“ข้าจะปล่อยให้พวกดรูอิดตัวน้อยพวกนั้นอยู่กันตามลำพังแล้วทำลายโครงการของเราเช่นนั้นหรือ?! ข้าดูเป็นคนขลาดเขลาในสายตาท่านถึงเพียงนั้นเลยหรือ ดักลาส?!” เจ้าแห่งวายุตะคอกใส่ประทานดักลาสอย่างโกรธเกรี้ยว ในขณะเดียวกัน เหล่าผู้วิเศษที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ของตน พยายามจะอยู่ให้ห่างจากเสียงกึกก้องของเจ้าแห่งวายุ
แต่ดักลาสยังคงสงบนิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาคุ้นชินดี ก่อนที่เขาจะเอ่ยปลอบเจ้าแห่งวายุด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เฟอร์นันโด ภารกิจหลักของเจ้าเวลาทำงานร่วมกับแฮททาเวย์และวีเซนเตคือให้ความร่วมมือกับมัลฟิวเรียนในการศึกษา และทำความเข้าใจความลับของพลังแห่งธรรมชาติ และข้าก็มั่นใจว่าทุกท่านในที่นี้ต่างเต็มใจให้การช่วยเหลือเจ้า”
ชื่อของนักเวทโบราณหลายท่านที่ร่วมก่อตั้งสภาเวทมนตร์กับดักลาสค่อยๆ ทยอยเลือนหายไปตามการพัฒนาของอาร์คานาศาสตร์ และในตอนนี้ก็เหลือเพียงห้าคนที่ยังอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ส่วนมหาจอมเวทอีกหกท่านที่เหลือนั้นถือว่ามีระดับต่ำกว่าไม่มากก็น้อยในสายตาดักลาส และสองจากหกคนนั้นก็แทบจะนับได้ว่าเป็นศิษย์ของเขาเอง
บรูค สุภาพบุรุษวัยกลางคนสวมวิกผมและแว่นตากรอบทอง โอลิเวอร์ คอนสแตนติน ชายวัยกลางคนผู้มีผมและดวงตาสีดำท่าทางมีสง่าราศี และเฮลเลน ไพรซ์ สุภาพสตรีผู้งดงามหน้าตาเหมือนเอลฟ์ ต่างพยักหน้าแสดงความเห็นพ้อง ไม่ว่าพวกเขาจะแข่งขันกันเองแทบจะตลอดเวลาและไม่ว่าพวกเขาจะเข้ากันได้ดีหรือไม่ ณ ตอนนี้ พวกเขาต่างเต็มใจยื่นมือเข้าช่วย เพราะต่างรู้ดีว่าโครงการสำคัญเพียงใด
หากพวกเขาสามารถเปิดเผยความลับของเวทมนตร์แห่งธรรมชาติได้ พวกเขาก็จะเข้าใกล้การเปิดเผยความลับแห่งพลังศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอีกก้าวหนึ่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่เหล่านักเวทสามารถร่ายเวทศักดิ์สิทธิ์ได้ บาทหลวง พระคาร์ดินัล และอัศวินส่วนใหญ่จะไม่อาจศรัทธาในความเชื่อของพวกเขาได้อีกต่อไป หากพวกนั้นไม่ถูกลำแสงศักดิ์สิทธิ์กลืนกิน ก็คงจะสูญเสียพลังไปทั้งหมด
ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับสภาเวทมนตร์!
