บทที่ 713 ต้องเชิญมาให้ได้ / บทที่ 714 ขึ้นอยู่กับดวงเท่านั้น

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 713 ต้องเชิญมาให้ได้

คืนนี้ โชคของเฟลิกซ์สไตลิสต์มือทองคนใหม่เหมือนจะไม่ได้ดีนัก

หลังจากออกจากคอนโดมาแล้ว เยี่ยมู่ฝานที่แต่งตัวดูดี เซ็ตทรงผมหวีจัดทรงอย่างเป็นระเบียบ ก็ขับซูเปอร์คาร์ยี่ห้อปากานีสีแดงคันใหญ่ที่เยี่ยหวันหวั่นเอาให้เขาไปงานแฟชั่นอวอร์ดอย่างเบิกบานใจ

งานแฟชั่นอวอร์ดครั้งนี้จัดขึ้นในที่ส่วนตัวแห่งหนึ่งแถบชานเมือง

ถึงแม้ว่าสองวันนี้สภาพอากาศจะไม่ดีนัก มีฝนตกตลอด แต่ก็ไม่ส่งผลต่ออารมณ์ของเขา

ประตูรถเปิดออกครึ่งหนึ่ง เม็ดฝนกระทบกับใบหน้าเบาๆ รู้สึกผ่อนคลายมาก บนถนนไม่มีคน เยี่ยมู่ฝานจึงเพิ่มความเร็วกว่าเดิม

แต่คิดไม่ถึงเลยว่ารถเพิ่งขับได้กลางทาง จู่ๆ รถคันเล็กสีนำเงินคันหนึ่งก็ย้อนศรมา พุ่งมายังทิศทางของเขา

“บ้าเอ๊ย!” เยี่ยมู่ฝานรีบเหยียบเบรก หักพวกมาลัยหลบรถคันนั้น

เป็นเพราะเร็วมากเกินไป ปากานีสีแดงจึงครูดกับบิวอิคก์คันนั้น พุ่งไปถึงพุ่มไม้ข้างทางและหยุดลงได้อย่างหวุดหวิด

ดีที่เขาหลบทัน จึงไม่เกิดเรื่องใหญ่อะไร

เพียงแต่ว่าฝนเพิ่งจะตก พุ่มไม้เลยเต็มไปด้วยโคลน พอเยี่ยมู่ฝานตะกายออกมา สภาพก็ดูไม่จืดแล้ว

ผมเสียทรง บนตัวมีแต่คราบโคลน ฝากระโปรงปากานีของเขายุบเป็นรอยบุบใหญ่

“อา เวรเอ๊ย…”

หมดกัน!

เยี่ยมู่ฝานลูบผม หวั่นวิตกราวกับมดบนกะทะร้อน ปฏิกิริยาแรกคือจบสิ้นกันแล้ว วันนี้ก่อนจะออกมาหวันหวั่นบอกให้เขาขับช้าๆ สุดท้ายก็เอารถมาชนจนได้

ถ้าหวันหวั่นรู้เขา คงถลกหนังเขาแน่!

“แม่งเอ๊ย ขับรถภาษาอะไรของแกวะ!”

คนขับรถสีน้ำเงินที่อยู่ตรงกันข้ามลงจากรถมา สบถด่าเยี่ยมู่ฝาน

เยี่ยมู่ฝานถูกด่าจนงงงวย เอ็งขับย้อนศรมาไม่ใช่เหรอ? อะไรที่เรียกว่าคนชั่วฟ้องก่อน เขานับว่าได้ประสบพบเห็นแล้ว

อีกฝ่ายมีกลิ่นเหล้าเหม็นฉึ่ง เห็นได้ชัดว่าเมาแล้วขับ

ช่างเถอะ แจ้งตำรวจแล้วกัน พูดกับคนเมาไปก็ไร้ประโยชน์

เยี่ยมู่ฝานต้องไปเข้าร่วมงานแฟชั่นอวอร์ด จึงแจ้งตำรวจทันที จากนั้นโทรหาผู้ช่วยผู้จัดการให้มาจัดการแทน

ในขณะเดียวกัน เหอจวิ้นเฉิงกับเฉินเมิ่งฉีไปถึงงานแฟชั่นอวอร์ดแล้ว

สองคนส่งบัตรเชิญเดินลายสีทองที่ออกแบบอย่างประณีต เข้างานไปอย่างราบรื่น

ในห้องจัดงานเลี้ยงคราคร่ำด้วยผู้คนที่แต่งตัวแบบผู้ดี คนที่มาล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงในวงการแฟชั่นและดาราดังจากทั่วทุกสารทิศ

หลังจากคนทั้งสองเข้าไป คนคุ้นเคยที่รู้จักกันมากมายเข้ามาทักทาย

“ผู้อำนวยการเหอ ยินดีด้วยนะครับที่ครั้งนี้เข้ารอบ!”

