โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.420 – สถิติอันน่าตกใจ

 

เมื่อกล่าวถึงช่วงท้ายประโยค สีหน้าของฉินเฟิง แสดงออกชัดถึงความประชดประชัน

 

เล่บหยิงถลึงมองฉินเฟิงด้วยความโกรธ

 

นี่ฉินเฟิงกำลังด่าว่าเขาแก่เกินหงำเหงือกใช่ไหม?

 

อันที่จริง ข้ออ้างนี้ของฉินเฟิง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ดีไม่ดี พันธมิตรมนุษยชาติ เมื่อรู้ถึงอายุของเขา อาจตระหนักถึงพรสวรรค์ของฉินเฟิง และมอบรางวัลเพิ่มเติมให้เลยก็ได้

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ไป๋หลียังไม่โจมตีถูกฝ่ายตรงข้าม

 

ณ ขณะนี้ สายตาที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งของกวงเว่ย ตกลงบนร่างของฉินเฟิงและไป๋หลี

 

“อายุ 17 ปี? ” กวงเว่ยมองตราเลเวล D ตรงหน้าอกทั้งสอง ขมวดคิ้วถาม “เจ้าหนู นายกำลังจะบอกว่าตนเองเป็นลูกหลานของตระกูลชั้นสูง หรือคนที่เกิดจากเมืองหลวงมังกรงั้นหรอ?”

 

เมืองหลวงมังกร คือศูนย์กลางแห่งตำนานของจีน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ใช้พลัง

 

“จะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร นายพลกวงเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้จะสื่อออกไปแบบนั้นเลย แค่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกฏข้อบังคับจริงๆ” ท่าทีของฉินเฟิงค่อนข้างสงบ แต่ในหัวใจกลับเริ่มขุ่นมัวเล็กน้อย

 

เพราะดูเหมือนจะผิดแผน กวงเว่ยไม่ใส่ใจว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์เลยสักนิด ตรงกันข้าม ฉินเฟิงกลับรับรู้ได้ถึงอารมณ์เชิงลบที่ปลดปล่อยออกมาจากอีกฝ่าย

 

แต่นี่ก็แค่การสังเกตแบบผิวเผิน ฉินเฟิงไม่กล้าใช้พลังสมาธิตรวจสอบให้มันชัดเจน เพราะยังไงซะ กวงเว่ยเป็นถึงเลเวล B

 

“งั้นหรือ” กวงเว่ยพยักหน้า สายตาราวกับน้ำแข็งกวาดมองทั้งสองฝ่าย แล้วเอ่ยปาก “กลุ่มของเล่ยหยิงประสบความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้นถนนเส้นนี้มอบให้เขา พวกนายไปที่อื่นเสีย”

 

สีหน้าของฉินเฟิงเรียบเฉย แต่ดวงตากลับมองกวงเว่ยด้วยความลึกล้ำ

 

“เข้าใจแล้ว!!”

 

ฉินเฟิงไม่ปฏิเสธ สมาชิกทหารรับจ้างเฟิงหลีเองก็ไม่ได้ปริปากอะไรอีก มีแค่บางคนที่ทนไม่ได้ แสดงท่าทีฮึดฮัดเล็กๆน้อยๆ

 

“พวกเรา ไป!”

 

ฉินเฟิงจากไปพร้อมกับฝูงชน ไป๋หลีจ้องมองเล่ยหยิงกับกวงเว่ยด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหันหลังและจากไป

 

สายตากวงเว่ยเลื่อนลงมองมือของไป๋หลี ที่กำลังกุมแส้มิติ ย่นคิ้วเข้าหากันคล้ายกำลังครุ่นคิด

 

สำหรับทุกคน นี่มันก็แค่การทะเลาะกันเล็กๆน้อยๆหลังสงคราม แม้จะชวนให้รู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดก็สามารถเบนความสนใจไปกับการเก็บกวาดที่เหลืออยู่อย่างรวดเร็ว

 

ออกสำรวจอีกไม่นาน พวกเขาก็พบแก่นพลังงานของเผ่ากริมตามท้องถนน ทว่าอุปกรณ์รูนมิติส่วนใหญ่กลับหายไป

 

ในบรรดาศพผู้ใช้พลังสิบคน จะพบเพียงหนึ่งเท่านั้น เรื่องนี้สร้างความสับสนแก่หลายๆคนมาก หรือว่าจะมีใครชิงอุปกรณ์รูนมิติไปก่อนหน้านี้แล้ว?

 

ถ้าอย่างงั้นเป็นฝีมือใครกัน?

