ตอนที่ 416

The Divine Nine Dragon Cauldron

ที่เมืองก้นบึ้ง

 

เล่ยมู่ เจ้าเมืองผู้มีแผลเป็นน่ากลัวอยู่ในส่วนลึกที่เป็นที่ลับอันเต็มไปด้วยลาวาร้อนระอุ ลาวาเดือดพร้อมกับเพลิงสว่างจ้าได้สร้างภาพอันตระการตา ในลาวาร้อนๆนั้นมีกระบี่ขาวกระจ่างอยู่ด้วย!

 

อัสนีสั่นสะเทือนในกระบี่ อัสนีคำรามลั่นไม่หยุดหย่อน พลังทำลายล้างจากระบี่นั้นเอ้อล้นออกมา!

 

เล่ยมู่ยินดีอย่างมาก

 

“ข้าได้แก่นกระบี่มาแล้ว เหลือแค่ชำระมันด้วยโลหิตก็สำเร็จ!”

 

ก๊อง ก๊อง ก๊อง—

 

ในตอนนั้น เสียงโลหะกระทบกันดังอย่างบ้าคลั่งจากโลกเบื้องบน

 

เล่ยมู่ชักสีหน้า เขาทิ้งสถานที่นี้ไปยังตำหนักเจ้าเมือง

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

เมืองระส่ำระสาย ราชามนุษย์หลายคนบินเข้ามาด้วยความกลัว

 

“ท่านเจ้าเมือง!”

 

หนึ่งในนั้นร้องไห้

 

“รีบออกมาเร็ว! ม่านพลังที่ปกป้องเมืองมัน…!”

 

เล่ยมู่ออกสู่โลกภายนอก เขาเงยหน้ามองดูสิ่งรอบข้าง เขาเห็นแค่เพียงม่านหลากสีที่กำลังจะพังทลายในทุกเมื่อ!

 

“นี่มัน…”

 

เล่ยมู่ตกใจ

 

“แย่แล้วท่านเจ้าเมือง!”

 

บางคนตะโกนและพุ่งเข้ามา เล่ยมู่จำได้ว่าคนคนนี้คือคนที่เฝ้าดูม่านพลังที่ปกป้องเมือง เขาถือแก้วห้าสีที่กลายเป็นเถ้าถ่านในมือ เขาหน้าซีด

 

“แก้วเทพกำเนิดห้าธาตุ มันถูกสลับไป!”

 

เล่ยมู่ตกตะลึง

 

“มันถูกสลับไปเมื่อไหร่?”

 

“ทำไมเพิ่งมารู้ตอนนี้?”

 

อีกฝ่ายสับสนและหวาดกลัวอย่างมาก

 

“ท่านเจ้าเมือง! ม่านพลังจะคงตัวอยู่ได้ถ้าไม่มีแก้วไปครึ่งเดือน มันจะต้องถูกสลับไปเมื่อครึ่งเดือนก่อน!”

 

ครึ่งเดือนก่อน…

 

“ใครเป็นคนเฝ้าม่านพลังเมื่อครึ่งเดือนก่อนรึ?”

 

“มันคือ…มือขวาของเจ้าเมืองลำดับสอง…ฮงมู่!”

 

“มันเองเรอะ?”

 

เล่ยมู่เยือกเย็น

 

“คนของตังกุย! ตังกุย! เจ้าทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ข้าได้สร้างกระบี่และเป็นเจ้าเมืองแต่เพียงผู้เดียว เจ้าจะทำให้คนทั้งเมืองต้องตาย! นี่กำลังอยู่ในการบูชายัญโลหิตของตระกูลกุย ภูติผีกำลังจับมนุษย์ คนในเมืองจะไร้การคุ้มครอง! แก้วเทพห้าธาตุคือพลังที่ปกป้องเมืองก้นบึ้งมาตลอดห้าร้อยปี!”