“อีกอย่างนะ เฟอร์นันโด เจ้าคิดว่าพวกดรูอิดจาก ‘กบฏธรรมชาติ’ จะเป็นพวกเดียวที่ต้องการก่อกวนโครงการของเราเช่นนั้นรึ เจ้าคิดว่าพวกเขาจะไม่แอบรายงานเรื่องนี้กับทางศาสนจักรรึ อีกไม่นาน เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลจากทั้งกลุ่ม ‘กบฏธรรมชาติ’ และศาสนจักร แต่ข้าอยากให้พวกเจ้าทุกคนจดจ่อกับโครงการนี้ต่อไป และนี่คือสาเหตุที่ข้าอยากจะกำจัดภัยร้ายที่ซ่อนอยู่เสียตอนนี้ให้กับเจ้าล่วงหน้า”
เห็นได้ชัดว่านั่นคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของประธานที่ขอให้ทุกคนมาที่นี่ นั่นก็เพื่อปรึกษาหารือถึงวิธีการขัดขวางศาสนจักรไม่ให้มาทำโครงการของพวกเขาพัง หัวข้อเกี่ยวกับชาวดรูอิดจากกลุ่ม ‘กบฏธรรมชาติ’ เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยก็เท่านั้น
“เป็นเช่นนี้เอง…ท่านประธานดักลาส เป็นข้าที่สมควรโดนตำหนิแล้ว แม้ว่าฟิลิเบลล์จะขัดขวางเรามาได้หลายครา แต่มันก็มักจะมีบางสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา” หลังจากเข้าใจแผนการของดักลาส เฟอร์นันโดก็ยอมรับผิดอย่างตรงไปตรงมา
อีกฟากหนึ่งของโต๊ะกลมมีชายวัยกลางคนผู้ดูซีดเซียวและสวมเสื้อคลุมสีดำนั่งอยู่ เขาดูผอมแกร็นจนดูเหมือนมีเพียงชั้นผิวหนังชั้นเดียวที่ห่อหุ้มกระดูกของเขาไว้ ในดวงตาของชายผู้นั้นมีดวงไฟสีแดงเข้มที่สั่นไหววูบวาบอยู่
เขาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว “เจ้านี่ไม่เคยเลยที่จะใช้หัวคิดให้ดีในเรื่องที่นอกเหนือจากอาร์คานาและเวทมนตร์ เจ้าเฒ่าวิปลาส ข้าคิดว่าเราควรจะแอบกันพวกดรูอิดที่ไม่ให้ความร่วมมือออกไปโดยจัดให้พวกนั้นไปอยู่กับจอมเวทชื่อดังที่จริงๆ แล้วไม่ได้มีส่วนร่วมกับโครงการนี้น่ะ”
การโดนเรียกฉายา ‘เฒ่าวิปลาส’ นั้น เฟอร์นันโดไม่ได้ใส่ใจอะไร “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงไม่เคยกล้าถกปัญหาคณิตศาสตร์กับอาร์คานากับข้าอย่างไรเล่า วีเซนเต…”
“ท่านคิดว่าจอมเวทผู้นั้นจะต้องมีชื่อเสียงมากเพียงใดหรือ ท่านวีเซนเต” ครอส ผู้วิเศษระดับตำนานถามขึ้น ด้วยพยายามจะไม่ไกล่เกลี่ยสถานการณ์น่าอับอายนี้สำหรับวีเซนเต
หลังจากเหลือบมองไปทางแฮททาเวย์ที่นั่งเงียบราวกับรูปสลัก วีเซนเตก็ตอบว่า “ผู้ชนะรางวัล ‘บัลลังก์นิรันดร’ คนล่าสุดกับผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ที่อายุน้อยที่สุดน่าจะเพียงพอ ตอนนี้ฟิลิปกำลังยุ่งอยู่กับการทดลองของเขา ดังนั้นเขาจึงจะไม่ได้มีส่วนร่วมจริงๆ ส่วนลูเซียน อีวานส์ จาก ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ เขายังไม่มีความสามารถพอจะวิเคราะห์เวทศักดิ์สิทธิ์หรือก คุณนายฟลอเรนเซียเพียงแนะนำโครงการนี้ให้เขาด้วยหวังว่าเขาจะเรียนรู้บางอย่างได้ แต่กระนั้น ชื่อเสียงของพวกเขาก็คงจะน่าเชื่อถือพอสำหรับพวกดรูอิด”
“ฟังดูเข้าท่า หรือท่านรู้สึกเช่นไรขอรับ อาจารย์ข้า” บรูค จอมเวทผู้ทรงอิทธิพลจากการนำเสนอความเข้าใจในรูปแบบของพลังวิญญาณที่แตกต่างจากดักลาส ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ตัวเขาเองกลับเป็นศิษย์ของดักลาส
ทว่า ระหว่างทั้งสองนั้นดูเหมือนจะมีความห่างเหินเย็นชาไม่น้อย ข่าวลือเกี่ยวกับพวกเขาบางเรื่องก็ดูเหมือนจะเป็นความจริง
ก่อนที่ดักลาสจะพยักหน้ารับ อยู่ๆ แฮททาเวย์ก็พูดขึ้น ขณะที่ดวงตาสีเทาเงินของนางกวาดมองไปยังนักเวททุกท่านที่นั่งล้อมวงกันอยู่ที่นี่ “ทั้งสองคนต้องเป็นผู้นำกลุ่มคนละกลุ่ม เพื่อแยกชาวดรูอิดที่ไม่ให้ความร่วมมือออกเป็นสองกลุ่ม”
ดักลาสเห็นด้วย “นั่นยิ่งดีขึ้นไปอีก หากว่าทุกท่านในที่นี้เห็นพ้องต้องกันกับแผนการนี้ เราก็จะไปที่หัวข้อถัดไป นั่นคือ จะใช้วิธีใดในการขัดขวางคนจากศาสนจักรไม่ให้มาทำลายโครงการของเรา”
…
สำนักดักลาส บ้านพักของลูเซียน
“ว้าว… เพียงไม่กี่วันผ่านไป อาจารย์มือใหม่ของเรา ลูเซียน อีวานส์ ก็กลายเป็นผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’… เป็นผู้ชนะที่อายุน้อยที่สุดเสียด้วย!” ร็อคเดินสลับกับกระโดดไปรอบๆ ตัวลูเซียนอย่างตื่นเต้น “ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?! เจ้าจะต้องเป็นคนที่เลื่อนระดับอาร์คานาเป็นระดับสี่ได้เร็วที่สุดแน่ๆ เลย!”