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ผู้คนก็กวาดมองรอบๆด้วยความสงสัย

 

แน่นอน ไม่นานการเก็บกวาดก็จบลง ร่างไร้วิญญาณของผู้ใช้พลังที่ยังมีสภาพดี  สหายที่รู้จักกันของพวกเขาเริ่มห่อศพ ส่วนเศษซากการทำลายล้างของสงคราม ทำได้แค่รอฝ่ายพันธมิตรมนุษยชาติส่งกำลังคนเข้ามาจัดการ

 

และในตอนนี้ ก็ถึงช่วงเวลาอันแสนสำคัญ นั่นคือการเข้ารับแต้มสงคราม รางวัลนี้ถือเป็นตัวแทนของเงินตรา เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจหลักของฝูงชนในการร่วมศึก

 

เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ในที่สุดก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างแท้จริง

 

เนื่องจากตึกผู้ใช้พลังมีบางส่วนเสียหาย มิอาจรองรับคนจำนวนมากได้ ทุกคนจึงไปรวมตัวกันที่จตุรัสกลางแทน นายพลทั้งสามก็มารวมตัวที่นี่เช่นกัน พวกเขาจัดแถวเป็นรูปแบบวงกลม มีเลเวล B เป็นจุดศูนย์กลาง วงถัดมาเป็นผู้ใช้พลังเลเวล C ราวๆ 50 คน รอบนอกสุดเป็นเลเวล D กว่า 1,000 คน

 

ทั้งหมดกำลังเฝ้ารับชมผลสถิติทางสงครามเบื้องหน้า

 

“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ตรวจสอบเสร็จสิ้น สถิติสังหาร 714!”

 

“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ตรวจสอบเสร็จสิ้น สถิติสังหาร 752!”

 

“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ตรวจสอบเสร็จสิ้น สถิติสังหาร 802!”

 

สถิติสังหารของนายพลทั้งสาม ทำให้ผู้คนที่เฝ้ามองรู้สึกอึ้งทึ่ง

 

แน่นอน สำหรับพวกนายพล เรื่องเงินไม่นับเป็นสิ่งใด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ยิ่งทำภารกิจได้ดี การจัดส่งจากทางพันธมิตรมนุษย์ก็จะยิ่งมาก นี่คือรางวัลตอบแทนที่ถูกส่งมาให้พวกเขาโดยตรง

 

ซึ่งที่กล่าวมาคือทรัพยากรในส่วนของเลเวล B

 

ทั้งสามไม่แสดงสีหน้าใดๆ หลังตรวจสอบ ก็เริ่มแยกย้ายกลับไปยังตึกผู้ใช้พลังเพื่อพักผ่อน

 

เพราะอย่างไรเสีย สงครามถือว่ายังไม่จบลงซะทีเดียว สุดท้ายแล้วยังเหลือเผ่ากริมอีกราวๆ 200-300 ตัว ไม่แน่ว่าพวกมันอาจวกกลับมาอีกก็ได้ ฉะนั้นเมื่อมีเวลาสมควรพักเอาแรง ถึงคราวสู้จะได้กวาดล้างให้มันจบๆไป

 

ในตอนนั้นเอง หวังโจวกวักมือเรียกฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงเดินไปหาเขา ปากเอ่ยถาม “นายพลหวัง ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร?”

 

หวังโจวพยักหน้าและกล่าว “คนอย่างฉัน ไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร ฉันมีบางสิ่งอีกมากต้องทำหลังจากนี้ คงไม่ได้อยู่ที่นี่อีก ดังนั้นถ้าตอนนี้นายมีอะไรต้องการให้ช่วยรึเปล่า? ถ้ามีก็ขอให้บอกมาได้เลย”

 

ฉินเฟิงช่วยชีวิตหวังโจวเอาไว้ และหวังโจวก็ต้องการชำระหนี้ดังกล่าว

 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน หรือบางสิ่งบางอย่าง ทั้งหมดสามารถเอ่ยขอออกมาได้เลย

 

แน่นอน ว่าต้องไม่ใช่เรื่องไม่ดี ถึงหวังโจวจะช่วยได้ แต่ไม่ควรทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ

 

ฉินเฟิงหยุดเล็กน้อยก่อนกล่าว “นายพลหวัง ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากขอเข้าร่วมกับพันธมิตรระดับสูงล่วงหน้า ขอรับตำแหน่งผู้การรัฐประจำเขตสี่เมืองทะเลเหนือ”

 

ฉินเฟิงยื่นมือออกไป โชว์ตราของเกาหยูคังให้ดู

 

“นี่คือตราของผู้การรัฐเกาหยูคัง ก่อนตาย เขาได้มอบความไว้วางใจ ฝากความรับผิดชอบไว้กับผม”

 

หวังโจวประหลาดใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายผงกหัวรับและกล่าว “ฉันจะช่วยจัดการทางพันธมิตรมนุษย์ให้ แต่ด้วยความสำเร็จของนายในครั้งนี้ ไหนจะศักยภาพระดับสวรรค์โปรดปราน ฉันคิดว่ามันน่าจะมากพอให้นายเข้าสู่ระดับสูงล่วงหน้าได้”

