ตอนที่****398 ความอัปยศ !

 

ในเวลานี้ฮ่องเต้เกลียดตัวเอง เขาอยากจะตบหน้าตัวเองสัก 2 ที หลังจากแกล้งป่วยได้สมจริง ในท้ายที่สุดแล้วกลับเป็นกลุ่มของฮองเฮาที่เห็น ? คนที่เขาต้องการให้เห็นจริง ๆ กลับไม่ได้เห็นเพราะเขาประมาท สิ่งนี้จะดีได้อย่างไร ?

เมื่อเห็นเขาสับสนและพระชายาหยุนซึ่งมาถึงแล้วนอกประตูไม่เข้ามา จางหยวนก็กลายเป็นคนกระตุ้น เขาสะกิดพระกรของฮ่องเต้และกระซิบเตือนเขาว่า “ฝ่าบาท พระชายาหยุนอาจจะกลับไปแล้ว รีบตามนางไปเร็วพะยะค่ะ ! ”

น่าเสียดายที่เมื่อพวกเขาออกจากห้องโถง สิ่งที่เห็นก็คือชายเสื้อผ้าของพระชายาหยุนที่หมุนตัวจากไป

ฮ่องเต้กัดพระทนต์ของเขา โดยไม่ใส่ใจต่อรูปลักษณ์ของเขา หรือใส่ใจกับข่าวลือที่แพร่กระจายเกี่ยวกับการหมดสติของเขาแม้แต่น้อย เขาก็รีบไล่ตามทันที

พระชายาหยุนนั่งอยู่ในเกี้ยว คนเหล่านี้สามารถก้าวไปได้หลายก้าวโดยไม่จำเป็นต้องแตะพื้น ขณะที่พวกเขารีบไปยังตำหนักศศิเหมันต์

ฮ่องเต้เองก็เคยเข้าสู่สนามรบเมื่อตอนที่เขายังหนุ่ม เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่คนที่ทำงานอย่างหนักในสนามรบสามารถแข่งขันกับผู้เชี่ยวชาญของเจียงฮูที่สามารถใช้พลังภายในได้อย่างไร เขาเชื่อว่าเขาวิ่งเร็วมาก แม้กระนั้นเขาก็ยังถูกทิ้งระยะห่างจากคนข้างหน้า

ฮ่องเต้ไม่ยอมแพ้ เขาไล่ตามสุดความสามารถของเขาอย่างต่อเนื่อง จางหยวนยังอ้าปากค้างอยู่ข้างหลังเขา อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงยังคงอยู่ในห้องโถงสวรรค์ นางช่วยฮ่องเต้ทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือฮ่องเต้ต้องทำสิ่งที่เขาทำได้ ขณะที่เดินไปที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อหาซวนเทียนหมิง นางเริ่มคิดกับตัวเอง นางหวังเพียงว่าพระชายาหยุนจะไม่โทษนางที่ช่วยฮ่องเต้ในครั้งนี้ !

จากห้องโถงสวรรค์ถึงตำหนักศศิเหมันต์ ฮ่องเต้ไล่ตามโดยใช้เวลา 2 ก้านธูป  เมื่อเห็นเกี้ยวของพระชายาหยุนนำไปที่ประตูของตำหนักศศิเหมันต์ เขากัดฟันและเพิ่มกำลังขาของเขาวิ่งตรงไปที่ประตูปิด

อย่างไรก็ตามเขายังคงก้าวช้าไปก้าวหนึ่ง

ประตูปิดงับชายแขนเสื้อของเขา ฮ่องเต้ถูกปิดอยู่ข้างนอกอย่างเชื่องช้าเช่นนี้ เขาไม่สามารถเข้าไปหรือออกไปได้

เขาพยายามดึงแต่ไม่สามารถดึงออกมาได้ ฮ่องเต้หัวเราะ “ที่รัก ถ้าเจ้าคิดถึงเราแค่พูดออกมา แค่จับแขนเสื้อข้าแบบนี้ก็ไม่ดี เป็นเวลาหลายปีแล้ว หากผู้คนเห็นสิ่งนี้มันจะกลายเป็นเรื่องตลก”