ลูเซียนนึกขันกับท่าทางของร็อค รู้สึกว่าเขาสามารถเป็นนักข่าวที่ดีได้เลยทีเดียว “ข้ายังคงเป็นคนคนเดิม และการเปลี่ยนแปลงเดียวก็คือผู้คนมองข้าแตกต่างออกไป หากว่าข้านำเสนอโครงการของเจ้าให้กับคณะกรรมการในตอนนี้ บางทีมันอาจจะผ่านการพิจารณาก็ได้นะ”
ร็อคทอดถอนหายใจอย่างใส่อารมณ์ “ชื่อเสียงและฐานะ… ว้าว… ลูเซียน หากเจ้าอยากเสนอหัวข้อวิจัยใด ข้ายินดีแบ่งปันแนวคิดกับเจ้านะ! หรือไม่ข้าก็เป็นผู้ช่วยของเจ้าได้นะ!”
เจอโรมกับวิลเนียไม่สนใจคำพูดของร็อค กลับเอาแต่จ้องมองลูเซียนกับแหวนของเขาด้วยความเหลือเชื่อต่อไป
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ วิลเนียจึงเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าข้ามีอะไรให้อวดโอ่แล้วล่ะ เพราะข้าเคยทำงานร่วมกับผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ มาตั้งนาน แต่ว่านะ เรื่องราวของเจ้าและการเปลี่ยนแปลงที่เจ้าได้ทำนั้นช่างเป็นเหมือนปาฏิหาริย์เสียจริงๆ”
นางชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแย้มยิ้มกว่าง “กระแสในโฮล์มตอนนี้คือสุภาพบุรุษจะขอสุภาพสตรีแต่งงานด้วยการมอบแหวนให้ เจ้ากับแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มของเจ้าคือส่วนผสมที่ไม่มีสุภาพสตรีท่านใดจะปฏิเสธได้แน่นอน”
ในตอนนี้เองที่ร็อคเอ่ยแทรกขึ้น “ว่าแต่ว่านะ เมื่อไม่นานมานี้ บีตย์กับสหายของเขาไปร้องเรียนกับทางสำนักว่าเจ้ามักไม่อยู่ในสำนัก และเจ้าก็ไม่ได้ทำตามหน้าที่ของอาจารย์เลย ดังนั้นพวกเขาจึงอยากให้ไล่เจ้าออก แต่เจ้ารู้อะไรไหม ทันทีที่พวกนั้นไปถึงห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ วารสารเวทธาตุฉบับนั้นก็ไปถึงพร้อมๆ กัน ฮ่าๆๆ…! พอบีตย์ได้ยินว่าเจ้าชนะรางวัล เขาก็ถึงกับทำถ้วยลายครามสุดโปรดจากโคเล็ตต์ร่วงลงพื้นเลยล่ะ ลูเซียน ข้าหวังว่าสักวันงานวิจัยของเจ้าจะสามารถโค่นล้มความเชื่อของพวกนั้นได้…”
เห็นได้ชัดว่าร็อคกำลังตื่นเต้นอยากมาก วันนี้ตอนที่ลูเซียนกลับมา อาจารย์หลายๆ คนที่ไม่ชอบเขาต่างเดินหนีตั้งแต่อยู่ในระยะไกลเลยทีเดียว
“ลูเซียน นั่นจดหมายสำหรับผู้ใดหรือ ฉบับหนาๆ นั่นน่ะ…” เจอโรมเห็นซองในมือลูเซียนจึงถาม
ลูเซียนโบกมือขวาไปมา “ของสหายข้าเอง”
ก่อนหน้านี้ เขาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงเขียนจดหมายนี้ขึ้นเพื่อส่งให้นาตาชา ในจดหมายฉบับนี้ เขาได้แบ่งปันสิ่งที่เขาได้เห็นและได้เรียนรู้กับนาง และรวมถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับดนตรีอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ลูเซียนยังใช้รหัสลับเพื่อบอกนาตาชาว่าเขาเพิ่งชนะรางวัลและได้รับแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มของตัวเองมา และส่วนหนึ่งของจดหมายนั้นเขียนถึงครอบครัวของโจเอล โดยเฉพาะเพื่อนสนิทของเขา จอห์น