เหอจวิ้นเฉิงประสานมือ “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ!”

คนทั้งสองทักทายเสร็จ เฉินเมิ่งฉีก็กวาดมองกลุ่มคนด้วยความเร่งร้อน “คุณว่าเฟลิกซ์คนนั้นจะมารึยัง?”

เหอจวิ้นเฉิงพูด “ดูเหมือนจะยังไม่มา…”

“เหอจวิ้นเฉิง ตอนนี้คุณต้องบอกฉันให้ชัดๆ ตกลงคุณมั่นใจว่าจะชวนเขาได้หรือไม่ได้กันแน่?” เฉินเมิ่งฉีถามอย่างไม่วางใจ

เหอจวิ้นเฉิงมีสีหน้าไม่ค่อยแน่ใจนัก เอ่ยปากถามอย่างลังเล “เมิ่งฉี คุณต้องการเชิญเฟลิกซ์จริงเหรอ?”

เฉินเมิ่งฉีเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “แน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นงานแฟชั่นวีคนานาชาติของฉันนะ! จะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด!”

สไตล์ในช่วงนี้ของเธอดูธรรมดา ภาพลักษณ์ผู้นำแฟชั่นกำลังสั่นคลอน เธอจะไม่วิตกได้อย่างไร

ดังนั้นครั้งนี้ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรมากแค่ไหน เธอก็ต้องเชิญเขามาให้ได้

ถ้าหากเหอจวิ้นเฉิงพึ่งพาได้ เธอจะต้องใช้ความพยายามเปลืองขนาดนี้เหรอ?

เยี่ยมู่ฝานก็ยิ่งไร้ประโยชน์มากกว่า! ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปทำบ้าอะไรอยู่ที่ไหน!

———————————————————

บทที่ 714 ขึ้นอยู่กับดวงเท่านั้น

เหอจวิ้นเฉิงมีสีหน้าลำบากใจอยู่บ้าง “เมิ่งฉี ขอเตือนคุณนะว่าอย่าหวังมากไปดีกว่า นิสัยรองประธานที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่คนนี้ประหลาดมาก ถ้าศิลปินของกวงเย่ามีเดียอยากให้เขาเป็นสไตลิสต์ให้ เขาไม่คิดเงิน แต่ถ้าเป็นเจ้าอื่นนอกจากกวงเย่า ต่อให้เป็นบริษัทระดับโลกก็ต้องดูอารมณ์เขา อีกทั้งเสนอราคาสูงมาก!

ถึงเป็นแบบนี้ คนที่ต้องการตัวเขาก็มากันไม่ขาดสาย แม้จะเชิญตัวยาก แต่ฉันคิดว่าพอถึงเวลากรรมการบริหารเจิ้งในสมาคมแฟชั่นจะช่วยเราสานสัมพันธ์ได้ แต่สุดท้ายแล้วจะเชิญได้ไหม ต้องขึ้นอยู่กับดวงเท่านั้นแล้ว…”

เฉินเมิ่งฉีได้ยินก็ขมวดคิ้ว “ก็แค่สไตลิสต์คนเดียว เล่นตัวขนาดนี้เลยเหรอ…”

สไตลิสต์จากจวี๋ชิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินก็เอ่ยว่า “คุณหนูอย่าดูถูกสไตลิสต์เชียว สถานที่อย่างวงการบันเทิง เสื้อผ้าและสไตล์เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของตัวศิลปิน ในวงการนี้ สไตลิสต์ที่มีมาตรฐานสักคนหายากมาก ยิ่งเป็นเทพที่เปลี่ยนโทรมให้กลายเป็นน่าอัศจรรย์ได้อย่างเฟลิกซ์ ต่อให้เป็นซูเปอร์สตาร์ก็ต้องเกรงใจเขา”

เหอจวิ้นเฉิงพยักหน้าเห็นด้วย “เป็นอย่างที่ว่านั่นแหละ…”

คราวนี้ ไม่ไกลออกไปมีเสียงคนดังมา กรรมการบริหารเจิ้งแห่งสมาคมแฟชั่นมาถึงแล้ว

“เมิ่งฉี กรรมการบริหารเจิ้งมาแล้ว! มาเร็ว!”