ไม่มีการเคลื่อนไหวภายใน

ฮ่องเต้ไม่ท้อใจพูดต่อไปว่า “ที่รัก เรารู้ว่าเราอยู่ในใจของเจ้า มิฉะนั้นเจ้าจะไม่ไปที่ห้องโถงสวรรค์ ข้าหลอกเจ้าเพราะข้าอยากพบเจ้า ! มันเป็นการโกหกที่บอกด้วยความตั้งใจของข้า”

ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวภายใน

ฮ่องเต้เริ่มเหงื่อออกเล็กน้อย “ที่รัก เจ้าช่วยเปิดประตูได้หรือไม่ เพื่อที่เราจะได้พูดคุยกันข้างใน ? ไม่ว่าอย่างไรเรายังคงเป็นผู้ปกครองอาณาจักร การยืนอยู่ตรงทางเข้าเช่นนี้ดูไม่เหมาะสมเกินไป”

ตำหนักศศิเหมันต์ยังคงเงียบสนิท ได้ยินเสียงลมพัดผ่านต้นไม้เท่านั้น ไม่มีเสียงอื่น

ในเวลานี้จางหยวนที่ตามมา อ้าปากค้างเพื่อสูดอากาศ เมื่อเห็นชายแขนเสื้อของฮ่องเต้ถูกงับติดอยู่กับประตูตำหนัก เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงตะโกนเสียงดังที่ประตู “พระชายาหยุน ฝ่าบาททรงหวาดกลัวอย่างแน่นอนในวันนี้ เพราะพระชายาหยุนมาถึงในเวลาที่เหมาะสม ฝ่าบาทมาถึงทางเข้าตำหนักของท่านแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็เชิญฝ่าบาทเข้าไปดื่มชาเถิดพะยะค่ะ ! พระชายาหยุน ! ได้ยินหรือไม่พะยะค่ะ”

ฮ่องเต้ฟังสิ่งที่จางหยวนตะโกนและรู้สึกอับอายเล็กน้อย เขาดึงตัวจางหยวนและตำหนิว่า “เจ้าทำอะไร ? ”

จางหยวนพูดอย่างไม่พอใจ “พวกเขารังแกกันเกินไป” ในขณะที่พูดสิ่งนี้ เขาช่วยฮ่องเต้ดึงแขนเสื้อที่ติดอยู่ออก แต่ประตูตำหนักศศิเหมันต์ปิดแน่นเกินไป ไม่ว่าอย่าไรก็ไม่สามารถดึงออกมาได้

ฮ่องเต้ดุเขา “มันมีความสำคัญกับเจ้าหรือ ? ข้าสนุกกับการถูกรังแก มันจะเป็นอะไรไป ? ”

จางหยวนกล่าวว่า “บ่าวรับใช้คนนี้แค่กังวลว่าฝ่าบาทจะขายพระพักต์พะยะค่ะ!”

ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นมองปลอบใจตนเองว่า “หากมีการขายหน้าก็ต้องขายหน้า หลังจากหลายปีที่ผ่านมาข้าคุ้นเคยกับมัน ใช่แล้ว” เขามองกลับไป และถามจางหยวน “อาเฮงอยู่ไหน ? นางไม่ได้ตามเรามาหรือ ? ”

จางหยวนกล่าวว่า “ฝ่าบาท ! องค์หญิงแห่งมณฑลเรียกฝ่าบาทว่าเสด็จพ่อ และองค์หญิงเรียกพระชายาหยุนว่าเสด็จแม่ เพียงแค่ตอนนี้องค์หญิงได้ช่วยฝ่าบาทแล้วพะยะค่ะ แต่ฝ่าบาททำให้เป็นเช่นนี้ ถ้าองค์หญิงมาตอนนี้ องค์หญิงจะอธิบายต่อพระชายาหยุนอย่างไรในภายหน้าพะยะค่ะ”

ฮ่องเต้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และถึงข้อสรุปนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถยอมรับได้อย่างแท้จริงว่าเขาทำสิ่งที่ผิด เขาได้แต่ถอนหายใจและพูดกับตัวเองว่า “ไม่มีทางแก้ไขสถานการณ์นี้ได้จริงหรือ ? ”