 

ชายแก่ที่ปรึกษาที่มีเคราแพะหรี่ตา

 

“ท่านเจ้าเมืองอย่างเพิ่งใจร้อนไป เหตุครั้งนี้แปลกยิ่งนัก ถึงตังกุยจะหมายตาตำแหน่งเจ้าเมืองแต่ถ้าทุกสิ่งที่นี่ตกตายไปแล้วจะมีความหมายอันใดเล่า? เขาอาจจะกระทำการอย่างลับๆแต่เขาไม่โง่ พวกเราแค่ต้องติดต่อเขาโดยเร็วเพื่อหาตัวฮงมู่ว่าทำตามคำสั่งเขา…หรือเป็นฮงมู่ที่เป็นผู้บงการตัวจริง”

 

“พวกเราควรจะหาแก้วเทพกำเนิดห้าธาตุต่างหาก!”

 

เล่ยมู่ตวาดลั่น

 

“บัดซบ! ขโมยแก้วพลังไปในตอนที่ข้ากำลังสร้างกระบี่สายฟ้า…มันสมควรตายเป็นพันครั้ง!”

 

เล่ยมู่รีบใช้จี้เพื่อติดต่อกับตังกุย

 

ตังกุยที่กำลังรวบรวมภูติผีทำใบหน้าประหลาด

 

“อะไรนะ? แก้วห้าสี? ฮงมู่ขโมยไปงั้นเรอะ? เป็นไปไม่ได้!”

 

สัญชาตญาณแรกบอกเขาว่าเล่ยมู่กำลังหลอกเขา แต่เมื่อยืนยันแล้วว่าไม่เป็นเช่นนั้นเขาก็ท่าทางเปลี่ยนไป

 

“เจ้าเมืองเล่ยมู่ โปรดรีบไปตรวจสอบพื้นเพของฮงมู่โดยเร็ว”

 

ตังกุยพูด

 

“ส่วนข้าจะไปค้นห้าแก้วต้นกำเนิดห้าธาตุเดี๋ยวนี้!”

 

ตังกุยวางสร้อยหยกลง เขาคว้าสร้อยอีกครั้งเพื่อติดต่อหลู่มู่

 

“เจ้าอยู่ไหน?”

 

“ข้าอยู่ใกล้กับพวกมนุษย์นั่น…”

 

“มีอะไรรึท่านตังกุย?”

 

ตังกุยพูดอย่างหนักแน่น

 

“เล่ยมู่รู้ตัวแล้ว เขาเรียกข้ากลับไป มีเวลาไม่พอ พวกเราต้องจับตัวคนนอกสองคนนั่นให้ได้ รอข้าก่อน ข้าจะไปจับตัวพวกนั้นด้วย เราจะจบมันโดยเร็ว”

 

******

 

หลู่มู่เบิกตากว้างเมื่อการพูดคุยจบลง

 

“แย่แล้ว…ตังกุยกำลังมาหาข้า!”

 

หลู่มู่หยิบเข็มทิศที่ได้จากตังกุยและกัดฟันทำลายมันทันที

 

“ฮื่ม!”

 

เขาพูดด้วยความโกรธ

 

“ตุงกัย เมื่อไหร่กันที่ข้าทำเจ้าผิดหวัง ถึงได้ทำกับข้าเช่นนี้! ดูเหมือนข้าจะต้องไปอยู่ฝั่งเดียวกับผีซะแล้ว ฮงมู่เคยจับหนอนภูติผีมาได้และพยายามจะชักจูงพวกข้า หึ หากเรื่องมาถึงขั้นนี้ข้าก็ต้องไปอยู่ฝั่งเดียวกับพวกมัน!”

 

******

 

หนึ่งชั่วยามต่อมา ตังกุยกับรากษสทั้งสิบมาถึงจุดที่หลู่มู่บอกแต่ก็ไม่มีใครที่นี่ มีแต่เพียงความว่างเปล่า

 

ตังกุยใบหน้าดุร้าย จิตสังหารปกคลุมดวงตา

 

“กล้าหลอกข้าเรอะ?”