 

“ขอบคุณนายพลหวัง”

 

“อืม ถ้ามีเรื่องอะไรอีก จากนี้ขอให้ติดต่อฉันได้เลย”

 

หวังโจวบอกหมายเลขสื่อสารแก่ฉินเฟิงไป

 

ฉินเฟิงบันทึกมัน ส่วนหวังโจวขอแยกตัว ขึ้นรถศึกล่องเวหา กลับไปพักผ่อนทันที หลังจากต่อสู้มาทั้งวัน ต่อให้เป็นเลเวล B ก็เหน็ดเหนื่อยเป็นเหมือนกัน ที่ยังคงยืนหยัดทรนงไม่จากไปในทันที เป็นเพราะต้องการแสดงให้ฝูงชนได้เห็น และรักษาสภาพจิตใจทางทหารให้มั่นคงก็เท่านั้นเอง

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว สงครามในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตเยอะเกินไป!

 

ซื่อฉิงเห็นหวังโจวจากไป  ก็เดินเข้ามาและกล่าว “ครั้งนี้นายทำได้ดีมาก หวังว่าในอนาคต พวกเราจะได้พบกันในระดับสูงของพันธมิตรมนุษย์!”

 

“ครับ หวังว่าจะได้พบกัน”

 

ฉินเฟิงพยักหน้า

 

แล้วซื่อฉิงก็เดินจากไป ส่วนกวงเว่ย หลังจากตรวจสอบเสร็จ เขาจากไปทันที

 

ผู้คนมองมายังฉินเฟิง การได้รับความสนับสนุนจากตัวตนทรงพลังเลเวล B ถึงสองคน เป็นเรื่องน่าอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง

 

อนาคตคงสดใส ไร้ที่สิ้นสุด!

 

อย่างไรก็ตาม ในบรรดาผู้คนที่มองมาด้วยสายตาริษยา หนึ่งในนั้น แน่นอนว่ามีเล่ยหยิงรวมอยู่ด้วย

 

“หัวหน้า คุณเองก็ตรวจสอบกับเขาด้วยไหม?”

 

ใครบางคนเอ่ยขึ้น

 

“ใช่ ใช่ คุณตรวจสอบก่อนเถอะ”

 

“ใช่ เพราะในครั้งนี้ คาดว่าคุณคือคนที่ได้รับแต้มสงครามมากที่สุด”

 

คนเหล่านี้ ต้องการจะดู ว่าฉินเฟิงประสบความสำเร็จถึงขนาดไหน

 

ในความเป็นจริงแล้ว แผนกตรวจสอบชั่วคราว มีหน้าจอมากกว่า 10 จอ มันสามารถช่วยจัดการการตรวจสอบให้เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

 

แต่ทั้งหมดยังไม่เข้ารับการตรวจสอบในทันที พวกเขาอยากจะเห็นสถิติของฉินเฟิง เพราะเกรงว่าอาจพลาดช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์ไป

 

ในทุกๆครั้งที่สงครามจบลง มักก่อกำเนิดวีรบุรุษและปาฏิหาริย์ขึ้นเสมอ บางคนได้รับความมั่งคั่งมหาศาล ติดปีกโผทะยานอย่างไม่มีใครสามารถหยุดยั้ง

 

“อ่า ถ้าทุกๆคนและเลเวล C คนอื่นๆเห็นว่ามันไม่เป็นการข้ามหน้าข้ามตา งั้นผมขออนุญาต”

 

ว่าจบ ฉินเฟิงก็ก้าวไปข้างหน้า ส่งวิดีโอออกไป

 

วิดีโอของเขา เก็บภาพเอาไว้ค่อนข้างมาก ใช้เวลาในการตรวจสอบนานกว่าพวกนายพล

 

“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ตรวจสอบเสร็จสิ้น สถิติสังหาร 3419”

 

เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ ดวงตาของฝูงชนต่างเบิกกว้าง แทบไม่อาจทำใจเชื่อได้!

 

แต่ไม่นาน บางคนก็เริ่มฉุกคิด ว่าที่ตัวเลขมันมากขนาดนี้ คงเป็นเพราะฉินเฟิงคือคนแรกที่เปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ สุดท้ายมันนำมาซึ่งชัยชนะอันใหญ่ยิ่งของสงครามในครั้งนี้ และที่สำคัญที่สุดก็คือ สถิติของเขา–

 

–มากกว่านายพลถึงหลายเท่า!

 

เรื่องแบบนี้ จะไม่ให้ผู้คนรู้สึกอิจฉาได้อย่างไร

 

เงินจำนวนมหาศาล ถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวของฉินเฟิง และเมื่อบวกกับเงินสะสมที่มีก่อนหน้านี้ ทำให้ในปัจจุบัน ฉินเฟิงมีเงินในบัญชีมากกว่า —

 

–4.5 ล้านล้าน!