จางหยวนกระทืบเท้าของเขา “ฝ่าบาท เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ได้กลายเป็นเช่นนี้แล้วมันก็สายเกินไปที่จะแก้ไขสถานการณ์ คราวนี้ฝ่าบาทรวบรวมความกล้าหาญได้ บ่าวรับใช้นี้จะปกป้องฝ่าบาทในขณะที่ฝ่าบาทพุ่งผ่านประตูนี้ ! มันไม่ใช่แค่ตำหนักศศิเหมันต์ ? มันเหมือนว่ามันเป็นถ้ำมังกร มันเป็นทางตันมานานกว่าสิบปีแล้ว ฝ่าบาทจะเข้าไปข้างในได้อย่างไรพะยะค่ะ”

จมูกของฮ่องเต้ฟืดฟาดด้วยความโกรธ ทำไมขันทีของเขาถึงไร้สมอง ถ้ามันเข้าไปได้ง่าย ๆ เขาคงทำมันมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว จะต้องรอจนถึงวันนี้หรือ ?

ก่อนที่เขาจะดุจางหยวน ในเวลานี้เสียงฝีเท้ามาจากทุกด้าน ราวกับว่ามีคนและม้าจำนวนมากวิ่งมาไม่รู้จบ ไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มทหารองครักษ์ก็บุกเข้าใส่ทุกด้าน และดูเหมือนจะสับสนเล็กน้อย

ฮ่องเต้เช็ดเหงื่อและถามจางหยวน “เกิดอะไรขึ้น? มีการกบฏใช่หรือไม่ ? ”

จางหยวนได้แต่เอ่ยว่า “ฝ่าบาท ช่วยคิดถึงเรื่องที่ดีได้หรือไม่พะยะค่ะ”

ดังนั้นฮ่องเต้จึงเปลี่ยนถ้อยคำ “เป็นไปได้หรือไม่ที่บางคนปรารถนาจะชิงอำนาจข้า ? ”

ความหมายแตกต่างกันหรือไม่ ?

จางหยวนใช้เวลาไม่กี่ก้าวเพื่อไปยังเส้นทางเล็ก ๆ และเรียกทหารองครักษ์มาถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ? ”

ทหารองครักษ์เห็นแขนเสื้อของฮ่องเต้ติดอยู่ที่ประตูทันที และมุมปากของเขากระตุกไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สามารถตอบกลับได้ “องค์หญิงรุ่ยเจียหายไปพะยะค่ะ ตอนนี้องค์ชายเก้าให้ค้นหาทั่วพระราชวังพะยะค่ะ”

“อะไรนะ ? ” ฮ่องเต้ทรงพิโรธมาก “เฉียนโจวกำลังรนหาที่ตาย ! ทั้งชายและหญิงกำลังรนหาที่ตาย หากเราไม่เปิดเผยความแข็งแกร่ง พวกมันก็ไม่หวาดกลัวจริง ๆ ! ” เขาสั่งทหาร “ไปค้นหาอย่างรวดเร็ว ค้นหาทุกซอกทุกมุม แม้ว่าเจ้าจะต้องขุดพวกมันขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าสามฟุตก็จงตามหา”

ทหารองครักษ์ทำตามทันที “พะยะค่ะ ! ” จากนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ฮ่องเต้ค่อนข้างคลั่ง เขาไม่คิดที่จะเข้าตำหนักศศิเหมันต์อีกต่อไป เขาโบกมือให้จางหยวน เขาพูดว่า “เร็ว ! เอาดาบมาตัดแขนเสื้อ เราต้องรีบกลับไป”

จางหยวนกล่าวว่า “ฝ่าบาทจะตัดเสื้อคลุม ? นั่นมันช่างโหดร้ายเกินไปพะยะค่ะ ? ”

“แล้วเจ้าคิดว่าควรทำเช่นไร ? ”

“เช่นนั้น… ฝ่าบาทถอดชุดคลุมพะยะค่ะ ! ” จางหยวนให้ความคิดกับเขาว่า “ทำให้พระชายาหยุนจดจำ มันดีกว่าการตัด”