 

ฟึ่บ–

 

ครึ่งชั่วยามต่อมา ตังกุยกับเหล่ารากษสไปถึงเข็มทิศที่เขาให้กับหลู่มู่ ตังกุยกัดฟันแน่น เขามองเข็มทิศที่ถูกทำลายบนพื้น

 

“เจ้ายังกล้าทรยศข้าอีก!”

 

“แก้วต้นกำเนิดจากฮงมู่อยู่ที่เจ้าจริงๆสินะ! ฮื่ม! แต่ข้าก็คิดไว้แล้ว!”

 

พรึ่บ–

 

เขาสะบัดข้อมือเอาเข็มทิศอันใหม่ออกมา เข็มของมันชี้ไปในทิศทางเดียวกัน รอยยิ้มอันดุร้ายแสยะเผยออก

 

“ยอดเยี่ยม! พวกนั้นอยู่ทิศเดียวกัน ข้าไม่ต้องแยกกันหาพวกมัน!”

 

******

 

หลายชั่วยามผ่านไป เซี่ยจิงหยูกับซือหยูบ่มเพาะพลังสำเร็จ

 

เซี่ยจิงหยูร่างแทบโปร่งใส ข้อมือที่เผยออกมานั้นดูละเอียดราวกับผิวน้ำ มันปลดปล่อยพลังเหนือมนุษย์ออกมา ไอวารีมหาศาลปกคลุมกาย นางในตอนนี้เอาชนะราชามนุษย์จำนวนมากได้แล้ว

 

ส่วนร่างเทียมของซือหยูนั้นมีผนึกมากมายติดตรึงอยู่กับตัว ผนึกนั้นมีพลังอันน่ากลัว แม้ซือหยูก็ต้องตกใจในพลังนั้น เขาไม่รู้เลยว่าร่างเทียมของเขาแข็งแกร่งเท่าใดแล้ว

 

แต่ที่ซือหยูกังวลก็คือผนึกบนร่างเทียม นั่นหมายความว่าร่างเทียมของเขากำลังจะสร้างเลือดเนื้อ เขามองดูใกล้ๆและตระหนักได้ว่าร่างเทียมของเขามีจุดกำเนิดพลังเป็นของตัวเอง!

 

แม้ว่ามันจะสร้างมาจากเพลิง แต่มันก็มีพลังเพลิงมหาศาลจนทำให้ฐานพลังเพิ่มขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง! นี่เป็นครั้งแรกที่ซือหยูไม่สบายใจ เศษตำราระดับตำนานที่ร่างเทียมบ่มเพาะนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่อธิบายไม่ได้งั้นรึ?

 

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องไปสืบเสาะเรื่องนี้จากตระกูลโบราณที่มอบวิชานี้มา

 

เซี่ยจิงหยูลืมตาขึ้น นางมิอาจปิดบังความตกใจในการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้

 

“นี่มันมหัศจรรย์จริงๆ! มีต้นกำเนิดวารีในตัวข้า พลังของวิชาวารีข้าก็เพิ่มอีกหลายเท่า!”

 

เพิ่มขึ้นหลายเท่ารึ? ซือหยูกัดลิ้นตัวเอง

 

“กลับไปที่ทางออกกันเถอะ”

 

เซี่ยจิงหยูพูด

 

“ถ้าหากไม่มีอสุราขาว เราอาจจะพังผนึกรากษสด้วยพลังของเราและหนีออกจากก้นบึ้งไปได้”

 

พลังของเซี่ยจิงหยูเพิ่มขึ้นมหาศาลและดูเหมือนนางจะมั่นใจขึ้นเช่นกัน ซือหยูคิดอยู่ชั่วครู่ แม้ว่าความคิดนั้นจะเสี่ยงมันก็คุ้มค่าที่จะลอง เพราะอย่างไรก้นบึ้งมังกรเก้านรกแห่งนี้ก็เพิ่มความประหลาดขึ้นอย่างน่าตกใจ

 

ซือหยูพยักหน้าและเก็บแก้วกำเนิดห้าธาตุเอาไว้กับตัว มันเหลือพลังวารีและอัคคีเพียงน้อยนิด ซือหยูไม่ลังเลที่จะเก็บมันไว้กับตัว

 

ทั้งสองพุ่งทะยานขึ้นเพื่อเตรียมจะออกจากก้นบึ้งแต่ทั้งสองก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างในเวลาเดียวกัน

 

“มีคนกำลังมา!”