เหอจวิ้นเฉิงรอยู่นานแล้ว เขาเบียดผ่านฝูงชนพาเฉินเมิ่งฉีเข้าไปทักทายได้

“กรรมการบริหารเจิ้ง สวัสดีครับสวัสดี ผมเหอจวิ้นเฉิงจากจวี๋ซิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ครั้งก่อนเราเคยเจอกันแล้ว”

กรรมการบริหารเจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นยกแก้วไวน์ในมือขึ้น “ผู้อำนวยการเหอ ยังไม่ได้แสดงความยินดีที่ครั้งนี้คุณได้เข้าชิงรางวัลไป๋ฮวาเลย! ผลงานมีสีสันมาก! แม้แต่ท่านประธานก็ยังออกปากชม!”

“ขอบคุณครับขอบคุณ กรรมการบริหารเจิ้งชมกันเกินไปแล้ว!” เหอจวิ้นเฉิงทักทายปราศัยด้วยรอยยิ้มสักพัก ก่อนจะถามประเด็นหลัก “กรรมการบริหารเจิ้งครับ ไม่ทราบว่า…รองประธานมารึยังครับ? เรื่องที่ผมพูดกับคุณก่อนหน้านี้ คุณคิดยังไงบ้าง ช่วยหาวิธีนัดเขามาเจอได้ไหมครับ?”

กรรมการบริหารเจิ้งได้ยินก็ส่ายหน้า “นัดเจอกับเฟลิกซ์เหรอ แฟชั่นวีคนานาชาติที่ลอร์เรนจะเริ่มเดือนหน้าแล้ว แทบทุกคนต่างก็ต่อคิวติดต่อเขา ถ้าเป็นศิลปินของกวงเย่ามีเดียยังพอว่า แต่ถ้าเป็นบริษัทอื่น…”

กรรมการบริหารเจิ้งทำหน้าว่าทุกคนก็รู้แก่ใจดี ตบไหล่ของเขาพลางเอ่ย “ถ้าคืนนี้คุณได้คุยกับเขาก็ถือว่าโชคดีแล้ว รอไปก่อนนะ!”

เหอจวิ้นเฉิงรีบร้อนพูด “ได้เลยครับ นานเท่าไรพวกเราก็รอได้ อีกเดี๋ยวรบกวนคุณช่วยแนะนำให้ก็พอครับ…”

กรรมการบริหารเจิ้งกำลังจะพูด เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็พลันดังขึ้น จึงรีบเดินไปรับโทรศัพท์ด้านข้าง ท่าทางจริงจังมาก

“เฮ้ ฮัลโหล รองประธาน มาหรือยังครับ? อะไรนะ? ทำไมเป็นแบบนี้ได้ รุนแรงรึเปล่าครับ? คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ไม่เป็นไรก็ดีแล้วๆ เสื้อผ้าจัดการได้ เดี๋ยวผมจะไปเตรียมให้เอง…ได้ครับได้…”

หลังจากกรรมการบริหารเจิ้งวางสาย ก็พูดกับพวกเหอจวิ้นเฉิงว่า “ทุกท่าน ทางผมมีเรื่องต้องจัดการ ขอตัวก่อนนะครับ!”

“ได้ครับได้เลย เชิญเลยครับ!” ทุกคนส่งเขาออกไป

กรรมการบริหารเจิ้งไปแล้ว คนก็เริ่มจับกลุ่มซุบซิบกัน

“เมื่อกี้กรรมการผู้บริหารเจิ้งพูดโทรศัพท์กับรองประธานเหรอ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ดูเหมือนว่าเกิดเปิดปัญหาขึ้นระหว่างทางมา…”

“จะว่าไปเฟลิกซ์คนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่ ในเมื่อเก่งขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ไปบริษัทใหญ่ๆ กลับตัดสินใจอยู่ในที่เล็กๆ อย่างกวงเย่า?”

“ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าตอนแรกเขาโดนผอ.ฝ่ายผู้ดูแลนักแสดงของกวงเย่ามีเดียดึงตัวไป…แล้วกวงเย่าในปัจจุบัน ความจริงก็ไม่เลวใช่ไหมล่ะ? เติบโตเร็วมาก!”

…………………………………………….