ฮ่องเต้คิดว่าสิ่งนี้ดี เขาจึงหันหลังกลับ และถอดเสื้อคลุมออกด้วยตนเอง

“ไป เราจะกลับไปที่ห้องโถงสวรรค์ ! ” ฮ่องเต้ลากขันทีของเขาและเริ่มเดินกลับ แต่หลังจากเพียงไม่กี่ก้าวเขารู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างหลุดออกไป ฮะ ? สิ่งที่เหลืออยู่คือเสื้อตัวในสีขาวของเขา ? มันช่างน่าเกลียดเหลือเกิน “นั่น เอ่อ ไปทางนี้กันเถิด” เขาดึงจางหยวนไปด้านข้าง และทั้งสองก็เดินไปตามถนนด้านข้าง

เช่นนี้พวกเขาแอบเข้าไปในห้องโถงสวรรค์ จางหยวนคิดกับตัวเองทำไมพวกเขาถึงทำตัวเหมือนคนร้าย ? ใครจะรู้ว่าอย่างที่เขาคิดสิ่งนี้ เขาได้ยินใครบางคนตะโกนดังออกมาจากด้านข้าง “ใครอยู่ที่นั่น ! ออกมา ! ”

จางหยวนคิดกับตัวเอง มันจบสิ้นแล้ว! คราวนี้พวกเขาจะขายหน้ามาก

หลังจากนี้หอกก็ขยับจากบ่าไปหาพวกเขา จางหยวนกลัวเรื่องนี้ด้วยการตะโกนว่า “เจ้าโง่ ! ”

ทหารองครักษ์ได้ค้นหารุ่ยเจียและลงเอยที่นี่ เขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวบางอย่างที่มาจากพุ่มไม้บนเส้นทางเล็ก ๆ ใครจะรู้ว่าในขณะที่เขาขยับหอกของเขา เขาจะได้ยินเสียงขันที

หลังจากนี้พวกเขาเห็นขันทีของฮ่องเต้ จางหยวนออกมาพร้อมกับใบไม้บนหัวของเขา ข้างหลังเขามีคนสวมชุดสีขาวยืนขึ้นด้วย

ทหารองครักษ์ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันมืดและฮ่องเต้ซ่อนอยู่ข้างหลังจางหยวน เช่นนี้ไม่มีใครสามารถเห็นเขาได้ชัดเจน หนึ่งในทหารองครักษ์ถามจางหยวน “ขันทีมาซ่อนอะไรอยู่ที่นี่ ทำไมไม่ดูแลองค์ฮ่องเต้” เขามองกลับมาและรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นี่คือพระราชวังชั้นใน คนธรรมดาเข้ามาในพระราชวังได้อย่างไร ? เป็นไปได้ไหมที่มันจะเป็นขันทีอีกคน ? ทำไมขันทีถึงแต่งตัวแบบนั้น คำถามมากมายนับไม่ถ้วน และทหารองครักษ์ฮ่องเต้แสดงความสงสัยอีกครั้ง “คนที่อยู่ข้างหลังขันที… คือขันทีคนไหน ? ”

“บังอาจ ! ” เมื่อได้ยินว่าเขาถูกเรียกแบบนั้น ฮ่องเต้ก็ระเบิดขึ้นทันที เขาเดินไปข้างหน้าและเตะทหารองครักษ์

ทหารองครัก์หลบกลับในขณะที่แทงด้วยหอก ฮ่องเต้คว้าหอกและดึงมันด้วยความโกรธ ด้วยการใช้กำลังบางอย่าง เขาทำให้กองทหารองครักษ์ล้มลง

ในที่สุดทหารองครักษ์ก็มองเห็นได้ชัดเจน ไม่ใช่ขันที เขาคือฮ่องเต้อย่างชัดเจน ! ดังนั้นพวกเขาจึงคุกเข่าและขอร้องให้อภัย จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินองครักษ์ของฮ่องเต้ที่เรียก “ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาคนนี้ไม่รู้ว่าเป็นฝ่าบาท ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยพะยะค่ะ”