 

ซือหยูประทับใจมาก จ้าวยี่หยูนั้นเฉียบคมขึ้นเมื่อได้รับต้นกำเนิดวารี!

 

ซือหยูหันไปมองหลู่มู่และรากษสทั้งสิบ! เขาขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ถอย หลายวันก่อนเขาอาจจะระวังมากกว่านี้ แต่ในตอนนี้…

 

“เดี๋ยวก่อน!”

 

หลู่มู่ตะโกน

 

“ข้าไม่ได้มาเพื่อสู้กับเจ้า! โปรดให้เวลาข้าสักเดี๋ยว!”

 

ซือหยูงุนงง

 

“เอ๋? พูดมา!”

 

หลู่มู่หยุดห่างจากพวกเขาร้อยศอก เขาทำความเคารพจากระยะไกล

 

“ข้าไม่ได้มาจับตัวพวกเจ้า…”

 

“แต่ข้าขอเตือนเจ้าว่าเจ้าเมืองตังกุยกำลังตามหาพวกเจ้า! เจ้าต้องรีบหนีไป!”

 

ตังกุยรึ? ใครกัน?

 

เซี่ยจิงหยูสีหน้าเคร่งเครียด

 

“เขามาเพื่อจับตัวพวกข้า…ด้วยตังเองงั้นรึ? เราจะเชื่อได้ยังไงว่าตังกุยออกจากเมืองเพื่อจับตัวพวกข้า? แล้วทำไมเจ้าถึงมาบอกพวกข้าเรื่องนี้?”

 

หลู่มู่หัวเราะอย่างขมขื่น

 

“ข้าจะบอกความจริง…ว่าข้าก็โดนตังกุยไล่ตามมาเหมือนกัน ข้าจึงต้องบอกพวกเจ้า เราจะแยกกันไปคนละทาง วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้มีโอกาสหนีออกไป ส่วนเรื่องจับตัวพวกเจ้าเป็นการตัดสินใจของเจ้าเมืองทั้งสองคน พวกเขาอยากจะพาพวกเจ้าไปเป็นเครื่องเซ่นตระกูลกุย! เราต้องการเครื่องเซ่นมนุษย์หลายคนให้กับตระกูลกุยเพื่อการบูชายัญเพื่อให้แน่ใจว่าภูติผีในระยะหลายพันลี้จะไม่มาที่เมืองก้นบึ้ง เจ้าสองคนมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมและอ่อนเยาว์ทำให้เป็นเครื่องบูชายัญที่เหมาะสมที่สุด นั่นแหละเหตุที่พวกข้าถูกส่งมาจับตัวเจ้า”

 

เช่นนั้นรึ?

 

เซี่ยจิงหยูพูดเบาๆ

 

“หิมะทมิฬ เจ้าคิดอ่านประการใด?”

 

ซือหยูหัวเราะ

 

“เขาพูดจริงอยู่บ้าง ตอนนี้เชื่อเขาจะดีกว่า เราหนีก่อนจะเกิดการต่อสู้กันเถอะ!”

 

เซี่ยจิงหยูหนีไปพร้อมกับซือหยู

 

หลู่มู่ไม่จากไปทันที รอยยิ้มของเขาหายไปแทนที่ด้วยความเยือกเย็น

 

“ฮื่ม! โดนหลอกง่ายนัก! สมกับเป็นคนนอก!”