“ให้คนรักของเจ้างั้นหรือ ข้าพนันได้เลยว่านางจะต้องอ่อนหวานและงดงามมากแน่ มิเช่นนั้นเจ้าไม่มีทางเมินเฉยต่อสาวงามที่นี่ทุกคนหรือก” วิลเนียหยอก “เจ้าเป็นจอมเวทระดับสี่และนักเวทระดับหนึ่งแล้ว เจ้าพานางมาใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าที่อัลลินได้นี่”
ลูเซียนต้องยอมรับว่านาตาชาเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก แต่หากพูดถึงความอ่อนหวานแล้ว… ลูเซียนได้แต่แย้มยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
ในตอนนั้นเอง แอนนิค สปรินต์ และนักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ก็มาถึง พวกเขาต่างจ้องมองลูเซียนด้วยความเคารพนับถือ “ท่านอีวานส์ ท่านจะจากไปเร็วๆ นี้แล้วหรือ”
พวกเขาต่างรู้สึกยิ่งกว่าภาคภูมิใจที่ได้เป็นลูกศิษย์ของท่านอีวานส์!
ลูเซียนยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้า “ใช่ แต่ข้ายังอยู่ในอัลลินนะ หากพวกเจ้ายังอยากจะเรียนกับข้า บ้านใหม่ข้าก็ยินดีต้อนรับทุกๆ วันเสาร์”
ลูเซียนเองก็มีการบ้านกองพะเนินที่ได้รับมาจากราเวนติ และตอนนี้เขาก็ค่อนข้างรู้สึกกระตือรือร้นที่จะแบ่งปันความรู้สึกนี้กับลูกศิษย์ของเขา
“จริงหรือขอรับ” แอนนิคประหลาดใจอย่างยิ่ง ส่วนนักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ต่างยิ้มกว้าง
ด้วยความช่วยเหลือของอีวานส์ ตอนนี้เชลีย์จึงตามเพื่อนๆ ในชั้นเรียนฝึกหัดได้แล้ว และยังกระทั่งตามคนฉลาดๆ อย่างแอนนิคกับแกรนท์ได้ทัน ดังนั้น อาจารย์หลายๆ คนจึงเริ่มใช้วิธีการสอนและสั่งการบ้านให้ลูกศิษย์เยอะๆ ตามแบบลูเซียน ซึ่งทำให้นักเวทฝึกหัดหลายคนแทบบ้า
ลูเซียนพยักหน้าด้วยท่าทางผ่อนคลาย จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มสมบูรณ์แบบของเขาออกมา “แบบทดสอบของข้าพร้อมหมดแล้ว”
ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมายังพวกเขา รอยยิ้มของเหล่านักเวทฝึกหัดต่างแข็งค้างไปโดยพลัน
…
เช้าวันจันทร์ รถม้าของลูเซียนก็มาถึงเมืองซาริวา และตามคำสั่งที่ได้รับมา ลูเซียนกำลังจะได้พบกับสมาชิกกลุ่มทำวิจัยที่โรงแรมรากมังกรแห่งนี้
ด้วยหมวกทรงสูงและเสื้อสูทติดกระดุมสองแถวสีดำ ลูเซียนดูค่อนข้างมีสง่าราศีและได้รับการศึกษามาอย่างดี บนอกของเขา มีเหรียญตราอาร์คานาที่มีดาวอยู่สี่ดวงกับเหรียญตราเวทมนตร์ที่มีวงแหวนอยู่สองวง
…………………..