ฮ่องเต้มักจะมีพระพักต์เคร่งขรึมเสมอ มิฉะนั้นเขาจะทนซ่อนตัวอยู่ใต้พุ่มไม้ได้อย่างไร ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะถูกค้นพบ ในขณะนี้จิตใจของเขากำลังจะล่มสลาย

ฮ่องเต้รู้สึกว่าเขาไม่มีหน้าที่จะเห็นผู้คนอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงดึงจางหยวนไว้ข้างหน้าเขาอีกครั้ง

จางหยวนก็รู้สึกละอายใจเหมือนกัน แต่เขาเป็นขันทีส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ ในช่วงเวลานี้เขาต้องยืนต่อหน้าเขา ดังนั้นเขาจึงเหยียดตัวออกมาและพูดกับทหารองครักษ์ตรงหน้าพวกเขาด้วยเสียงอันดัง “หลังจากที่ฝ่าบาทรู้ข่าวว่าองค์หญิงรุ่ยเจียหายไป ฝ่าบาทจะออกไปตามหานางด้วยตัวเอง อย่าไปส่งเสียงทั่วทุกที่ ไม่งั้นจะถูกไล่ออก ! ”

ทหารองครักษ์ได้แต่นึกในใจ พวกเขากำลังโกหกใคร ? การใส่เสื้อตัวในเพื่อจับคน ? มีความสนใจมากขนาดนั้นจริงหรือ ?

แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความคิด เขาเป็นฮ่องเต้ไม่ว่าเขาจะสวมใส่อะไรหรือทำอะไรก็ตาม ดังนั้นองครักษ์ของฮ่องเต้จึงฟังสิ่งที่จางหยวนพูด หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ พวกเขาก็แยกย้ายกันไป จากนั้นทั้งสองได้ยินทหารองครักษ์ส่งเสียงบอกไปยังกลุ่มอื่น “อย่ามาค้นหาบริเวณนั้น ! องค์ฮ่องเต้เพิ่งมาจากตำหนักศศิเหมันต์และไม่ได้สวมชุดคลุม อย่าไปที่นั่นเพื่อสร้างปัญหา”

จางหยวนจับแขนของฮ่องเต้ทันที “ฝ่าบาทจงสงบ ! พวกเขาคือคนของฝ่าบาท ฝ่าบาทจะต้องไม่วู่วามพะยะค่ะ!”

ฮ่องเต้งงงวย “ทำไมเราต้องวู่วาม”

“พวกเขาพูดว่า…”

“พวกเขาบอกว่าเราเพิ่งมาจากตำหนักศศิเหมันต์และไม่ได้ใส่ชุดคลุม ฮะ ! ดีมาก นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก เรื่องราวที่พวกเขาสร้างขึ้นสำหรับคนชราผู้นี้ค่อนข้างสนุกสนาน ไปกันเถอะ เรากำลังจะกลับไปที่ห้องโถงสวรรค์”

ห้องโถงสวรรค์เป็นห้องบรรทมของเขา ในขณะที่เฉียนโจวก่อให้เกิดความวุ่นวายและทั้งพระราชวังกำลังค้นหารุ่ยเจีย ฮ่องเต้ก็เลือกที่จะกลับไปนอน !

จางหยวนน้ำตาคลอและเขาสำลักเล็กน้อย เขารู้ว่าฮ่องเต้กำลังหลบหนี เขาเลือกที่จะใช้คำโกหกนี้เพื่อโกหกตัวเอง เขาอยากจะมีชีวิตอยู่ในความเท็จมากกว่ายอมรับความจริง

เขาหันกลับไปมองตำหนักศศิเหมันต์รู้สึกว่าพระชายาหยุนทำเกินไป ฮ่องเต้เต็มใจที่จะทำสิ่งนี้ให้กับพระชายาหยุน แต่นางวางแผนอะไร จริง ๆ แล้ว… นางจงใจ ! ”

ในเวลานั้นในตำหนักศศิเหมันต์ พระชายาหยุนจามขณะเดิน นางหยุด และถามบ่าวรับใช้ในพระราชวัง “ตาแก่ผู้นั้นสาปแช่งตามหลังข้าใช่หรือไม่ ? ”