 

ฟึ่บ–

 

หลู่มู่หยิบขวดสีมรกตออกมา

 

“ข้าเอาพลังอสูรมาด้วย ข้าต้องกำจัดหนทางที่ตังกุยจะหาตัวข้าเจอ ข้าเตรียมขวดนี้มาหลายปี ข้าจ่ายหนักกว่าจะได้มา วันนี้ข้าจะใช้มันฉีดทั่วร่าง! ตังกุยมาถึงที่นี่เมื่อไหร่ก็จะคิดว่าข้าออกไปกับพวกคนนอกแล้ว เขาจะไล่ตามพวกนั้นและเลิกตามล่าข้า มีเวลามากมายนักให้ข้าหนี”

 

เขาพูดจบและเริ่มฉีดพลังอสูรทั่วร่าง แต่ในตอนนั้นกระบี่น้ำแข็งก็พุ่งทะลวงหัวใจของเขา

 

หลู่มู่ตกตะลึง

 

“เจ้าพวกคนนอกยังไม่ออกไปอีกเรอะ!”

 

เขาหันไปมองกระบี่น้ำแข็ง…ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูพุ่งเข้ามา

 

“ด้วยพลังกึ่งเทพของตังกุย เขาสัมผัสได้ทุกสิ่งในฟ้าดิน เขาใช้เวลาแค่เสี้ยววิในการมาที่นี่ ข้าไม่คิดจะตายไปกับพวกเจ้า!”

 

เขาพูดและสะบั้นกระบี่น้ำแข็งแตกละเอียด!

 

“พลังระดับนี้ไม่พอจะทำร้ายข้า ข้าจะไปแล้ว…”

 

หลู่มู่ถอยและไม่คิดจะต่อสู้ แต่ก็มีวารีเยือกแข็งอยู่ในกระบี่น้ำแข็งที่แตกสลาย หลู่มู่รับรู้ได้แต่ไม่สนใจมากนัก แต่ในตอนนั้นเองวารีเยือกแข็งก็ได้ก่อตัวเป็นแมวตัวเล็กที่กระโจนเข้าไปชิงขวดมรกตมาจากมือหลู่มู่!

 

หลู่มู่ชักสีหน้าทันที เขาเอื้อมมือคว้าขวดอย่างลนลาน กระบี่น้ำแข็งที่แตกได้เปลี่ยนพื้นที่โดยรอบให้มีแต่คมน้ำแข็งที่ศีรษะของหลู่มู่ เขาที่ไม่ทันระวังตัวยกมือขึ้นมากันโดยไม่ทันคิด

 

แมวกับขวดมรกตนั้นถูกซือหยูคว้าเอาไว้ เขาแบกเซี่ยจิงหยูด้วยมือข้างเดียวและพ่นพลังในขวดใส่ตัวเองกับเซี่ยจิงหยูโดยไม่ลังเล

 

“ขอบคุณสำหรับของขวัญของเจ้า…”

 

ซือหยูประสานหมัดและหัวเราะ จากนั้นจึงสยายปีกกว้างออกมา

 

“แล้วพบกันใหม่”

 

เขาสะบัดปีกและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

หลู่มู่โกรธแค้น! เขาคิดจะใช้พวกซือหยูเพื่อถ่วงเวลา แต่เขากลับทำให้พวกนั้นหนีไปได้และกลายเป็นเป้านิ่งให้กับตังกุยเสียเอง! ทั้งสองร่วมมือกันด้วยวิชาน้ำแข็งและวารีจากนั้นจึงชิงของของเขาไป!

 

ความชิงชังเอ่อล้นออกมาแต่พลังอันน่ากลัวก็เข้ามาใกล้เขา หลู่มู่รีบหนีอย่างบ้าคลั่ง

 

******

ที่หลายพันลี้ ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นและหัวเราะ การที่ทั้งสองร่วมมือกันได้ดีนั้นเป็นดั่งสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่ประหลาด ซือหยูเริ่มรู้สึกว่านางคือคนคนเดียวที่จะร่วมมือกับเขาได้ดี และบังเอิญยิ่งนักที่นางใช้วิชาวารี ทั้งคู่นั้นมีสมดุลอันสมบูรณ์แบบ

 

เซี่ยจิงหยูรู้สึกแปลกยิ่งกว่าเดิม นางมองซือหยูอีกครั้งและรู้สึกว่าราชาปีศาจหิมะทมิฬตรงหน้านางซ้อนทับกับซือหยู

