรางวัล?”

“รางวัลอะไรคุณรีบบอกมาเร็ว” หยางเสี่ยวหุ้ยถือโอกาสเปลี่ยนเรื่อง

หม่าจั๋วชุนกัดฟันเอ่ยว่า: “จินหลงทำเพื่อตระกูลหม่ามีคุณต่อตระกูลหม่า”

“ทงต๋าโลจิสติกส์ที่ซื้อมาได้จึงมอบให้เขาดูแล”

“นับจากนี้ไป ดำรงตำแหน่งรองประธานกรุ๊ปเข้าร่วมประชุมบอร์ดกรรมการได้”

กลุ่มคนต่างฮือฮา!

สถานะที่สำคัญอย่างนี้ แม้หม่าจั๋วชุนจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ก็เท่ากับเป็นผู้สืบทอดแล้ว

“ยังมีอะไรอีก?” เหมือนหยางเสี่ยวหุ้ยยังไม่พอใจ

หม่าจั๋วชุนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า: “ยังจะเอาอะไรอีก?”

หม่าจินหลงกุลีกุจอเอ่ยว่า: “พ่อ การรับใช้วงศ์ตระกูลเป็นหน้าที่ของผม”

“เพียงแต่ว่า สถานการณ์ตอนนี้วุ่นวาย ผมกลัวพวกนั้นจะมาก่อกวน”

หม่าจั๋วชุนเอ่ยด้วยความลังเลว่า: “บูชาอู่ของตระกูลรวมถึงกำลังทั้งหมด ฉันมอบอำนาจให้เธอออกคำสั่งได้หนึ่งในสาม”

“จำไว้ แค่หนึ่งในสาม ถ้าเกินหนึ่งในสามยังไงก็ต้องรายงานให้ฉันรู้”

“ครับ!”

“ขอบคุณท่านพ่ออย่างสูง!”

หม่าจินหลงคึกคักจนดวงตาทั้งสองแพรวพราว ลำพังธุรกิจยกระดับเขาก็ไม่เท่าไหร่

การยกกำลังของตระกูลให้เขาสั่งการนี่ต่างหากที่เป็นอำนาจที่เขาปรารถนา

มีอำนาจในการสั่งการหนึ่งในสาม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับผู้สืบทอดแล้ว

พอได้ยินถึงตรงนี้ บรรดาคนในตระกูลต่างมองหน้ากัน ต่างรู้สึกตกใจกันอย่างมาก

หรือว่า เจ้าบ้านจะแต่งตั้งหม่าจินหลงเป็นผู้สืบทอดจริงอย่างนั้นหรือ?

เห็นหม่าจั๋วชุนเตรียมตัวจะไป หยางเสี่ยวหุ้ยจึงรีบเอ่ยว่า: “จั๋วชุน อย่าพึ่งรีบสิ”

“แม้จินหยู่เขาจะพูดตรงไปหน่อย ยอกย้อนคุณ แต่ว่า ฉันเชื่อว่าเขาไม่ได้คิดร้ายอะไร”

“อีกทั้งเขาก็ทำเพื่อวงศ์ตระกูล ไม่มีผลงานแต่ก็มีความพยายาม คุณให้รางวัลจินหลงก็ควรให้รางวัลจินหยู่บ้างถึงจะดี”

หม่าจั๋วชุนถลึงตามองหม่าจินหยู่อย่างชิงชังสักพักแล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า: “ได้ยินแล้วยัง?”

“จนป่านนี้ป้าเขายังออกตัวแทนแก”

“ตอนนี้ แกรู้ตัวว่าผิดแล้วยัง?”

หม่าจินหยู่กัดฟันเอ่ยว่า: “ผมยึดความเห็นของตัวเอง!”

“แก——” หม่าจั๋วชุนโกรธจนแทบคลั่ง อยากพุ่งเข้าไปคว้าหม่าจินหยู่มาอัดสักยก