 

ทั้งสองมองกันและกัน ในหัวใจมีคำถามแบบเดียวกัน บรรยากาศเริ่มแปลกไป

 

ซือหยูวิเคราะห์จ้าวยี่หยู ระดับสติปัญญาอันเหนือชั้น บ่มเพาะวิชาวารี…นี่ไม่เหมือนกับเซี่ยจิงหยูหรอกรึ? และเซี่ยจิงหยูยังมีส่วนร่วมในการคัดเลือดจ้าวยี่หยู หรือว่านางจะทำสำเร็จ? ในความทรงจำของซือหยู แม้เซี่ยจิงหยูจะมีระดับปัญญาที่สูงส่ง แต่ระดับนั้นก็ยังไม่ถึงจุดที่นางจะเชี่ยวชาญได้ทุกวิชาบนโลก ไม่ต้องพูดถึงการสร้างวิชาที่ระดับด้อยกว่าวิชาระดับตำนานเพียงน้อยนิดเลย…แต่ทั้งคู่นั้นก็คล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ซือหยูริมฝีปากขยับ ในตอนนั้นเซี่ยจิงหยูก็รวบรวมความกล้าที่จะพูดออกมา แต่เมื่อทั้งสองรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดก็ได้แต่โพล่งออกมาพร้อมกัน

 

“เจ้าพูดก่อนสิ!”

 

ทั้งสองพูดพร้อมกันและตัวแข็งทื่อ

 

“ข้าก่อน…”

 

ทั้งสองพูดพร้อมกันอีกครั้ง

 

เซี่ยจิงหยูหน้าแดง หัวใจนางเต้นแรง ราวกับมีอะไรขวางลำคอของนาง หรือว่าจะเป็นเขาจริงๆ!

 

ซือหยูตกตะลึงเช่นกัน หรือนางจะเป็นเซี่ยจิงหยู?

 

ทั้งสองมองกันและกันและหายใจเข้าลึกเพื่อเตรียมเสียงที่จะเดา

 

ในตอนนั้นเองก็มีเสียงหวานๆดังขึ้นมา

 

“พี่ชาย พี่สาว…ทำอะไรกันอยู่รึ?”

 

มั้งสองตัวสั่นและหัวไปมอง

 

ที่พื้นข้างใต้พวกเขานั้นมีเด็กสาวน่ารักที่มัดผมสองข้าง นางเงยหน้ามองพวกเขาอย่างไร้เดียงสาและยิ้มแย้ม นางดูอายุราวห้าขวบและสวมชุดสีสันสดใส ผิวของนางเรียบเนียน ไม่มีสิ่งใดที่เกินคำว่าสมบูรณ์แบบ นางมองทั้งสองด้วยสายตาซุกซน

 

ซือหยูก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางเซี่ยจิงหยู

 

“เจ้าเป็นใคร?”

 

แม้ว่าพวกเขาจะวอกแวกไปเมื่อสักครู่แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สัมผัสได้ถึงคนใกล้ๆ และยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดเด็กไร้พิษภัยถึงมาอยู่ในสถานที่อันตรายอย่างก้นบึ้งมังกรเก้านรก?

 

เซี่ยจิงหยูรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน นางมองเด็กสาวตัวน้อย

 

เด็กสาวลืมตากว้างและยิ้ม

 

“ข้าคือจางตี๋เก้อ จางตี๋ที่แปลว่าขลุ่ย เก้อที่แปลว่าบทเพลง หึหึ! ชื่อข้าเพราะใช่ไหมล่ะ?”

 

จางตี๋เก้อ จางตี๋เก้อ…เซี่ยจิงหยูคิดถึงชื่อนี้ นางมั่นใจว่าได้ยินชื่อนี้มาก่อน!

 

******

 

หลู่มู่มิอาจรอดพ้นมือของตังกุย ตังกุยใช้พลังสีดำสนิทปกคลุมศีรษะของหลู่มู่โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องอันปวดใจ

 

“ฮื่ม!”

 

“เจ้าไม่รู้เรื่องแก้วกำเนิดห้าธาตุเรอะ! แล้วเจ้าจะหนีทำไมกัน? ดูเหมือนเจ้าจะระวังข้ามานานแล้ว แม้แต่เตรียมการหาที่หลบภัยกับตระกูลกุย! ข้าคงปล่อยให้เจ้ามีชีวิตไม่ได้อีกแล้ว!”

 

ฉั่วะ–

 

สมองของหลู่มู่ถูกเฉือนหายไป

 

ตังกุยหัวเราะและปล่อยให้ร่างไร้วิญญาณของหลู่มู่ร่วงลงสู่พื้น

 

“ถ้าอย่างนั้น…”

 

“ฮงมู่จะต้องเป็นพันธมิตรกับตระกูลกุย ตระกูลกุยบอกให้เขาชิงแก้วกำเนิดห้าธาตุไปงั้นรึ? บังเอิญที่คนนอกสองคนนั้นมาที่นี่ มิเช่นนั้นแก้มกำเนิดห้าธาตุก็คงไปอยู่ที่ตระกูลกุยแล้ว!”

 

ตอนนี้คนนอกไม่มีพลังอสูรติดตัว ตังกุยทำได้แค่ติดต่อเล่ยมู่

 

“ช่วยข้าหาคนนอกสองคนนั้นเร็ว!”

 

“พวกนั้นมีแก้วกำเนิดห้าธาตุในมือ!”

 

เล่ยมู่ที่อยู่ในเมืองวางสร้อยหยกและสาปแช่งอย่างโกรธแค้น

 

“เจ้าขยะเอ้ย!”

 

“คลาดกับเจ้าสองคนนั้นได้ยังไง!”

 

แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเมืองก้นบึ้ง เล่ยมู่ทำอย่างที่ตังกุยพูด เขาใช้สมบัติเทพเพื่อตามหาซือหยูกับเซี่ยจิงหยู ทั้งสองไม่มีทางรอดพ้นสมบัติเทพไปได้นอกจากจะมีฐานพลังที่เหนือกว่า

 

“ข้าเจอแล้ว…”

 

“พวกนั้นอยู่ในเส้นทางของเมืองก้นบึ้ง”

 

ตังกุยพยักหน้า

 

“มีอะไรอีกหรือไม่?”

 

เล่ยมู่มองรอบๆและพบเพียงแค่สองคนนั้น

 

“ข้าเห็นแค่สองคนนั้น…เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน…”

 

เล่ยมู่มองใกล้ๆและเห็นภาษากายของคนนอกทั้งสอง ดูเหมือนว่าทั้งสองจะกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ ทั้งคู่ระวังตัวอย่างมาก…ราวกับว่ากำลังเจอศัตรู แต่ก็ไม่มีใครอยู่เบื้องหน้าพวกเขาที่กำลังพูด!

 

หยดเหงื่อเย็นไหลซึมบนแผ่นหลังเล่ยมู่

 

เล่ยมู่มองใกล้ขึ้นและพบกับสิ่งประหลาด เด็กสาวตัวน้อยปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

 

นางมองผ่านมุมมองนั้นตรงมายังเล่ยมู่

 

ตึก ตึก ตึก–

 

เล่ยมู่ละสายตาออกจากเครื่องติดตาม เขาล้มลงกับพื้น

 

ใบหน้าเขาสลักด้วยความกลัว เขาตัวสั่นอย่างกระวนกระวาย

 

“จางตี๋…เก้อ…นั่นมัน…ภูติสวรรค์!”

 

ราชินีแห่งเหล่าภูติ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในก้นบึ้งมังกรเก้านรก ภูติสวรรค์ขอบเขตภูติ จางตี๋เก้อ!

 

******

 

เด็กสาวตัวน้อยมองซือหยูกับเซี่ยจิงหยู นางยิ้ม

 

“ข้าชื่อ จางตี๋เก้อ พี่ชาย พี่สาว พวกท่านชื่ออะไรรึ?”